2
"อ่ะนี่ เอาไปให้ชินนะ เขาชอบช็อกโกแลต" ผมพูดพลางยื่นแก้วที่สองให้เคนจิ
เสียงจอแจอันเป็นเอกลักษณ์ของคาเฟ่ให้ความรู้สึกสบายใจ และกลิ่นหอมหวานที่ผสมปนเปกับเครื่องดื่มนานาชนิดก็ช่างยั่วยวน เราออกจากร้านมาด้วยกัน ผมจิบเครื่องดื่มของตัวเองแล้วพบว่ารสชาติมันเข้มเกินไป—จำไม่ได้แล้วว่าดื่มกาแฟครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
"ผมอยู่เป็นเพื่อนได้นะ" เขาพูดขณะถือแก้วฮอตช็อกโกแลตสองใบ "ถ้าคุณต้องการน่ะนะ" เขาเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว
ลมยามบ่ายแก่ๆ ที่พัดแรงทำให้ผิวของผมรู้สึกแสบๆ คันๆ ผมใช้นิ้วสางผมที่เริ่มมันเยิ้มขณะกวาดตามองไปรอบๆ เมืองนี้พลุกพล่านและจอแจ แต่เป็นไปในทางที่ดีและน่าสนใจ
"ไว้เจอกัน" ผมปฏิเสธแล้วก้าวขึ้นรถ ทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง
ผมขับรถไปทั่วเมือง พินิจพิจารณาทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วน มีร้านค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในย่านนี้ และดูเหมือนว่าผู้คนจะขวักไขว่กว่าที่ผมจำได้ในช่วงเวลานี้ของวัน
บางทีนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดี...
ผมจอดรถหน้าร้านอาหารโปรดและก้าวลงจากรถโดยไม่ละสายตาไปจากที่นั่น ป้ายและสีสันเปลี่ยนไป—สีม่วงโดดเด่นขึ้นมาพร้อมกับสีแดงและขาว—แต่โชคดีที่กลิ่นหอมยั่วน้ำลายที่โชยออกมาจากร้านดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลง
ก่อนจะเข้าไป ผมเหลือบมองเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เคนจิเอามาให้: เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้ม และแจ็กเก็ตสีขาว ผมจ้องมองลายรูปงูที่เด่นหราอยู่ด้านหลัง ก่อนจะคว้ามาแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์แล้วปิดฝากระโปรงท้าย ผมมองหาร้านที่มีห้องลองเสื้อและหมวกบีนนี่สักใบเพื่อซ่อนสีผมที่สะดุดตาของผม
ผมข้ามถนนแล้วเดินเข้าร้านแห่งหนึ่งที่ไร้ผู้คน ร้านใหญ่กว่าที่ผมจำได้ มีชั้นสอง และตอนนี้ก็มีรองเท้าขายด้วย เสื้อผ้าของผมครึ่งตู้ก็มาจากที่นี่—เนื้อผ้าดีที่สุดและเข้ากับสไตล์ของผมอย่างสมบูรณ์แบบ
สุดท้ายผมก็เลือกแจ็กเก็ตสีขาวเนื้อนุ่ม หมวกบีนนี่สีน้ำเงินเข้ม และรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน ขณะที่ผมเดินไปห้องลองเสื้อ ผมสังเกตเห็นสายตาคมกริบของพนักงานต้อนรับ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อนและแกะป้ายราคาออกทั้งหมดก่อนจะมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ เสื้อผ้าพอดีตัว—ผมน้ำหนักลดไปนิดหน่อยและดูซีดกว่าปกติ และผมของผม...
ผมสัมผัสเรือนผมสีขาวโดยกำเนิดของตัวเอง เส้นผมให้ความรู้สึกนุ่มนวล แต่ปลายผมกลับแห้งมาก เคนจิพูดถูก—มันน่าอายจริงๆ ผมสวมหมวกบีนนี่แล้วเดินออกจากห้องลองเสื้อด้วยรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ มันรู้สึกคับไปหน่อย แต่บางทีอาจเป็นเพราะผมไม่ชินกับการออกแบบทรงนี้แล้ว
ผมเดินออกจากร้านโดยไม่ลังเล ได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับตะโกนไล่หลังมา และเดินไปตามทางเท้า มุ่งหน้าไปยังร้านเบอร์เกอร์และมิลค์เชคที่อร่อยที่สุดในเมือง
"เฮ้ ไอ้หนู!"
ผมหยุดกึกเมื่อหมวกบีนนี่ถูกกระชากออกจากหัว ผมหันกลับไป รู้สึกถึงความหงุดหงิดที่พุ่งพล่านขึ้นมาในอก พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นชายร่างสูงกำยำจ้องมองผมด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง ผมขบกรามแน่น รับรู้ได้ถึงสายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
"ริวจิ" เขาพึมพำอย่างลังเล
ผมยื่นมือออกไป ต้องการหมวกคืน พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบก้มตัวลงแล้ววางมันลงบนมือของผม
"ผมไม่ทราบว่าเป็นท่าน โปรดยกโทษให้ผมด้วยครับ" เขาพูดด้วยความอับอาย
ผมสวมหมวกกลับคืนพลางจ้องมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
ผมไม่ได้รับแจ้งว่าท่านมาถึงเมืองแล้ว โปรดยกโทษให้ผมด้วยครับ" เขากล่าวซ้ำ และเขายังคงโค้งคำนับอยู่
“ไม่เป็นไร” ผมพูด พลางเมินสายตาเหล่านั้น
“ขอบคุณ” เขาพึมพำขณะที่ผมหันหลังและเดินข้ามถนน
ผมเข้าไปในร้านอาหาร ปล่อยให้กลิ่นของทอดและความหอมหวานชวนปล่อยตัวเข้าครอบงำ ผมเห็นครอบครัวตามโต๊ะต่างๆ กำลังพูดคุยและหัวเราะกัน เสียงเพลงคลอเบาๆ และแสงไฟโทนอุ่นทำให้ร้านมีบรรยากาศแบบบ้านๆ เป็นกันเอง
ผมรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งมีพนักงานว่างคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับโทรศัพท์ แค่คิดถึงรสชาติของเบอร์เกอร์ก็น้ำลายสอแล้ว
“เบอร์เกอร์กับมิลค์เชคที่หนึ่งครับ” ผมสั่ง แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่สั่ง
ผมมองเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมกันและสั่งเมนูเดียวกัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสบเข้ากับตาผมด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน
“โอเคครับ” พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง พลางพยายามกลั้นยิ้ม “มาด้วยกันเหรอครับ”
“เปล่า!” เราสองคนพูดพร้อมกัน
เขาหัวเราะดังกว่าเดิม
ผมขยับตัวอย่างหงุดหงิดและหิวโหย
“ได้เลย แล้วมิลค์เชครสอะไรดีครับ” เขาถามพลางจดออร์เดอร์ของเรา
“ช็อกโกแลต” เราสองคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง
ผมขบกรามแน่น รู้สึกได้ถึงสายตาของเด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังสำรวจผม พนักงานเดินจากไปพร้อมกับออร์เดอร์ของเรา และผมบังคับตัวเองให้ยืนนิ่งๆ ฟังเสียงรอบตัวและเสียงเพลงที่ทำให้หัวใจเต้นรัว ผมคิดถึงบรรยากาศแบบนี้จริงๆ
ผมเหลือบมองเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างแนบเนียน เขากำลังพิงเคาน์เตอร์ เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าจริงจัง ผมพินิจพิจารณาผิวสีมะกอกที่เรียบเนียนของเขาและผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนซึ่งดูนุ่มสลวยและได้รับการดูแลอย่างดี สายตาผมเลื่อนไปที่ต่างหูเงินหลายอันที่ประดับอยู่บนหูของเขา จากนั้นก็มองเสื้อเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์ขาดๆ ของเขา
เขาหน้าตาดี มีเสน่ห์
และเป็นสเปกผมอย่างจัง
ความรู้สึกอุ่นวาบแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้ผิวของผมรู้สึกซ่าๆ และแก่นกายก็เต้นตุบ นั่นก็ด้วย...ความปรารถนาที่จะได้มีเซ็กส์อีกครั้ง ที่จะได้รู้สึกถึงความสุขสมที่กัดกินผิวหนังยามที่ผมเสร็จในปากของใครสักคน ไม่ใช่ว่าตอนอยู่ในสถานพินิจผมไม่มีตัวเลือก ผมเจอผู้ชายคนอื่นๆ ที่ชอบอะไรแบบเดียวกับผม แต่พวกเขาแค่ไม่ได้ทำให้ผมมีอารมณ์เลย
“เบอร์เกอร์กับมิลค์เชคช็อกโกแลตได้แล้วครับ” พนักงานวางออร์เดอร์แรกลงบนเคาน์เตอร์ แต่ก่อนที่ผมจะคว้ามันไว้ เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นก็คว้าไปก่อน
เราสบตากัน และผมก็เลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นความหงุดหงิดฉายวาบผ่านใบหน้าของเขา
“ลงบัญชีผมไว้” เขาสั่งแล้วเดินออกจากร้านไป
ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้
“นี่ครับ” พนักงานพูดพลางวางอีกออร์เดอร์หนึ่งไว้ตรงหน้าผม ผมหยิบเงินสดออกมาโยนไว้บนเคาน์เตอร์
“ไม่ต้องทอน” ผมพูดโดยไม่ละสายตาไปจากอาหาร รู้สึกถึงท้องที่บิดมวนด้วยความคาดหวัง
ผมเดินออกจากร้านแล้วไปนั่งบนม้านั่งหินตัวหนึ่งใกล้ๆ ลมเริ่มเย็นลงและท้องฟ้าก็เริ่มมืดขึ้น แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นขณะโซ้ยเบอร์เกอร์อย่างหิวกระหาย
มันเป็นมื้อที่ดีที่สุดที่ผมได้กินในรอบหลายเดือน ผมเลียซอสจากนิ้วและดูดมิลค์เชคไปหลายอึก ความหวานของช็อกโกแลตทำให้ผมครางออกมาเบาๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจะกินเบอร์เกอร์หมด เสียงหัวเราะทุ้มๆ ก็ทำให้ผมชะงัก
ผมหันไปเจอผู้ชายคนเดิมนั่งอยู่บนม้านั่งถัดไป เขากำลังคาบหลอดมิลค์เชคไว้ระหว่างริมฝีปากอิ่มและประดับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็ทำให้เจ้าโลกของผมตื่นตัวอีกครั้ง
ผมกัดเบอร์เกอร์ไปหนึ่งคำ ชูนิ้วกลางให้เขา แล้วดึงฮู้ดของเสื้อแจ็กเกตขึ้นมาคลุมหัว ไม่สนใจสายตาของเขาอีกต่อไป











































