บทที่ 7 Chapter 7

ดนัยวิชหมดสติ พัลลภาสติแตก

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ”

มีดปอกผลไม้เล่มนั้นปักลึกมิดด้าม เลือดของเขาออกเยอะมาก ดนุยศรีบสั่งให้โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลพร้อมกับพยายามปฐมพยาบาลลูกชายไปด้วย เธอถูกคนในบ้านควบคุมตัวไว้ เมื่อดนัยวิชถูกพาออกไปขึ้นรถพยาบาล เธอถูกส่งตัวให้ตำรวจ...

“ออกมาได้แล้ว”

ร้อยเวรเปิดประตูกรงขังพร้อมส่งเสียงเคร่งขรึม

พัลลภาเหม่อมองด้วยความเลื่อนลอย อิสรภาพเป็นสิ่งที่โหยหา ครั้นประตูนั้นเปิดออก เธอกลับไม่มั่นใจที่จะก้าวออกไป

“เร็ว ๆ เข้า”

ร้อยเวรวัยกลางคนเร่ง ฉุดสติสาวน้อยให้ยอมลุก เดินออกจากห้องขังด้วยฝีเท้าไม่มั่นคงและหน้าตาหวาดระแวง

“จะพาหนูไปไหน”

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

เธอถูกจับต้นแขนพาเดินลงจากสถานีตำรวจอ้อมไปทางด้านข้างของสถานี สมองเธอเชื่องช้าเนื่องจากขาดน้ำขาดอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืน ยังนึกหาหนทางให้ตัวเองไม่ได้ก็ถูกพาตัวมาหยุดอยู่ข้างรถยนต์มินิแวนหรูคันใหญ่

“มากันแล้ว”

ด้านข้างรถที่ประตูเปิดอยู่ ชายต่างวัยสองคนหันมามอง คนที่สูงวัยกว่าเอ่ยขึ้น ท่าทางนอบน้อมในที

หากที่ทำให้พัลลภาใจเต้นโครมครามเพราะชายที่อ่อนวัยกว่าอีกคน

ผู้ชายคนนั้น ชลวัส!

“เรียบร้อยดีนะครับสารวัตร”

“เรียบร้อยดีครับ” สารวัตรคนนั้นก็คือชายสูงวัย พูดจบเขาเบี่ยงตัวออกห่างประตูรถเล็กน้อย

“ขึ้นรถสิ”

ชลวัสผินหน้ามามองแวบหนึ่งก่อนจะก้าวขึ้นรถ พัลลภาทำตัวไม่ถูก ลังเลที่จะก้าวตามขึ้นไป เขาช่วยเธออย่างนั้นเหรอ

ยังไม่ทันขยับ เสียงเครียดสำเนียงที่เธอคุ้นเคยทำเอาสะดุ้ง

“นี่มันหมายความว่าไงสารวัตร”

“คุณดอน... แม่เพ็ญ...”

พัลลภาถอยกรูดทันทีที่เห็นหน้าบึ้งตึงของดนุยศ ข้างกายเขาคือแม่เพ็ญฉายซึ่งกำลังมองเธอด้วยแววตาวาวโรจน์ เธอเกือบจะชนกับผู้ชายตัวสูงที่เธอจำได้ว่าเขาถูกขังอยู่ห้องข้างกันเมื่อคืน

“มานี่นังพันช์ แกคิดจะทำอะไร ออกมาจากห้องขังได้ยังไง”

“ว่าไงล่ะสารวัตร ผมต้องการคำอธิบาย”

ดนุยศคาดคั้นเอากับคนที่ยศสูงที่สุดในนี้ เขาได้รับรายงานว่าจะมีการปล่อยตัวเด็กพัลลภาจึงรีบตรงดิ่งมาจากโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจทั้งที่ลูกชายยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ใครกันช่วยเด็กคนนี้

“เอ่อ ค่อยคุยกันดีกว่าครับคุณดอน เข้าไปคุยกับผมในห้องทำงานดีกว่าครับ”

“เอาตัวเด็กนี่ไปด้วยสิ คุณปล่อยเธอออกมาได้ไง”

“นังเด็กนี่แทงคนเจ็บปางตาย ยังไม่ทันได้สอบสวนก็ปล่อยตัวแล้ว พวกคุณทำงานกันยังไง ฉันจะร้องเรียน มานี่เลยนังพันช์” เพ็ญฉายทำท่าจะเข้ามาดึงตัวเด็กสาวหลังเฉ่งใส่สารวัตรแล้ว

พัลลภาหวาดหวั่นในอกทั้งใจเสียที่เพ็ญฉายไม่คิดช่วยเหลือ เธอถอยหนีมือที่น่ากลัวนั้นจนหลังเบียดติดข้างรถ ส่ายหน้าจนผมกระจาย ขอบตาร้อนผ่าว

ท่าทางเอาเรื่องของญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง ทำเธอกลัวเกินกว่าจะกล้าเข้าใกล้

“เอ๊ะ นังนี่ บอกให้มานี่” ฝ่ายหญิงดึงดันเข้ามาจับตัวเด็กสาว

ชลวัสใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ปัดมือข้างนั้นออกก่อนมันจะแตะตัวเธอ ร่างสูงก้าวลงมาจากรถยนต์หรูอีกครั้ง การปรากฏตัวของเขาทำให้ดนุยศ เจ้าของกิจการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศชะงัก เขาหัวเราะขึ้นมาแผ่วเบา ทำให้นัยน์ตาคมกล้าระยับวับไหว

“ผมว่าเราจบกันดี ๆ ดีกว่านะครับ ตอนนี้ลูกชายคุณแค่บาดเจ็บ นอนโรง’บาลไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ แต่ถ้ายังดึงดัน เรื่องมันอาจจะแย่ไปมากกว่านี้”

“คุณ!” ดนุยศพูดไม่ออก ใครบ้างไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ชลวัส เดเช เลขาคนสนิทของ ปฏิพัทธ์ ธนา เจ้าของกาสิโนที่ลูกชายของเขาเพิ่งไปสร้างเรื่องมาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

“อย่าให้เป็นเรื่องดีกว่านะผมว่า ทางคุณเองก็เพิ่งมีเรื่องฉาว ๆ ไปไม่ใช่เหรอครับ เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจะดีเหรอ”

“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของผม”

ดนุยศอยากเกรี้ยวกราดเดือดดาลอาละวาดให้สาสม เรื่องไลฟ์สดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ของลูกชายเพิ่งเกิดสด ๆ ร้อน ๆ ถ้าเป็นลูกชายกับผู้หญิงเขาจะไม่อะไรเลย แต่มันกลับเป็นลูกชายของเขากับผู้ชายอีกหลายคนทำเขาอับอายคนไปทั่วบ้านทั่วเมือง คนที่เป็นต้นเหตุยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ เขาอยากเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด ทว่าการงัดข้อกับบุคคลตรงหน้าไม่ใช่เรื่องดี ไม่ใช่แค่มีปัญหากับชลวัสและปฏิพัทธ์ เขาอาจมีปัญหากับ คมคาย ศิลาลักษณ์ ซึ่งวงในแว่วมาว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของพวกนี้อีกชั้น จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนข่มความเจ็บแค้นไว้ เขาต้องวิ่งเต้นปิดข่าวปิดการแชร์คลิปของลูกชายจ้าละหวั่น ยังปิดได้ไม่หมด ถ้าต้องมีปัญหาสองด้านคงวุ่นไปหมด

“คุณไม่ควรยุ่ง”

“ครับ ผมเข้าใจ” ชลวัสตอบยิ้ม ๆ ก่อนผินหน้าไปยังสาวน้อย

“ให้เธอตัดสินใจแล้วกัน เลือกสิพัลลภา เธออยากกลับไปอยู่ในซังเตเหมือนเดิม หรือจะไปกับฉัน” ชลวัสหยุดไปเล็กน้อยเพื่อสานสบดวงตาเอาเรื่องของดนุยศ “ถ้าจะไปกับฉันก็ขึ้นรถซะ”

“อย่าเชียวนะมึงอีพันช์ ถ้ามึงกล้าหนีไป ก็ไม่ต้องโผล่หัวมาที่บ้านอีก มึงเลือกเอา”

“แม่...”

“ไม่ต้องมาเรียกกูว่าแม่ด้วย กูไม่ใช่แม่มึง อีเด็กเนรคุณ”

สาวน้อยน้ำตาร่วงผล็อย มองหน้าหญิงที่มีสถานะป้าและผู้ปกครองด้วยความเจ็บช้ำใจ ที่สุดเธอก็ตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนรถ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป