บทที่ 12 เวลผ่าน คนก็เปลี่ยน

“ว้าย!” ร่างบางถูกช้อนไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่ทันตั้งตัว

“เดี๋ยวพี่อุ้มไปส่งในบ้านเอง” ชายหนุ่มไม่ฟังเสียงทำตามความต้องการของตนเอง เดินเข้าในบ้านทันที

“ปล่อยนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ อย่ามายุ่งกับฉัน!” คนโดนอุ้มร้องโวยวายไม่หยุด ดิ้นรนให้เขาปล่อย

ดาวเรืองได้ยินเสียงรีบวิ่งมาดู เห็นภาพบุตรสาวถูกอุ้มโดยหนุ่มที่ตนหมายมั่นให้เป็นลูกเขต หล่อนยิ้มกว้างพึงพอใจทันที

ดูท่าว่าที่ลูกเขยคงต้องรับมือกับบุตรสาวหล่อนหนักเอาการ ยัยมิเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าหากฝังใจกับเรื่องไหนมักลืมยาก หล่อนเองคงช่วยเหลือเท่าที่ทำได้

“มิทำไมดิ้นแบบนี้ล่ะลูก พี่เค้าอุ้มอยู่เราดิ้นแบบนี้เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” ดาวเรืองดุบุตรสาว

คมฉณัฐวางคนดื้อลงบนโซฟา มิลันดาขยับกายเล็กน้อย ใบหน้าบึ้งตึงตวัดสายตามองเขาไม่พอใจ

“ใครใช้ให้เขามาอุ้มหนูล่ะแม่!”  คนโดนอุ้มบ่น

ดาวเรืองหันไปทางคมฉณัฐแล้วยิ้มให้ ดูกีที่คมก็รูปหล่อ ท่าทางภูมิฐาน สมกับบุตรสาวหล่อนเหลือเกิน

“เป็นไงบ้างพ่อคม ยัยมิหนักมากใช่ไหม เห็นตัวเล็กๆ แต่กินเก่งนะจ๊ะ”

“ไม่หรอกครับ ผมว่าน่าจะเบากว่าเมื่อก่อนเสียอีกนะครับ” เขาแสร้งล้อหญิงสาว

มิลันดาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ไม่รู้ไปทำอะไรให้แม่ของหล่อนเห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียหมด แล้วทำไมเขาถึงได้มาเที่ยวมาขลุกอยู่ที่บ้านหล่อนนักหนาก็ไม่รู้ แถมไอ้คำพูดประหลาดๆ ระหว่างทางที่กลับมานั้นอีก แต่หล่อนไม่สนหรอก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ตาม

หล่อนไม่อยากเจ็บเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว...  เพราะมันทรมาน

หญิงสาวต้องพักรักษาตัวอยู่กับบ้านเกือบอาทิตย์กว่าขาจะหายดี แม้ในห้องนอนหล่อนก็แทบอยากให้ช่างมาปิดตายหน้าต่างบานนั้นเสียเลย หล่อนไม่อยากเปิดออกด้วยซ้ำ แต่มารดาก็ช่างขยันสั่งให้สาวใช้เดินมาเปิดทุกทีและทุกครั้งที่มันเปิดออกจะต้องเห็นหน้าคนข้างบ้านยืนยิ้มแฉ่งอวดฟันขาวให้เห็น หล่อนแทบจะเป็นบ้าเพราะเขาอยู่แล้ว

มิลันดาเริ่มเบื่อที่จะต้องทะเลาะกับหน้าต่างทุกวันแบบนี้ อยากเปิดก็เชิญเปิดกันให้พอไปเลย หล่อนจะไม่เดินไปปิดมันแล้ว ไม่รู้ว่ามารดาของหล่อนกำลังคิดอะไร แต่ที่แน่ๆ หากคิดจะจับคู่ให้หล่อนกับเขาล่ะก็ไม่มีทาง ถึงจะยังมีใจให้อยู่แต่จะไม่มีวันกลับไปให้เขาเห็นเป็นตัวตลกอีกครั้งเด็ดขาด

“น้องมิพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิครับ!” คมฉณัฐตะโกนข้ามมาจากห้องตนเอง

หญิงสาวนั่งทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา หล่อนเบื่อไม่อยากจะฟังคำอธิบายอะไรหรือคำขอโทษ ไม่ต้องการ แค่ไม่ต้องมายุ่งกันแค่นั้นก็พอ

“น้องมิได้ยินพี่ไหม พี่ขอโทษ... ที่พี่เคยทำไม่ดีกับมิ พี่ไม่ได้ตั้งใจ รู้ไหมพี่ไม่เคยคิดอย่างที่พูดออกไปเลยนะ!” ชายหนุ่มตะโกนลั่น

ดาวเรืองและชัยเดชรวมถึงพิภัทรที่กำลังพูดคุยกันอยู่ที่ชั้นล่าง ต่างตกใจที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มดังลั่นไปทั่ว พิภัทรถึงกับสะดุ้งก่อนจะรีบวางแก้วกาแฟที่กำลังจอปากอยู่ลง ทุกคนต่างหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน

“ดูมัน! ดูมันทำ ไอ้ลูกคนนี้ ข้าอยากจะบ้าตาย!” พิภัทรบ่นทันที

“ก็ดีแล้วนี่ไอ้ภัทร เกิดเป็นลูกผู้ชายมันต้องแมนแบบนี้สิ” ชัยเดชชมเปราะ

“แมนบ้าอะไร ตะโกนซะได้ยินสามบ้านเจ็ดบ้าน!”

“แต่ก็ดีแล้วนี่คะที่เป็นแบบนี้ ยังไงฉันก็ดีใจที่เห็นพ่อคมมาขอโทษยัยมิ” ดาวเรืองยิ้ม

“เฮ้อ... กลุ้มใจแทนมัน ไม่รู้หนูมิจะยกโทษให้มันรึเปล่า หนูมิคงเสียใจจากเรื่องคราวนั้นไม่หาย ถึงได้เอาแต่หนีหน้าเจ้าคมไม่ยอมคุยด้วยแบบนี้” พิภัทรกลุ้มใจแทนบุตรชาย

“ฉันก็ไม่คิดว่ายัยมิจะใจแข็งแบบนี้เลยนะคะ ทำไมถึงได้ใจแข็งนักก็ไม่รู้สงสัยจะรักพ่อคมมากถึงได้ฝังใจมากแบบนี้” ดาวเรืองเองก็รู้สึกสงสารคมฉณัฐ

“เราคงต้องปล่อยให้เด็กสองคนนั้นจัดการกันเองแล้วกัน ยังไงซะผมก็คิดว่าเขาสองคนคงมีใจให้กันแต่ติดตรงที่ฑิฐิ” ชัยเดชสมทบ

“โอ้ย! ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยว่าฉันอยากอุ้มหลานไวๆ ตอนนี้อายุมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ กลัวแก่ตายก่อนได้อุ้มหลาน” พิภัทรรำพึงรำพัน

มิลันดาหูแทบแตกกับเสียงตะโกนของเขา หญิงสาวทนไม่ไหวกับพฤติกรรมกวนประสาท หล่อนต้องการอ่านหนังสือทบทวนความรู้ เพราะต้องใช้สอบสัมภาษณ์ แล้วดูสิเขามาตะโกนโหวกเหวกก่อกวนอยู่ได้ คนตัวเล็กวางมือจากหนังสือแล้วก้าวชิดริมหน้าต่างจ้องคนข้างบ้านตาเขม็ง

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณจะบ้าหรือไง!” มิลันดาดุเขาทันที

“พี่บอกให้มิมาคุยกับพี่ดีๆ ทำไมมิไม่มา” เขาแกล้งยั่ว

“ก็ฉันบอกคุณไปแล้ว ว่าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!”

“แต่พี่อยากบอกมินี่ ทำไมมิไม่อดทนฟังสักหน่อยล่ะ” ชายหนุ่มย้อน

“เรื่องมันผ่านไปแล้วขอร้องล่ะค่ะ อย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเลย” หล่อนอยากจบแล้วทำไมพี่คมไม่จบ จะมาวุ่นวายกันทำไม กลับไปหาแฟนตัวเองเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว จะมาสนใจหล่อนให้มันได้อะไรขึ้นมา

“พี่ไม่ได้อยากรื้อฟื้น พี่แค่ต้องการให้มิคุยกับพี่เหมือนเดิม” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย

ริมฝีปากถูกกัดจนเป็นห่อเลือด เขาเองไม่หรือปฏิเสธหล่อน เขาเองไม่ใช่หรือที่ว่าหล่อนไม่รู้จักความรัก แล้วเวลานี้เรียกร้องอยากคุยกับหล่อนเหมือนเดิมเพื่ออะไร ทำไมถึงเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้แบบนี้ แล้วความรู้สึกหล่อนที่เสียไปเล่าจะเอาคืนมาอย่างไร ชักเหลืออดกับเขาแล้ว

“พี่คม! มิชักทนไม่ไหวแล้วนะ! ทำไมพี่เห็นแก่ตัวแบบนี้ พี่จะกลับมาทำให้มิเจ็บทำไม มิเป็นคนมิมีหัวใจทำไมพี่ไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น ทำไมต้องมายุ่งกับมิด้วย มิไม่เข้าใจ ไปให้พ้นๆ เลยนะ ทั้งๆ ที่ตัวเองปฏิเสธมิเองแท้ๆ แล้วจะมายุ่งกับมิทำไม คนใจร้าย ใจดำ!”

หญิงสาวหอบหายใจหลังจากระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานาน แทนที่เขาจะหายไปเขากลับยืนหัวเราะ

“น้องมิที่แท้น้องมิก็คิดกับพี่แบบนี้นี่เอง อย่างน้อยน้องมิก็ไม่ได้รังเกียจพี่ พี่ดีใจนะที่มิกลับมา” เขาบอกแล้วจ้องมองสาวข้างบ้านแววตาทอประกาย

มิลันดารีบหลบสายตาเขาทันที หล่อนเป็นบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกไป อุตส่าห์กลบเกลื่อนมาได้ตั้งนาน ดันทำพังซะได้ แบบนี้เขาคงหัวเราะเยาะแย่ที่เป็นผู้หญิงทึนถึกจมปลักรักฝังใจแบบนี้หล่อนอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว

ผู้ใหญ่สามคนที่นั่งจิบกาแฟกันอยู่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง กับเสียงหวานที่ตวาดแว๊ดๆ ดังลั่น จนคนในบ้านพากันสะดุ้ง พร้อมกับร้อยยิ้มแห่งความสุข

“สงสัยจะได้แจกการ์ดเร็วๆ นี้ซะแล้วล่ะ” ชัยเดชเอ่ยขึ้น

“ไม่รู้สิแต่ข้าอยากอุ้มหลาน” พิภัทรบ่นตาม

“เอ๊ะ! หรือจะแต่งพรุ่งนี้เลย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป