บทที่ 2 Chapter 2

“หยุดครับ หยุดๆ ทะเลาะวิวาทในโรงพักมีความผิดนะครับ”

“ฉันจะตีมันให้ตาย! อีเด็กไม่รักดี อุตส่าห์เอามันมาเลี้ยง ให้อยู่ดีกินดี แต่มันเสือกเลี้ยงไม่เชื่อง เด็กเลวแบบนี้ โดนตีแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ เชอะ!”

ไม่วายตบศีรษะเด็กสาวไปเต็มแรงจนเสียงสนั่นอีกครั้ง

ชลวัสเอนตัวพิงไหล่กับมุมผนัง นอกจากเขาแล้ว ภายในส่วนหน้าของโรงพักยังมีผู้คนเข้ามาใช้บริการพอควร ทุกคนได้ยินเรื่องราวที่หญิงคนนั้นต่อว่าด่าทอเด็กสาว เขากวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างเล็กสวมกางเกงวอร์ม เสื้อยืดตัวโคร่งสีน้ำเงินมีรอยเปื้อนด้านหน้า เขาเดาว่าคงไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดา ผมเผ้าหยักศกยาวยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง

“ถ้าแดนเป็นอะไร คุณดอนคงไม่ปล่อยมึงแน่ มึงนะมึง มึงมันตัวซวย มึงจะทำให้กูซวยไปด้วย อี...ฮึ่ย!”

“แต่...แต่ เขา... เขาทำร้ายหนู...อึก...”

“มึงอาศัยบ้านเขาอยู่มาตั้งนาน ทำไมเขานึกจะทำร้ายมึงวันนี้ หา! ไม่ต้องมาโกหกปลิ้นปล้อนอีพันช์ มึงมันเลวเอง ขอเงินแดนไม่ได้ล่ะสิ ถึงทำร้ายเขาแบบนั้น กูอยากจะตีมึงให้ตายนัก”

“หนูไม่อยากติดคุก” หน้าเปียกน้ำตามอมแมมส่ายพัลวัน “ช่วยหนูด้วย หนูไม่อยากติดคุก”

“เฮอะ! ข้อหาพยายามฆ่า ใครจะช่วยมึงได้ ในเมื่อมึงมันไม่รักดี ก็เข้าไปดัดสันดานในคุกเถอะ กูไม่อยากจะยุ่งกับชีวิตมึงต่อไปแล้ว”

ผู้หญิงคนนั้นตวาดอีกรอบ จับจ้องเด็กสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกแป๊บหนึ่งก็หมุนตัวเดินลงส้นเท้าปังๆ ออกไปจากสถานี

ชลวัสมองเด็กสาวรูดตัวลงกับลูกกรงขณะปล่อยโฮเสียงดัง เขาไหวไหล่ แม้ภาพตรงหน้าจะดูน่าสงสารแต่ไม่ใช่กงการอะไรของเขา

ร่างสูงเตรียมจะก้าวไปยังประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ ทว่า... สุ้มเสียงแผ่วหวิวของเด็กสาวมันทำให้ปลายเท้าเบี่ยงทิศทาง

“แม่...อย่าทิ้งหนู... หนูไม่อยากติดคุก...ฮือๆ อึก... แม่... ฮือๆ”

พัลลภา สะอึกสะอื้นเกาะลูกกรงเหล็กร้องไห้เบาๆ ใจเธอแหลกสลาย ที่พึ่งพิงหนึ่งเดียวกลับทอดทิ้งเมินหน้าหนี มันทำให้เธอนึก บุคคลอันเป็นที่รักที่จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ

พ่อจ๋า... แม่จ๋า... หนูคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน...

หนูไม่เหลือใครแล้ว... แม่เพ็ญไม่รักหนูแล้ว...

แรกที่เห็น เพ็ญฉาย เข้ามาที่โรงพัก เธอดีใจด้วยคิดไปว่าอีกฝ่ายจะมาช่วยเหลือ

ทว่า นอกจากไม่ช่วยแล้ว เพ็ญฉายยังมาแจ้งความเธอด้วยข้อหาพยายามฆ่าอีกด้วย

“ฮือ ๆ”

เด็กสาวสิ้นเรี่ยวแรงเมื่อหมดกำลังใจ เธอก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างไร้ความอับอายต่อสายตาใครต่อใครบนโรงพักที่จ้องมองมา กระทั่ง รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังของใครบางคนหยุดลงตรงหน้า

พัลลภาถอยกรูดด้วยความตื่นกลัว ตั้งแต่ที่ถูกจับตัวมาขังไว้ที่นี่ เธอผวาไปหมด หวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่าง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังติดตา เลือดที่ติดมือก็คาวคลุ้งชวนสะอิดสะเอียน เธอเช็ดมันกับเสื้อครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลิ่นยังอวลจมูก ในห้องขังมีเธอแค่คนเดียว พานเห็นภาพหลอนว่าคนที่เธอแทงมายืนตรงหน้า ยิ่งตอนที่ตำรวจเวรลุกไปจากโต๊ะ เธอไม่กล้ามองไปทางไหนเลย กระทั่งเที่ยงคืนที่ผู้ชายหลายคนถูกจับมาขังคุกข้างๆ พวกนั้นบางคนส่งเสียงมาแซวเธอ จนเธอต้องหนีไปหลบมุมซุกตัวไกลๆ ก่อนที่คนพวกนั้นจะทยอยถูกปล่อยตัวไป เหลือเพียงชายคนหนึ่ง เขาไม่พูดไม่ถาม แต่เธอก็หวาดกลัว

เธอเงยหน้าเปียกน้ำตาขึ้นมองเจ้าของรองเท้าคู่นั้น ทันทีที่เห็นหน้าคมสันหัวใจกระตุกวาบ เกร็งไปทั้งตัวฉับพลัน มองสบตาคมคู่นั้นที่ทอดมองสบมา

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!

“หนูน้อย...”

สุ้มเสียงเจือความขบขันแกมเอือมระอาดึงสายตาเธอให้มอง บนใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร รอยแย้มหัวระยับพราวในตาคมดังคนอารมณ์ดี

“เจอกันอีกแล้วนะ”

ทำไมนะ เธอถึงรับรู้ถึงกลิ่นอายความร้ายกาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขาจนลนลานเช็ดน้ำตาบนแก้มโดยไม่รู้ตัว

“โลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอหรอก”

เขาเมินสายตาหนีจากเธอ คล้ายว่าไม่อยากเสียเวลามอง ร่างสูงสง่าหันหลังยืนพิงลูกกรงของมุ้งสายบัว

“คนอ่อนแอที่เป็นได้แค่เหยื่ออย่างเธอก็สมควรเน่าอยู่ในนั้น... เหมาะแล้ว”

เมื่อเขาดึงตัวออกห่างลูกกรง เธอถลาลุกขึ้นมาจับหมับที่เสื้อด้านหลังเขาทันควัน ถ้อยคำพวกนั้นบอกได้ว่า เขารู้เรื่องเธอ

พัลลภาทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด

นั่นคือ ร้องขอความช่วยเหลือ...

“ช่วยหนู! ช่วยหนูหน่อย ได้โปรด...”

“เกรงว่าฉันไม่ใช่คนใจดีแบบนั้น”

“หนูสัญญา! สัญญาว่าจะไม่อ่อนแออีก จะไม่ให้ใครมาเอาเปรียบหนูอีก หนูจะไม่เป็นแค่เหยื่อของใคร ได้โปรด... ช่วยหนู...”

เขาไม่หันกลับมามองสักนิด เริ่มก้าวออกห่าง เธอจำต้องปล่อยมือจากเสื้อด้วยความอ่อนแรง ความหวังริบหรี่กำลังจะมอดดับลง เธอรูดตัวลงกับลูกกรงเหล็ก เขาจะไม่ช่วยคนแปลกหน้าอย่างเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครจะอยากพาตัวเองมาพัวพันกับผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าอย่างเธอกัน

ต่อให้ผู้ชายคนนั้นดูมีอำนาจมากพอจะช่วยเธอได้ก็เถอะ!

ชลวัสก้าวออกมาจากสถานีตำรวจด้วยความขุ่นมัวอารมณ์เสียยิ่งกว่าขามา เดินมาถึงรถก็พบว่าลูกน้องไม่ได้เรื่องยืนรออยู่แล้ว เขาโยนกุญแจให้ มันก็ยื่นแก้วกาแฟมาให้เขา เปิดและรอปิดประตูรถให้อย่างเอาใจอีกด้วย

“เด็กโง่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป