บทที่ 11 เวลาผ่าน คนก็เปลี่ยน

“น้องมิอย่าทำแบบนี้ เราควรคุยกันให้รู้เรื่อง พี่ไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกัน พี่พยายามง้อมิแล้วนะครับ ถ้าน้องมิยังดื้นรั้นไม่ยอมฟัง พี่จะจูบน้องมิแล้วนะ!” ชายหนุ่มเริ่มข่มขู่

คนถูกขู่ชะงักจ้องเขม็ง กล้าขู่นึกว่าหล่อนกลัวเหรอ คนอย่างเขานะหรือจะกล้าจูบหล่อน คำพูดเมื่อก่อนจำได้ดี เป็นคนพูดเองไม่มีวันรักหล่อน หรือสนใจในเชิงชู้สาวแน่

“คนอย่างคุณไม่มีวันจูบฉันหรอก เพราะคุณไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลฉันเลยสักครั้ง คุณไม่มีวันลดตัวมาจูบผู้หญิงที่ตัวเองปฏิเสธได้หรอก!” หล่อนเถียง

มิลันดายังคงพยายามหนีออกจากรถเหมือนเดิม หล่อนกำลังคิดผิด สำหรับเขา มิลันดาเย้ายวนใจจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทำไมถึงคิดว่าตนเองไม่น่าสนใจ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าหล่อนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่เย้ายวนเพศตรงข้ามมากแค่ไหน หรือจำได้แค่เพียงตัวเองเป็นเด็กกะโปโลอวบอ้วนเช่นเดิม

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” มิลันดาตวาด หล่อนกำลังโกรธ เลยดิ้นรนสุดชีวิต

“อื้อ!” ริมฝีปากหล่อนถูกครอบครองอย่างไม่ทันระวัง

มือบางยกดันแผงอก ผิวแก้มผ่าวร้อน ร่างกายสั่นสะท้าน นี่นะหรือจุมพิตหล่อนไม่เคยพบพานมาก่อน ไม่คิดว่ามันจะสร้างความปั่นป่วนภายในได้ถึงเพียงนี้ หัวใจหล่อนกำลังเต้นราวกับมันต้องการทะลุออกนอกร่าง

แรกเริ่มเขาคิดจะสั่งสอนคนปากกล้าให้เข็ดหลาบ แต่เมื่อได้ชิมความหวานกลับรู้สึกติดใจรสสัมผัสอันแสนอ่อนละมุน ยิ่งเขารุกเร้า ยิ่งรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก หล่อนอาจไม่รู้ว่าเขารอคอยพบหล่อนมานานแค่ไหน

ในหัวสมองของมิลันดาสับสนไปหมด หัวใจมีเขาเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ยิ่งถูกรบเร้า ความรู้สึกยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที แต่กระนั้นหล่อนจำต้องท่องไว้เสมอ หากกลับไปรู้สึกเช่นเดิมอีก คงเจ็บหนักไม่แตกต่างจากเดิม หรือไม่อาจมากกว่าเก่าเสียอีก

แม้จะรู้สึกเสียดายแต่เขาเองจำต้องถอนริมฝีปากออกมา สัมผัสที่ริมฝีปากยังติดตรึงไม่จาง ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อนแดงซ่านเขายิ่งพึงพอใจ พอพิศมองเห็นผิวแก้มคนโดนจูบแดงเข้ม ยิ่งส่งผลต่อความรู้สึกของเขา หล่อนน่ารักจนไม่อยากห้ามใจ

“ยังคิดว่าพี่ไม่กล้าอีกหรือเปล่าน้องมิ” คนตัวใหญ่ถาม แล้วอมยิ้ม

“หยุดพูดไปเลยนะ!” หล่อนง้างมือหมายฟาดหน้าคนฉวยโอกาส แต่เขากลับชี้นิ้ว

“อย่าเชียวนะพี่ขอเตือน ไม่อย่างนั้นโดนรอบสองนะ”

หญิงสาวลดมือลงหันหน้ากลับนั่งประจำที่โดยไม่เอ่ยปากอะไรอีก อารมณ์ตอนนี้ยิ่งขุ่นมัว ที่ยอมไม่ต่อปากต่อคำเพราะไม่ต้องการให้ตัวเองถูกเอาเปรียบ ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านมาแล้วผ่านไป หล่อนกลัวต้องมานั่งทำใจให้ลืมความเจ็บปวด กัดฟันข่มความรู้สึกภายใน ทุกวันยามเห็นหน้าพี่คมหล่อนจำต้องตั้งสติเสมอ

คมฉณัฐมองตุ๊กตาหน้ารถ เห็นกอดอกสีหน้าบึ้งตึง สุดท้ายแทนที่ได้ปรับความเข้าใจ ดันเป็นเพิ่มความโกรธให้อีกฝ่ายเข้าไปอีก ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเร่งเครื่องเพื่อมุ่งไปยังจุดหมาย เวลายังมีอีกมาก ครอบครัวหล่อนเข้าข้างเขากันหมด จะเข้านอกออกในบ้านง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย ไม่เป็นไรเขาจะใช้ความพยายามที่มี ให้มิลันดาเห็นก็แล้วกัน

รถจอดเทียบหน้าตึกโรงพยาบาล คมฉณัฐนำรถเข็นมาให้คนป่วยนั่งแล้วพาตรวจ ผลคือข้อเท้าหล่อนร้าวต้องเข้าเฝือกหลายวันเลยทีเดียว หมอจัดยาเสียหลายอย่างเห็นแล้วอยากเบือนหน้าหนี เกือบสองชั่วโมงทุกอย่างเรียบร้อย พี่คมยังคงดูแลหล่อนดีเหมือนเดิม

คนป่วยเงียบตลอดเส้นทาง หล่อนนึกถึงรสจูบเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า เส้นขนในกายพากันลุกชัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าหล่อนจูบกับพี่คมไปแล้ว บ้าที่สุด ทำไมถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้

“เป็นอะไรไปน้องมิ คุยกับพี่ได้นะเมื่อก่อนพี่เห็นน้องมิพูดเก่งจะตายเดี๋ยวนี้เป็นใบ้ไปแล้วเหรอครับ” เขาแกล้งเย้าเพื่อทำลายความเงียบ

“หยุดเอาเรื่องเก่ามาพูดเสียทีฉันไม่อยากจะฟัง”

“ทำไมล่ะครับน้องมิ เมื่อก่อนเราสนิทกันจะตายไป”  ชายหนุ่มกวน

“มันเป็นอดีตไปแล้ว และปัจจุบัน ฉันจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด” หล่อนตอกกลับน้ำเสียงแข็ง

“แต่พี่จะไม่ยอมให้อดีตที่ผ่านมา มาทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนเปลี่ยนไป!” คมฉณัฐบอกแน่วแน่

“อย่ามายึดติดกับความสัมพันธ์ที่คุณไม่เคยเห็นค่ามันเลย คนอย่างฉันถ้าไม่ก็คือไม่และไม่มีวันให้มันมาทำร้ายให้เจ็บอีก!”

“พี่จะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์นั้นมาทำร้ายน้องมิอีก เพราะเวลานี้ใจพี่กับมิอาจจะตรงกันก็ได้” เขาหันมาสบตากับคู่สนทนา มิลันดากัดริมฝีปากเพื่อข่มความรู้สึกภายใน

หล่อนโดนเขากลั่นแกล้งอีกครั้ง ใช้ถ้อยคำเป็นนัยเพื่อทำให้หล่อนไขว้เขว่ แล้วแฟนเขาเล่าหายไปไหนกัน ผู้หญิงที่เขารักนักรักหนา รักจนปฏิเสธหล่อนอย่างไร้เยื่อใย ไม่คิดว่าหล่อนจะเจ็บแค่ไหนเสียด้วยซ้ำ  มิลันดาไม่กล้าสวนกลับ แม้ใจอยากถามเรื่องนี้มากแค่ไหนก็ตาม ให้มันจบๆ ไปเสียดีกว่า

รถแล่นมาถึงหน้าบ้าน คมฉณัฐเปิดประตูลง แต่อีกฝ่ายกลับเร็วกว่าเขย่งเท้าหนีเสียแล้ว เขารีบก้าวประชิดแล้วคว้าท่อนแขนรั้งร่างบางเข้าหาจนเซปะทะแผงอก

“อุ้ย!” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ แล้วใช้มือดันแผงอกเขาให้ออกห่าง

เขาลอบยิ้มกับท่าทีของหญิงสาว ใจก็นึกถึงรสจูบที่เขามอบให้ก่อนหน้าไม่หาย มันช่างหอมหวานตราตรึงจนลืมไม่ลง มิลันดาสะบัดแขนให้พ้น หวังว่าจากวันนี้ไปคงไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก หล่อนเจ็บแล้วจำ

“น้องมิเดี๋ยวพี่พาไปส่ง”เขาบอก

“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้ค่ะ”

คมฉณัฐถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อไหร่หล่อนจะเลิกดื้อดึงยอมเรียกเขาเหมือนเมื่อก่อนสักที ตอนมิลันดายังเด็ก หล่อนน่ารักจะตาย เรียกเขาว่าพี่คมตลอดเวลา ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้มเสมอ แต่ตอนนี้หน้าตาก็สวยอยู่หรอก แต่จะยิ้มให้สักนิดยังไม่มี ตีหน้าบึ้งใส่ไม่หยุดไม่หย่อนเลย

“อย่าดื้อเลยครับน้องมิ เราโตๆ กันแล้ว” เขาดุหญิงสาว

แม้เขาจะพูดถูกแต่หล่อนไม่อาจยอมได้ คนมันฝังใจกับเรื่องในอดีตเกินกว่าจะยอมรับอะไรจากเขาได้โดยง่าย

“อย่ามายุ่งกับฉัน คุณจะไปไหนก็ไป อย่ามาที่นี่อีก ฉันเป็นคนเจ็บแล้วจำไม่มีวันลืมด้วย!” หญิงสาวตวาดเขาน้ำตารื้น

คมฉณัฐเห็นท่าทางของหญิงสาวยิ่งรู้สึกขัดใจ หล่อนฝังใจมากเกินไปหรือเปล่ากับเรื่องที่ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว  แต่เขาไม่คิดหนี ยังอยากสานสัมพันธ์อันดีกับหล่อนเหมือนเดิม

“พี่จะเข้าไปส่งข้างใน อย่าปฏิเสธพี่เลยครับ มันดีกับมิด้วยจะได้ไม่ต้องใช้แรงขาให้ข้อเท้าบวมเพิ่มอีก” ชายหนุ่มอธิบาย

“ไม่!” มิลันดาปฏิเสธเสียงแข็ง

ในเมื่อดื้อดึงต่อเขาเช่นนี้ เขาเองก็ไม่มีทางเลือกคงต้องใช้กำลังบังคับกัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป