บทที่ 9 พบปะพูดคุย
"คุณเจสัน เชิญผมมาพบในวันนี้มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าครับ?" ชายหนุ่มเริ่มเข้าประเด็นทันที หลังจากที่เขานั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร โดยไม่ปล่อยเวลาให้หลุดลอยไป แต่ผู้ที่กำลังนั่งตรงข้ามกับเขายังคงยิ้ม และยังไม่พูดอะไร
"ถ้าหากว่า .... เป็นเรื่องของการแต่งงาน ผมยังคงขอพูดคำเดิมนะครับ" ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง และปฏิเสธคำตอบล่วงหน้า ถึงแม้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเขายังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยก็ตาม
"อย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วอย่างนั้นเลยครับ ดื่มกาแฟก่อนได้นะ แล้วเดี๋ยวเราทานอาหารร่วมกันซักมื้อก่อน" ผู้ที่เชิญเขามาในวันนี้เริ่มสนทนากับเขา และเชิญเขาดื่มกาแฟและทานข้าวด้วย มันเป็นประโยคที่ชวนให้เขาคิดมาก?
"หมายความว่าอย่างไรครับ?" ชายหนุ่มเริ่มมีความสงสัย
"วันนี้ผมเชิญคุณลีมาพบ ไม่ใช่ในฐานะประธานบริษัท แต่ผมมาในฐานะของพ่อคนหนึ่งเท่านั้น" เจสัน เริ่มเข้าสู่บทสนทนา
"ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนอย่างไร และผมก็ทราบคุณลีเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้ชอบการบังคับ หรือใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำธุรกิจใดๆ" ชายหนุ่มฟังสิ่งที่เจสันกำลังพูด พร้อมกับเริ่มทำท่าทางสงสัยว่าพ่อลูกคู่นี้จะมาไม้ไหน อันที่จริงเขาก็รู้จักประวัติ ของเจสัน บาสเตียน ดี
เขาถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับลูกสาวของเขาอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจฟังโดยไม่ขัดจังหวะ
"การที่ลูกสาวผมเป็นอย่างนี้ ความผิดที่ไม่อาจปัดความรับผิดชอบไปได้ก็มาจากผม ผมต้องขอโทษคุณด้วย" หลังสิ้นประโยคนี้ ชายที่มีอายุมากกว่าเขาซึ่งถือได้ว่าอายุเท่าพ่อของเขาเลยก็ว่าได้ ยืนขึ้นและโค้งตัวลงเพื่อกล่าวคำขอโทษเขา
ชายหนุ่มเห็นการกระทำอย่างนั้น ก็ลุกขึ้นตามทันที
"คุณเจสัน!!! ... ยะ อย่างทำอย่างนี้เลยครับ .... นั่งลงก่อนครับ!!!" ชายหนุ่มกล่าวประโยคที่คิดว่าต้องทำ เพราะการกระทำของคนที่มีศักดิ์สูงกว่าย่อมเป็นการไม่เหมาะสม และเขาก็ถือเป็นเด็กที่ทั้งอายุและทางสังคมธุรกิจอ่อนกว่าคนที่กำลังขอโทษและโค้งให้กับเขาด้วย
"ครับ ....." เจสันนั่งลง และเริ่มประเด็นที่เขาต้องการพูดคุยกับชายหนุ่มที่เขาเชิญมาในวันนี้ทันที
"อันที่จริงผมเชิญคุณลีมาพบในวัน ผมอยากจะขอร้องคุณในฐานะพ่อเพียงเท่านั้น .... หากคุณไม่เห็นด้วย และไม่เต็มใจผมก็ไม่ว่าอะไร และการร่วมลงทุนในบริษัทของเราก็ยังคงสามารถดำเนินการต่อได้"
"ครับ ... เชิญคุณพูดมาเลยครับ" ชายหนุ่มเชิญให้ผู้ที่กำลังสนทนากับเขาพูดได้เลย
"ผมอยากรบกวนคุณลี แต่งงานกับลูกสาวของผม ... " ลีออง เมื่อได้ยินสิ่งที่เจสันพูดก็ตกใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
"ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร" เจสัน เหมือนรู้ทันว่าชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธเขา เจสันก็พูดขึ้นก่อนหน้าชายหนุ่มทันที
"ขอให้ผมพูดให้เสร็จก่อนนะครับ" เจสัน พูดเสร็จมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา และเห็นท่าทางที่ไม่โต้แย้งใดๆ เขาก็เริ่มพูดทันที
"ผมขอเวลาคุณ 2 ปี ในการแต่งงานกับลูกสาวผม ยัยอัยย์ให้สัญญากับผมว่า หากคุณแต่งงานกับเธอ เธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ... ผมรู้ว่าลูกสาวของผมเป็นคนยังไง หากวันหนึ่งผมไม่อยู่ผมก็เชื่อว่าเธอจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ... ดังนั้น ผมในฐานะพ่อ ผมอย่างเห็นลูกสาวของผมโตขึ้น และสามารถดูแลตัวเองได้ ... ผมเชื่อว่าคุณสามารถช่วยผมในเรื่องนี้ได้" เจสัน หยุดพูด พร้อมกับมองหน้าชายหนุ่ม
ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นมา "ผมจะช่วยอะไรคุณได้? และผมจะแก้ไขลูกสาวของคุณได้อย่างไร? แล้วหากภายในเวลา 2 ปี ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
"ผมไม่ขออะไรคุณมาก คุณเพียงแค่สอนการเข้าสังคม และดัดนิสัยของลูกสาวผมตามที่คุณเห็นสมควรก็พอครับ ... ผมอยากให้เธอได้รู้ถึงสังคมโลกภายนอกที่ไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือ เธอจะอยู่กับมันยังไง ...." เจสันพูดไป มองหน้าชายหนุ่มไป เขาหยุดพูดเพื่อดูการตอบสนองของชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ
"หากภายในเวลา 2 ปี ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ผมก็ให้โอกาสคุณในการตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ หรือจะเดินออกไป เพราะ 2 ปี ผมก็ถือว่าบทเรียนชีวิตของคนคนหนึ่งมันนานพอดู ... " ชายหนุ่มยังคงนั่งฟังสิ่งที่ผู้เป็นพ่อคนหนึ่งกำลังพูดกับเขา
"หากคุณตัดสินใจช่วยผมในครั้งนี้ ผมถือเป็นบุญคุณอย่างมาก ... ผมจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณ และผมยังจะให้หุ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าตอบแทนในครั้งนี้ มันจะเป็นชื่อของคุณคนเดียว และมันจะยังคงเป็นของคุณ ถึงแม้คุณกับลูกสาวของผมต้องเลิกรากัน และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ผมจะให้ในนามคู่สัญญาระหว่างผม คุณ และลูกสาวของผม" เจสันพูดเสร็จก็มองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเขา
ลีออง ครุ่นคิดสักครู่ เจสันก็เหมือนรู้ว่าชายหนุ่มขอเวลาคิด และนั้นเหมือนเป็นสัญญาณที่ดี เขาเลยพูดขึ้น
