บทที่ 7 EP. 07

“ถ้าเขาใจป้ำขนาดนั้น ทำไมไม่จ้างพี่เลี้ยงที่มีชื่อเสียงไปเลยล่ะคะ”

เธอไม่ได้เอะใจกับนามสกุลเขาสักนิด คนที่มุทำแต่งานเพื่อให้ลูกค้าเป็นที่พอใจ โดยไม่ได้สนใจข่าวการเมือง สังคม บันเทิงอะไรเลย ทำให้เธอพลาดรู้จักคนสำคัญไปจริงๆ

“เอ่อ...คือ น้องสาวของเขาพิการน่ะครับ เลยไม่อยากให้คนที่มีชื่อเสียงหรือสังคมชั้นสูง มองน้องสาวเขาด้วยสายตารังเกียจ คุณปัญญ์รักน้องสาวเขามาก”

วันใหม่ฟังไปพร้อมกับความสงสาร นึกโกรธตัวเองในคราแรกที่คิดไม่ดีและสงสัย แต่เมื่อได้รู้เรื่องราวจากปากของอดีตเจ้านาย ทำให้เธอไม่มีคลางแคลงใจไรอีก โดยไม่รู้ว่าเรื่องที่ฟังมานั้นมีทั้งจริงและไม่จริง

“คุณไม่สนใจเหรอ”

“ขอคิดดูก่อนนะคะ ใหม่กลัวทำได้ไม่ดีน่ะค่ะคุณพี”

“ผมเอาใจช่วยนะครับคุณใหม่ ขอให้ได้งานที่รักเร็วๆ”

“ขอบคุณค่ะ”

ปลายสายวางไปแล้ว นามบัตรแผ่นน้อยถูกหมุนเล่นในมือ ชื่อและนามสกุลคุ้นทีเดียว แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก หญิงสาวอยากจะลองไปสมัครตามคำแนะนำของเจ้านายเก่า เพราะตอนนี้ไม่ว่างานอะไร หากได้เงินมากพอที่จะทำให้เธอส่งเสียพี่ชายได้ตนก็ยินดี โดยไม่เอะใจเลยว่าคนที่หยิบยื่นซองขาวให้ในวันนั้น จะมีเมตตาใจดีแนะนำงานดีๆ ให้ หญิงสาวกำลังลังเลใจว่าจะเอาอย่างไรดี ก่อนจะวางมันไว้บนเตียง และก้มหน้าหางานอื่นในหน้าอินเตอร์ต่อไป

เวลาผ่านไปอีกสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าที่ไหนจะรับตนเข้าทำงาน คนที่ไม่เคยท้อก็เริ่มเหนื่อยและอ่อนล้า หญิงสาวนั่งชันเข่าทั้งสองข้าง ก้มลงเอาปลายคางแนบกับเข่าน้ำตาไหลริน ทำไมเธอจะต้องมาพบเจอกับเรื่องราวร้ายเช่นนี้ 20 ปีแล้วสินะ ที่รู้ว่าสึกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย ไร้ที่ปรึกษาและที่พึ่งพิง เงินทองที่เคยมีอยู่ก็ร่อยหรอลงไปทุกวันจนหมดในที่สุด บิดาที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชีวิตของเธอต้องดิ้นรนหางานทำ และส่งเสียตัวเองตั้งแต่จบมัธยมปลาย ใบหน้าอาบน้ำตาฟุบลงกับฟูก ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างคนหมดกำลังใจ มือน้อยๆ เคลื่อนตัวไปแตะกับอะไรบางอย่างเข้า เธอหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะกวาดสายตาอ่านรายละเอียดบนนามบัตรใบเล็กอย่างตั้งใจ

เสียงโทรศัพท์ราคาแพงสั่นอยู่บนโต๊ะทำงาน โดยที่เจ้าของไม่ได้สนใจ แต่เมื่อดังเป็นครั้งที่สองเขาก็เหลือบแอบมองไม่ได้ และยิ่งเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตาก็ยิ่งสงสัย ปกติไวยปัญญ์จะไม่รับสายเบอร์ที่ไม่รู้จัก แต่ลางสังหรณ์บอกให้เขารับ ชายหนุ่มทำตามความคิด

“ฮัลโหล”

“สะ...สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์ของคุณไวยปัญญ์ไหมคะ”

น้ำเสียงตะกุกตะกักดังมาตามสาย ชายหนุ่มเงี่ยหูฟัง และรอคอยอีกคนอธิบายให้ความกระจ่างแจ้งกับตนอยู่ วันใหม่คิดอยู่นานหลายชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจเลือกโทร.มาหาเขา ตามที่พีรพลได้แนะนำเอาไว้ ทั้งที่ตั้งใจไว้ในคราแรก ว่าจะไม่รับความช่วยเหลือจากเขา แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ เพราะงานไม่ได้หากันง่ายๆ อย่างที่ตนคิด

“คือดิ...ฉันชื่อ...วันใหม่ค่ะ คุณพีรพลบอกว่า คุณต้องการครูพี่เลี้ยง”

คนฟังปลายสายยิ้มเย็น ดวงตาเหี้ยมเกรียม เหยื่อติดเบ็ดจนได้ ผู้หญิงหิวเงินคงอยากได้งานสบายเงินเดือนดี เพราะเขารู้เรื่องการเงินของครอบครัวเธอดี ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือ เรียกว่าแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว แต่เพราะสาเหตุอะไรนั้นเขาก็ไม่แน่ชัด แต่คิดว่าคงเป็นเวรกรรมที่พ่อของเธอ ได้กระทำกับครอบครัวตนเองไว้ ทำให้ได้รับการสูญเสียเช่นกัน แต่ยังก่อน... มันยังไม่จบแค่นี้

“ใช่ ฉันเองไวยปัญญ์ เธอพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ”

คำตอบของเขา ทำให้หญิงสาวนิ่งชะงักไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าคนที่ตนเองจินตนาการนั้น ฟังจากน้ำเสียงจะยังหนุ่มยังแน่นอยู่ หรือตนจะหูฝาดไปแล้ว เขายังถามตนเองอีกเรื่องงาน โดยที่ยังไม่ได้พบเจอพูดคุยเรื่องค่าตอบแทน และยังไม่รู้เรื่องความสามารถ

“เอ่อ...คุณ...จะไม่ดูรายละเอียด หรือทดสอบความสามารถของดิฉันก่อนเหรอคะ”

“ถ้าคุณพีรพลแนะนำมา ฉันก็ไม่มีอะไรต้องคุยเยอะ”

“คือ...ว่า” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตะกุกตะกัก ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม คิดว่าเรื่องที่หญิงสาวเป็นกังวลก็คงไม่แพ้เรื่องเงิน ไม่น่าเชื่อว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายแพทย์ชื่อดังจะมีชีวิตที่ตกต่ำ แต่เอาเถอะ... ค่าตอบแทนที่เขาจะเสนอให้เธอนั้น มันจะคุ้มค่ากับความแค้น ที่มันสะสมมานานนับยี่สิบปีทีเดียว

“อ้อ เรื่องค่าตอบแทนน่ะเหรอ ฉันยินดีจ่ายให้เธอเดือนละห้าหมื่น”

“ห้าหมื่นเลยเหรอคะ”

น้ำเสียงตกใจและดีใจ ไม่คิดว่าในความโชคร้าย ตนเองยังเจอคนใจดีอยู่ แต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เขาคิดว่าเธอกระหายเงิน ผู้หญิงลูกของศัตรูกำลังทำให้เขาขยะแขยงเป็นสองเท่า

“ถ้าเธอไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็มาหาฉันที่บ้าน เดี๋ยวจะให้คนส่งแผนที่ไปให้ในโทรศัพท์ แต่เธอต้องมาพักอยู่ที่นี่เลย น้องสาวฉันพิการเธอรู้จากคุณพีแล้วใช่ไหม ฉันต้องการทั้งครูและพี่เลี้ยงคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด... ทำได้หรือเปล่าล่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป