บทที่ 17 ชู้รัก
"เจียฟางโหลวแห่งนี้ เป็นที่ที่เหมาะแก่การหาเสาหลักให้เจ้าจริงๆ เจินเอ๋อร์ เจ้าดูพ่อหนุ่มนั่นสิ ดูแหวนหยกที่นิ้วเขา แม่ว่า น่าจะสักร้อยตำลึงเห็นจะได้" เลี่ยงหรูสอดส่ายสายตา เล็งเฟ้นหาชายงามผู้สูงศักดิ์และร่ำรวย เพื่อคัดเลือกให้เป็นลูกเขยในอนาคต
"ท่านแม่ ข้าไม่เลือกแล้ว เรามานั่งอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นมีผู้ใดสนใจข้าสักนิด" เฟยเจินทำอิดออด ใจนางครุ่นคิดถึงแต่เถ้าแก่ร้านเครื่องประดับคนนั้น ดังนั้นการมองหาบุรุษอื่น จึงเป็นเรื่องน่าเบื่อ
"ฮึ ก็คนพวกนั้นตาไม่ถึงนะสิ รออีกหน่อย เดี๋ยววาสนาด้ายแดงของเจ้าก็มา แม่มีลางสังหรณ์เช่นนั้น"
"แต่ข้าไม่อยากรอแล้ว"
"ไม่ได้ นังบ้าซีเวยแต่งงานไปแล้ว หากเจ้าไม่รีบแต่งออกตอนนี้ รู้ไหม ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า" เลี่ยงหรูเอ่ยขู่จริงจัง
"อะไรหรือท่านแม่"
"เจ้าก็จะถูกส่งไปโซ่วโจวแทนนางนะสิ แม้ทางการจะบอกว่า คัดเลือกลูกหลานตระกูลขุนนาง ไปเรียนวิชาปลูกผัก แต่พวกคนที่ไปไม่เห็นมีใครได้กลับมาสักคน เป็นชายก็ถูกทิ้งให้ตายในแดนกันดาร เป็นสตรีก็ถูกบังคับแต่งงาน ผู้ใดไม่มีบุตรก็ต้องถูกทารุณ เป็นนางรับแขกของพวกคนเถื่อนปลูกป่าพวกนั้น"
"ท่านไปเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหน ข้าก็เห็นพวกเขาถูกส่งไปอย่างมีเกียรติ เป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูล ไม่น่าจะมีเรื่องอย่างที่ท่านว่า"
"หลุมพรางนะสิไม่ว่า เด็กอย่างเจ้าจะรู้อะไร ปีนั้น ข้าได้ยินพ่อเจ้าคุยกันกับสวีซิ่ว หนังสือคำสั่งจากทางการ ข้าก็เองก็เห็นมากับตา ดีที่ข้าฉลาด แอบเขียนชื่อนางเด็กซีเวยในจดหมายตอบรับแล้วส่งให้ทางการเองกับมือ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงส่งชื่อเจ้าไปเป็นแน่ ด้วยเพราะเรื่องนี้ สวีซี่วถึงกับร้องไห้ไม่หยุด 3 วัน 3 คืนเชียว ถ้าเจ้าไม่อยากไปใช้ชีวิตในแดนเถื่อน ก็จงเร่งหาสามีเสีย!"
"แค่แต่งงาน ก็ไม่ต้องไปแล้วใช่หรือไม่"
"เกรงว่าจะไม่พอ เพราะบ้านเรา นอกจากเจ้า ก็ไม่มีใครเหลือแล้ว พวกเขาต้องไม่ยอมวางมือง่ายๆ เป็นแน่ แต่หากเจ้าได้แต่งงาน ก็ต้องหาคนที่มีบารมีมากพอที่จะกันไม่ให้เจ้ามีชื่อได้ ดังนั้นแม่จึงพาเจ้ามาที่นี่"
"เอ่อ ท่านแม่ หากว่าที่สามีข้าคนนั้นไม่มีตำแหน่ง แต่มีเงินเล่า"
"ก็ต้องดูว่า อำนาจเงินในมือเขามีมากแค่ไหน ไม่เอาแล้ว ชวนคุยอยู่ได้ รีบช่วยกันมองหาสิ นั่นๆๆ พ่อหนุ่มคนนั้นเป็นไง ชอบหรือไม่" เลี่ยงหรูชี้ไปที่บุรุษรูปงามที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เพียงลำพัง
"คนผู้นั้นข้ารู้สึกคุ้นนะ เหมือนจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน อ้อ! ข้าจำได้แล้ว องครักษ์อ๋องสาม ที่มารับนางบ้าวันนั้นนี่"
"ใช่จริงๆ ด้วย แต่งอาภรณ์เช่นนี้ ดูรูปงามไม่เบา" เลี่ยงหรูยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นเหยื่ออันโอชะเดินย่างกรายเข้ามาในเจียฟางโหลว เขาทั้งรูปงาม มีตำแหน่ง ตรงตามคุณสมบัติที่นางวาดหวังเอาไว้
"รอข้าด้วย อะโอ๊ย!"
สตรีหน้าคุ้นตะโกนเรียก วิ่งตามเขาเข้ามา นางคงรีบร้อนเกินไปจึงทำให้สะดุด แต่โชคดีที่บุรุษร่างใหญ่ทรงสง่าผู้ที่สองแม่ลูกกำลังหมายปองอยู่นั้น วิ่งเข้ามารับตัวเอาไว้ได้ทัน นางผู้นั้นจึงปลอดภัยในอ้อมกอดเขา และทั้งสอง ยังมองตากันอย่างประหลาด ดังว่ากำลังสื่อภาษาลึกซึ้งถึงกันโดยที่ไม่ต้องออกเสียง
"นั่น นางบ้าซีเวย!"
สองแม่ลูกมองหน้ากัน ภาพคนทั้งสองเดินมาด้วยกันโดยไร้ผู้ติดตาม มันกระตุ้นต่อมอยากรู้ของพวกนางให้ร้อนเดือด ทั้งเลี่ยงหรูและเฟยเจินรีบยกพัดขึ้นมาบดบังใบหน้า หลบคนทั้งสองที่เดินเข้ามานั่งอยู่โต๊ะที่ไม่ไกลจากพวกนางมากนัก
"เข้าวังไปแล้ว นางจะออกมาได้อย่างไร ไหนท่านบอกว่าแม้แต่จดหมายก็ส่งออกไม่ได้อย่างไรเล่า" เฟยเจินกระซิบเบาถามทักกับผู้เป็นมารดา
"เจ้าเด็กโง่ ออกมาได้เช่นนี้ ก็เพราะหนีมานะสิ หนีตามชายชู้!" เฟยเจินกระจ่างใจเมื่อได้คำตอบจากมารดา นางภูมิใจในความฉลาดปราดเปรื่องของมารดานางมาก จนต้องยกนิ้วให้
"ท่านแม่ แล้วเราจะหลบนางทำไม นางสิต้องหลบ คบชู้สู่ชาย ซ้ำยังส่งสายตาหวานอย่างเปิดเผยกันขนาดนี้ ประจานนางเลยสิ"
"นั่นสิ เราไม่ควรหลบ ลุยเลยลูก"
สองแม่ลูกรวบพัดแล้วตบโต๊ะ "ปึ้ง" ลุกยืนขึ้นพร้อมกัน จนคนทั้งร้านหันมามองพวกนางเป็นตาเดียว
"ท่านแม่ ทุกคนมองมาที่เราหมดเลย ทำอย่างไรต่อดี"
"ยืดหน้าเข้าไว้ลูก เจ้าเป็นคุณหนูผู้งามเลิศแห่งจวนแม่ทัพใหญ่เฉิน ความงามของเจ้ากำลังสะกดคนทุกสายตา"
"อ้อ" เฉินเฟยเจินจัดระเบียบร่างกายให้ดูทรงสง่า โปรยยิ้มบางๆและหรี่ตาเล็กน้อย เพื่อให้มีท่าทีดูเย้ายวน ก่อนจะค่อยๆ เดินตามหลังมารดาตน และมุ่งตรงไปยังโต๊ะของสตรีที่มีแซ่เดียวกัน
"โอ๊ะโอ! เจินเอ๋อร์ เจ้าช่วยแม่ดูที ว่านี่คือพระชายาอ๋องสามใช่หรือไม่"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่ เป็นนาง พระชายารองแห่งอ๋องสาม เฉินซีเวยเจ้าค่ะ" เมื่อคนแม่ร้อง คนลูกก็รับเป็นอย่างดี พวกนางประกาศก้องถึงตัวตนของซีเวยให้ได้รู้กันทั่วเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่
