บทที่ 15 โฉมงาม

"จื่อไห ปกติท่านเป็นคนประหยัดเวลาไม่ใช่หรือ จะเปลืองเวลากับการโกรธเขาไปทำไม เอาน่า ท่านอาวุโสอย่าเคืองไปเลย ก็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น และอีกอย่าง ข้าก็ไม่ใช่หมอลู่ของใคร แต่ข้าคือหมอลู่ของทุกคน" ลู่หนิงอันยิ้มเรียบ แล้วเดินตามเสี่ยวเป้ยเข้าไปในโรงเก็บสมุนไพร ทิ้งจื่อไหให้ทบทวนทำความเข้าใจในคำพูดนาง

"เจ้าก็อีกคน จะเรียกข้าเช่นนั้นไม่ได้ ข้าเป็นพี่เจ้า 10 ปี แค่ 10 ปีเท่านั้น!"

แม้จื่อไหจะตะโกนดังบอกใคร ก็หาได้มีคนสนใจเขา จึงเป็นเรื่องที่เปลืองเวลา เขาจึงวางถั่วเคลือบน้ำตาลที่ตั้งใจซื้อมาฝากนางเอาไว้ แล้วเดินจากไป

ถุงถั่วถูกหยิบขึ้นมา มือน้อยล้วงเข้าไปควานหาถั่วเคลือบน้ำตาลที่ว่า แล้วหยิบมันออกมานับ

"1 2 3 4...5! ฮึ พ่อไก่เหล็ก ขนสักเส้นก็ไม่ให้ถอน ไม่เคยเกินนี้เลยสักครั้ง ตาเฒ่าเอ๋ย เกี้ยวอาจารย์ข้าด้วยถั่ว 5 เม็ดราคาอีแปะเดียวนี้มากี่ปีแล้ว ขี้ตืดขนาดนี้ สตรีใดจะอยากแต่งกับเจ้าเล่า ชิ" เสี่ยวเป้ยสบถบ่น พร้อมกรอกถั่วเคลือบน้ำตาล 5 เม็ดนั้นเข้าปากในคราวเดียว

"เสี่ยวเป้ย!"

"มาแล้วเจ้าค่ะ อาจารย์!"

....................

ตำหนักตงหยาง

สำรับเช้าตั้งโต๊ะนานแล้ว แต่ซีเวยก็ยังไม่ยอมออกไปรับสักที นางก็ยังคงบ่ายเบี่ยง ขังตนเองอยู่แต่ในห้องลำพัง คล้ายดังว่ากำลังพยายามหลบหน้าใครบางคน

"พระชายารอง ท่านอ๋องรอนานแล้วนะเพคะ ยังไม่เสร็จอีกหรือ"

ในเมื่อหลบอย่างไรก็ไม่พ้น เช่นนั้นก็จำต้องเผชิญหน้า

"ก็ได้ เสร็จแล้วๆ"

หลี่หมัวมัว พร้อมอาจิ้งกับอาจูเบาใจ ในที่สุด พระชายาก็ยอมลุกออกจากหน้ากระจกบานนั้นเสียที

"โอ๊ะ! พระชายา นะ นะ หน้าท่าน" ทั้งสามพากันตกใจ ตะลึงพรึงเพลิดในรูปโฉมของพระชายาผู้เป็นนาย

"สวยใช่หรือไม่ ไปกัน ข้าหิวแล้ว"

ซีเวยยิ้มกว้าง อวดปากแดงที่ลากยาวไปถึงใบหู คิ้วงามเรียวบาง โค้งสูงไปจนถึงโคนผมบนหน้าผาก นี่ก็ปล่อยให้ท่านอ๋องรอมาหลายเค่อแล้ว ครั้นจะจับนางล้างหน้าแต่งใหม่ ก็เกรงจะยั่วให้ท่านอ๋องโมโหหิว ผู้ดูแลพระชายารองทั้งสามมองหน้ากันอย่างขอความคิดเห็น แต่ยังจะไม่ทันได้ข้อสรุปใด พระชายาคนงามก็วิ่งฉิวออกพ้นประตูห้องไปเสียแล้ว

"ช้าก่อน พระชายาเพคะ"

ไม่มีเวลาให้ได้คิดตัดสินใจ ร่างบางวิ่งเข้าไปในพลับพลาที่จัดตั้งสำรับเช้า และได้พบกับอ๋องสามเป็นที่เรียบร้อย น้ำชาอุ่นที่กำลังสูบเข้าปาก พวยพุ่งออกมาเป็นละอองฝอย ซั่วหยางอ๋องถึงกับสำลัก ตกตะลึงในความงามของพระชายาตน

"แค่กๆๆ"

ซีเวยเองก็ตกใจเร่งเข้าไปจับเขา ดันให้นั่งโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งจับมั่นที่ไหล่ และอีกมือกระแทกตบที่หลังอย่างแรง กระตุ้นให้เขาไอจนอาการดีขึ้น

"น้ำเพคะ ดื่มก่อน"

หญิงสาวลูบหลังเขาเบาๆ คอยส่องดูอาการอย่างใกล้ชิด สายตาและท่าทางของนางดูเป็นกังวลมาก และท่าทางของนางเหล่านี้ กลับประทับฝังในความรู้สึกนึกคิดของเขา ภายใต้ใบหน้าสีฉูดฉาด เขากลับมองเห็นและรับรู้ได้ในความห่วงใย

"ขอโทษที่ทำให้ห่วง ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"

"อืม คราวหลังต้องระวังให้มาก จะหยิบจับอะไรเข้าปากต้องมีสติ หากไม่มีคนอยู่ใกล้ คงแย่แน่"

"แม้ร้อยคนอยู่ใกล้ก็ใช่ว่าจะช่วยเหลืออะไรได้ เจ้าไปร่ำเรียนวิชาพวกนี้มาจากไหน"

ซีเวยออกอาการเลิ่กลั่ก นางเผยพิรุธให้เขาได้เห็นอีกแล้ว แปลกที่นางเป็นเช่นนี้มา 6 ปี คนที่บ้านยังไม่อาจจับได้ แต่เข้ามาอยู่กับเขาเพียงแค่ไม่กี่วัน ความก็เหมือนจะแตกอยู่มะรอมมะร่อแล้ว

"เรียนอะไรหรือเพคะ สนุกหรือไม่" ร่างบางทำบิดเบือนเฉไฉแสร้งแสดงไม่ยอมรับ แต่เมื่อหันมาสบตาเขา นางก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าคำปดของนาง ไม่ส่งผลใดต่อความเชื่อของเขาอีกต่อไปแล้ว

ร่างใหญ่ยิ้มบาง ด้วยเข้าใจว่านางคงมีเหตุผลจำเป็นของนาง จึงไม่คิดซักไซ้ให้นางต้องหนักใจในตอนนี้

"ไม่เป็นไร หากเจ้าจะยังไม่ไว้ใจข้าก็ไม่เป็นไร กินเถอะ ข้าจะพาเจ้าออกไปเล่นในเมือง"

"หือ ท่านพูดจริงหรือ ข้า ข้าออกไปได้ด้วยหรือ"

พระชายาตัวน้อยถามกลับด้วยสีหน้าประหลาดใจ เพราะเคยได้ยินมาว่า เมื่อเข้าวังแล้วก็ต้องอยู่ในนี้ไปตลอดชีวิต แม้แต่จดหมายก็ห้ามเขียน นางจึงได้ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะหาความสงบสุขในนี้ ด้วยการใช้ชีวิตแบบเชื่องช้าและเฉื่อยชาเพียงลำพังไปวันๆ ไม่ดิ้นรนต่อสู้ หรือวุ่นวายกับใครอีก ดังนั้น การที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกครั้งนี้จึงถือเป็นกำไรชีวิต

"ได้สิ ก็เพราะสามีเจ้าคืออ๋องสามไง"

ซีเวยเบ้มุมปาก เหม็นคนขี้อวด แต่ก็เป็นเรื่องดี ที่จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาสักครั้ง

"อิ่มแล้ว ไปกัน!"

พระชายาตัวน้อยยิ้มร่า ดูนางจะตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก แต่เขากลับจับนางนั่งลง แล้วให้อาจิ้งอาจูนำของที่แอบสั่งไว้ออกมา

"ท่านจะทำอะไร"

"ทำหน้าที่สามี เจ้าแค่นั่งเฉยๆก็พอ"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป