บทที่ 1 EP. 01

ปากกาด้ามทอง Omas Pushkin Fountain Pen ราคาราวหนึ่งหมื่นสี่พันเหรียญสหรัฐ ถูกเคาะลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีสีดำที่ขัดจนขึ้นมันแวววาว ราคาค่างวดแพงระยับไม่แตกต่างกัน ภายในห้องของผู้บริหารสูงสุดของตึก ที่ตั้งตระหง่านตัดเส้นขอบฟ้า ด้านหน้าของอาคารสูงติดแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหลังติดถนนสายหลักของเมืองหลวง วิวทิวทัศน์รอบด้านจากห้องทำงานประดับบานกระจกนิรภัยสูงลิบนั้นช่างสวยงาม ที่เด่นชัดสะดุดตาใจกลางตึกคือตัวอักษรโลหะสีทองอร่าม ระบุชื่อบริษัทปัญจสิทธิ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจทั้งห้างสรรพสินค้านามฟอร์ อองส์เซ่ จำหน่ายสินค้าทุกอย่างที่นำเข้าจากฝรั่งเศสและอังกฤษ และโรงแรมในเครือ เลอ ฟีนิกซ์ แกรนด์ ซึ่งมีมากกว่าร้อยสาขาทั่วทุกทวีป

ไวยปัญญ์ ปัญจสิทธิ์... นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ในนาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา ด้วยกิตติศัพท์ในการทำงานที่ทุกคนต้องยอมรับ ชายหนุ่มเข้ามารับตำแหน่งต่อจากคุณปู่ หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงสองคนในครอบครัว ด้วยวัยเพียง 23 ปีเศษในขณะนั้น ทำให้วันแรกที่เขาขยับเท้าเข้ามายังห้องประชุม ทุกสายตาของบรรดาคณะกรรมและผู้ถือหุ้น ต่างก็มองเขาอย่างตั้งแง่ตั้งแต่เท้าจรดหัว แต่ไวยปัญญ์ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นดูถูกตนเองได้นาน ประธานบริษัทวัยละอ่อนขอเวลาเพียง 2 ปี เพื่อพิสูจน์ความสามารถด้วยผลงานจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แล้วมันก็สำเร็จ ไวยปัญญ์ขยายธุรกิจภายใต้ชื่อของตระกูลปัญจสิทธิ์เรื่อยมา จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จากที่มีธุรกิจโรงแรมในทวีปเอเชียเพียง 12 สาขา และห้างสรรพสินค้าเพียง 7 สาขา แต่ในขณะนี้เขามีทั้งโรงแรมและห้างสรรพสินค้ารวมทั้งสิ้น 119 สาขาในทั่วทุกทวีป

เสียงชื่นยินดีมีให้ได้ยินทั้งจากผู้คนที่จริงใจและสวมหน้ากาก แต่เขาก็ไม่เคยเก็บมาคิด ด้วยรู้ดีว่าคนเหล่านี้จะทำให้ตนเองเข้มแข็งมากขึ้น หากเก็บลมปากหวานหูเหล่านั้นมาใส่ใจ ก็จะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่ง ชายหนุ่มเห็นทุกอย่างเป็นเพียงธุรกิจ ที่ต้องมีการถ้อยถีถ้อยอาศัย พึ่งพากันดุจน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า คงไม่มีใครที่เข้ามาญาติดีกับตนโดยไม่หวังอะไรตอบแทน วงการธุรกิจที่ใครๆ ก็มองว่าสวยหรู มันก็แค่สังคมจอมปลอมในสายตาเขา

ยิ่งบรรดาผู้หญิงที่เข้ามาใกล้ชิดกับเขาแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็แค่บรรดาสวยสวยรักสบายและหวังรวยทางลัดทั้งสิ้น แต่การเป็นผู้ชายไร้หัวใจและไม่มีความรู้สึกเช่นเขา ก็ไม่เคยทำให้เธอเหล่านั้นลดละความพยายามเลยสักคน จนบางครั้งไวยปัญญ์ก็ปล่อยให้เธอตบตีแย่งชิงกันไปตามนิสัยผู้หญิง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เลือกใคร สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงทุกคนก็เป็นได้แค่ ‘ของเล่นบนเตียงที่ดิ้นได้’

ทั้งดารา นางแบบ นักร้อง นักแสดง ไม่เว้นแต่บรรดาคุณหญิงคุณนายในวงสังคมไฮโซ ต่างก็เหมือนจะจับลูกสาวใส่พานประเคนให้ชายหนุ่มถึงปาก แต่ก็ไม่มีใครจับเขาได้อยู่หมัด ต่อให้ลีลาบนเตียงถึงอกถึงใจแบบที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็นั่นแหละ... ใครจะเอาสาวร้อนสวาทมาเป็นแม่ของลูก ก็แค่คู่นอนข้ามคืน ที่ปรนเปรอความสุขกันข้ามวันก็เกินพอแล้ว

เสียงพ่นลมหายใจออกมาเป็นระลอก จากเจ้าของความคิดที่มีเรื่องราวมากมายอยู่ในสมอง ชีวิตวัยหนุ่มของเขาแม้จะแทบหมดไปกับการทำงาน ทำงาน และทำงาน  แต่เขาก็ไม่เคยลืมคำว่าครอบครัว เพราะชีวิตนี้ตนเองเหลือเพียงแค่คุณปู่ คุณย่า และน้องสาวที่พิการตั้งแต่คลอด

‘พวกมันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต! สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำไว้กับคุณพ่อ คุณแม่ ตารักษ์ และน้องอัน ผมขอสัญญาว่าจะเอามันมากราบขอขมาทุกคนให้ได้!’

แม้เรื่องราวจะผ่านพ้นมากว่ายี่สิบปี แต่ความแค้นในหัวใจไม่เคยจืดจางเลยสักวินาที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์ ปากสีแดงเข้มเม้มเข้าหากันด้วยความแรงแค้นความโกรธเกลียด เขาจดจำวันที่ต้องสูญเสียทุกคนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับได้ดี ในวันนั้นเด็กชายอายุเพียง 9 ขวบต้องเดินขึ้นไปบนศาลา มือน้อยบรรจงจุดธูป 3 ดอก แล้วปักลงกลางกระถางธูปเบื้องหน้ารูปถ่ายของคุณพ่อ คุณแม่ และน้องชายคนกลาง ในขณะที่น้องสาวคนเล็กต้องอยู่ในตู้อบหลายเดือนกว่าจะอาการปลอดภัย ผู้เป็นพี่ได้แต่นั่งมองน้องผ่านกระจกกั้น... เขาทำได้เพียงแค่นั้น

ผลจากการฉีดยาเร่งคลอด ในขณะที่มารดาไม่มีแรงเบ่ง ทำให้คนป่วยอ่อนแรงลงทุกที กราฟคลื่นหัวใจค่อยๆ อ่อนลง พร้อมกับลมหายใจที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ  กว่าหมอจะตัดสินใจผ่าตัดทำคลอด มารดาตนก็อาการเข้าขั้นวิกฤต น้องสาวที่อยู่ในท้องนั้นโชคดีแค่ไหนที่ยังมีชีวิตรอด ทุกคนคิดว่าจะต้องสูญเสียไปพร้อมๆ กันแล้ว ในขณะที่คุณพ่อซึ่งขับรถไปรับน้องชายจากโรงเรียน และจวนเจียนจะถึงโรงพยาบาลอยู่รอมร่อ แต่เมื่อท่านทราบข่าวว่าคุณแม่ได้จากไปแล้ว สติสัมปชัญญะที่เคยจดจ่อกับพื้นถนน กลับพลันเหม่อลอยเคว้ง ตามด้วยอุบัติเหตุร้ายแรง ที่พรากชีวิตคุณพ่อและน้องชายของเขาไปตลอดกาล

ความสดใสร่าเริงในวัยเด็กหดหายไปจากชีวิตชายหนุ่ม ในเมื่อชีวิตนี้ไม่มีใครแล้ว นอกจากคุณปู่ คุณย่า และน้องสาว เขาต้องมุมานะเรียนอย่างหนัก และศึกษางานที่บริษัทไปด้วยจนกระทั่งเรียนจบ เขาเห็นว่าคุณปู่ก็แก่มากแล้ว จึงขันอาสารับตำแหน่งประธานบริษัทในทันที เพราะอยากทำให้ทุกคนยอมรับในความสามารถ แม้เสียงคัดค้านในห้องประชุมจะมีมากกว่าครึ่ง แต่คุณปู่ที่เลี้ยงดูเขามากลับยอมอนุมัติ เพราะท่านรู้จักหลานชายตัวเองดี

บทถัดไป