ไม่มีทางเย็ด

นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนตีห้าตรงเป๊ะ ผมเอื้อมมือไปปิดมัน สบถเบาๆ ในลำคอแล้วพลิกตัวนอนหงาย ร่างกายของผมส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจากการฝึกซ้อมเมื่อวาน แต่จะมาโอดครวญไม่ได้ กีฬาฟุตบอลไม่สนความอ่อนแอ และผมก็รักฟุตบอล ดังนั้นผมเองก็ไม่สนความอ่อนแอเหมือนกัน

ผมสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่ง เหยียดแขนตรงและลูบหน้าตัวเอง ห้องทั้งห้องมืดสนิท แต่ก็ยังมีแสงสว่างพอให้ผมมองเห็นฝั่งของเอเมอร์สันได้ สภาพรกสุดๆ ทั้งไม้กลอง เสื้อผ้า และบุหรี่เกลื่อนพื้น

ขณะที่เจ้าตัวหลับอุตุ แผ่นหลังของเขาเปลือยเปล่าท่ามกลางแสงสลัว สะท้อนให้เห็นรอยสักทั้งหมด แต่ผมก็แค่เหลือบมองเขาแวบเดียว เอเมอร์สันเป็นคนสุดท้ายที่ผมอยากจะสุงสิงด้วย และผมก็มีเรื่องอื่นที่น่ากังวลกว่ารูมเมทคนใหม่ของผมเยอะ

ผมลุกขึ้น สวมชุดรัดกล้ามเนื้อ แล้วผูกเชือกรองเท้าสตั๊ด กระเป๋ายิมของผมจัดเตรียมไว้เต็มกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...ทำจนเป็นนิสัย การซ้อมจะเริ่มตอนหกโมง และการไปสายแม้แต่วินาทีเดียวก็เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อย่างน้อยก็สำหรับผม

ผมย่องออกจากห้อง ก้าวออกไปสัมผัสกับอากาศเย็นยามเช้าแล้ววิ่งตรงไปยังสนาม ลมหายใจของผมกลายเป็นไอสีขาวขณะที่ผมเคี่ยวเข็ญร่างกายให้หนักขึ้น พยายามสลัดความหงุดหงิดที่คุกรุ่นอยู่ข้างในทิ้งไป เรื่องที่โรงเรียน เรื่องพ่อ หรือแม้กระทั่งเรื่องเอเมอร์สัน ทุกอย่างรอบตัวผมกำลังพังทลายลงมา แต่ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งเดียวที่ให้ความรู้สึกว่ามันถูกต้อง

การฝึกซ้อมโหดหิน ซึ่งก็เป็นแบบที่ผมชอบ ทั้งซ้อมวิ่งเร็ว ฝึกความทนทาน และยกน้ำหนัก กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของผมปวดร้าวไปหมด แต่ผมก็ยังทำต่อไป เหงื่อหยดจากหน้าผาก แต่ผมก็ไม่หยุด การหยุดไม่ใช่ทางเลือก ถ้าผมอยากจะเป็นที่หนึ่ง ผมก็ต้องฝึกให้หนักกว่าคนอื่น

เมื่อการฝึกซ้อมสิ้นสุดลง ผมกำลังก้มตัวเอามือเท้าเข่า หอบหายใจอย่างหนักตอนที่โค้ชตะโกนเรียกชื่อผม

“อดัม ขอคุยด้วยหน่อย”

ผมยืดตัวตรง ใช้ชายเสื้อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าก่อนจะวิ่งเข้าไป ทันทีที่ผมเห็นสีหน้าของเขา ในท้องของผมก็ปั่นป่วนขึ้นมาทันที ผมต้องไม่ชอบเรื่องนี้แน่ๆ

“ฟังนะไอ้หนู” โค้ชเริ่มต้นพลางนวดต้นคอตัวเอง ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้ผมเข้าไปใหญ่ ผมไม่ชอบเรื่องนี้แน่ๆ “เราต้องคุยเรื่องเกรดของเธอหน่อย”

ผมเผลอพ่นลมหายใจออกมา รู้อยู่แล้วว่าเรื่องกำลังจะไปในทิศทางไหน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะยอมปล่อยๆ มันไปเมื่อเห็นว่าผมทำผลงานในสนามได้ดีแค่ไหน

“ปีที่แล้วเธอไม่ได้เกรดดีๆ เลยสักตัว ให้ตายสิ อดัม บางวิชาเธอก็แทบจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่มันคือชีวิตของเธอ ถ้าเทอมนี้เธอไม่ทำเกรดให้ดีขึ้น ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับเธอนั่งข้างสนาม”

“โค้ชครับ—”

“ฉันเอาจริงนะ ไม่ต้องเถียง และเชื่อฉันเถอะว่าฉันก็เจ็บปวดเหมือนกัน เพราะเธอคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีม การจับเธอนั่งสำรองจะทำให้ทีมเราเสียหายหนัก แต่ฉันเอาจริง เธอต้องทำเกรดให้ดีขึ้น ไม่งั้นก็ออกจากทีมไปซะ”

ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฟุตบอลคือชีวิตของผม แค่คิดว่าจะต้องนั่งข้างสนามก็ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นและหายใจไม่ออกแล้ว แล้วผมจะไปบอกพ่อว่ายังไง แค่คิดก็ยังไม่อยากจะคิดเลย “ผมเข้าใจครับโค้ช ผมจะทำให้ดีขึ้น”

โค้ชพยักหน้าห้วนๆ แต่สีหน้าของเขาผ่อนคลายลง “ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะไอ้หนู เธอมีของดี แต่พรสวรรค์มันจะไม่มีความหมายเลยถ้าเธอปล่อยให้มันสูญเปล่า”

ผมเดินออกจากการฝึกซ้อมโดยที่ไหล่เกร็งแข็ง เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่ก็ยังหวังว่ามันจะไม่มาถึง พ่อของผม...ผู้ที่เฝ้ามองอยู่เสมอ...กำลังรออยู่ และทันทีที่ผมเดินออกจากสนาม เขาก็พุ่งเข้ามาเล่นงาน

“อดัม!” น้ำเสียงของพ่อเฉียบขาดและมันพุ่งทะลุสติที่เปราะบางของผม ทุกอย่างเลวร้ายลงทุกนาที ผมหันกลับไปเผชิญหน้า รู้ดีว่าต้องโดนจัดหนักแน่

“แกเห็นว่ามันน่าสนุกเหรอ คิดว่านี่เป็นเรื่องตลกหรือไง รู้ตัวบ้างไหมว่าอะไรเป็นเดิมพัน”

อะไรนะ ผมไม่ได้หัวเราะสักหน่อย ผมอาจจะโดนเตะออกจากทีม แน่นอนว่าผมไม่เห็นว่ามีอะไรน่าขำ “พ่อครับ ผม—”

“ไม่ต้องพูด ฟังฉัน” พ่อก้าวเข้ามาใกล้ ร่างใหญ่โตของพ่อทาบทับลงมา พ่อเป็นแบบนี้เสมอ ตัวตนของพ่อดูยิ่งใหญ่คับฟ้าอยู่ตลอดเวลา “ไปจัดการเรื่องนี้ให้มันถูกต้อง และต้องเดี๋ยวนี้ด้วย ฉันจะไม่ยอมให้ลูกชายของฉัน...มรดกของฉัน...ต้องเอาอนาคตไปทิ้งกับวิชากระจอกๆ พวกนั้น”

ผมกัดฟันกรอด บางครั้งพ่อก็ทำเหมือนว่าผมแค่ลงไปวิ่งเล่นในสนาม เหมือนกับว่าพ่อไม่รู้ว่าผมต้องการสิ่งนี้มากแค่ไหน มากกว่าที่พ่อต้องการเสียอีก “ผมบอกแล้วว่าจะไปจัดการให้เรียบร้อย”

“ดี เพราะถ้าแกทำไม่ได้ แกจบเห่แน่ แกจะไม่ใช่แค่โดนจับนั่งข้างสนาม แต่จะหลุดออกจากเส้นทางนี้เลย ได้ยินที่ฉันพูดไหม”

ผมพยักหน้าตัวแข็งทื่อ พ่อของผมไม่ให้โอกาสครั้งที่สอง พ่อของผมไม่ยอมรับความล้มเหลว และถ้าผมล้มเหลว ผมก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คิดแล้วก็บ้า แต่ผมไม่เพียงแค่อาจจะหมดอนาคตในเอ็นเอฟแอล แต่อาจจะถูกไล่ออกจากบ้านของพ่อด้วย

ในหัวของผมสับสนวุ่นวายไปหมดขณะที่เดินลากเท้าไปเข้าเรียน ผมเหนื่อยสุดๆ ร่างกายเหมือนโดนรถทับ แต่ผมก็บังคับตัวเองให้มีสมาธิ ผมจะพลาดเรื่องนี้ไม่ได้ หรืออย่างน้อย ก็พยายามจะมีสมาธิ

หลังเลิกเรียน ผมไปคุยกับศาสตราจารย์มิตเชลล์ อาจารย์ที่ผมสอบตกวิชาของเธอเมื่อเทอมที่แล้ว เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นห่วงผมจริงๆ นอกเหนือไปจากเรื่องฟุตบอล

“อดัม” เธอกล่าวขณะพิงขอบโต๊ะ “ครูไม่ชอบเลยที่เห็นผลการเรียนเธอแย่ลงแบบนี้ ตอนเธอเริ่มเรียนใหม่ๆ เธอเป็นนักเรียนที่ดีมากเลยนะ เกิดอะไรขึ้น”

ผมคำรามในลำคอเบาๆ พลางเสยผมที่ชื้นเหงื่อ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับครู ในหัวผมมันยุ่งไปหมด ทั้งเรื่องฟุตบอล เรื่องพ่อ ทุกอย่างเลย มันหนักไปหน่อยครับ”

เธอมองผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเห็นด้วย “ครูว่าเธอต้องการติวเตอร์นะ”

“ผมต้องการติวเตอร์เหมือนต้องการอากาศหายใจเลยครับ”

เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพยักหน้า “ครูมีนักเรียนสองสามคนที่น่าจะช่วยได้ ขอครูเช็กดูก่อนนะ” เธอไล่ดูแฟ้มเอกสาร พึมพำอ่านชื่อ “ส่วนใหญ่มีคนจองตัวไปแล้ว เทอมนี้ทุกคนยุ่งกันหมดแล้ว ทั้งเตรียมสอบ กิจกรรมนอกหลักสูตร อะไรพวกนั้น”

ผมทิ้งตัวพิงพนัก รู้สึกถึงความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามา โชคดีจริงๆ เลยเรา พอพร้อมจะเรียน แต่กลับไม่มีคนสอน

แล้วเธอก็ชะงัก เอียงคอมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “อืมม ก็มีอยู่คนหนึ่งนะ แต่— ไม่ดีกว่า”

ผมโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ครับ”

“ครูไม่อยากรบกวนเขามากไปกว่านี้ เขามีนักเรียนในความดูแลสี่คนแล้ว แต่เขาเก่งมากนะ และครูคิดว่าเขาน่าจะเหมาะกับเธอมาก”

ตอนนี้ผมโน้มตัวไปจนแทบจะติดโต๊ะของเธอแล้ว “ใครครับ”

เธอยิ้มและพยักหน้ากับตัวเอง “เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวครูจะลองถามเขาให้”

ผมไม่รู้ว่า ‘เขา’ คนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าเขาสามารถทำให้เกรดผมดีขึ้นได้ ผมก็ไม่สนแล้ว “ไม่ต้องห่วงนะอดัม เดี๋ยวครูจัดการให้เอง คราวนี้เธอต้องสอบผ่านแน่”

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณครับครู ผมติดหนี้บุญคุณครูจริงๆ”

เธอพยักหน้ารับ พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “เขาเป็นหนึ่งในนักเรียนที่เก่งที่สุดของเรา ไม่เคยสอบตกเลยสักครั้ง ตั้งใจเรียนอยู่เสมอ ถ้าจะมีใครสักคนที่ดึงเธอกลับมาเข้าที่เข้าทางได้ ก็ต้องเป็นเอเมอร์สัน เบ็คเก็ตต์”

ผมสำลักคำตอบออกมาโดยอัตโนมัติ “อะไรนะครับ”

ผมยังคงนั่งอึ้ง ขณะที่สมองประมวลผลสิ่งที่เธอเพิ่งพูดจบ เอเมอร์สัน ไอ้เวรเบ็คเก็ตต์เนี่ยนะ ไอ้หมอนั่นมันสะกดคำว่าดินสอเป็นหรือเปล่า มันใช้เป็นด้วยเหรอวะ อะไรกันวะเนี่ย

แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำได้ และในบรรดาคนทั้งหมดในโรงเรียนเฮงซวยนี่ คนที่จะมาสอนผมดันเป็นมัน

แต่ก็นะ แน่นอนอยู่แล้ว มันต้องเป็นมันสิ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป