บทที่ 20 โอรสฮองเฮา
ตำหนักองค์ชายใหญ่
"พี่ใหญ่ ข้ากับเสด็จแม่ นำขนมมาเยี่ยมท่าน" อู๋ไจ้เสวียนถือตะกร้าขนมเดินนำหน้าพระมารดา
"ถวายบังคมเสด็จแม่" องค์ชายใหญ่ อู๋ห้าวไฉ พยายามลุกจากรถเข็น เพื่อต้อนรับพระมารดา
"โอ๊ะ! ไม่ต้องหรอกลูก นั่งเถอะ"
"อ้อ พะย่ะค่ะ"
แม้เรื่องราวจะผ่านมานานหลายปี แต่นางก็ยังคงทำใจไม่ได้
ครั้งนั้น บรรดาองค์ชายทั้งหลาย ยังไม่มีผู้ใดได้รับตำแหน่งอ๋อง ทั้งองค์ชายใหญ่อู๋ห้าวไฉ องค์ชายสามอู๋ซั่วหยาง และองค์ชายเจ็ดอู๋ชิงอี่ ได้ออกปราบกบฏด้วยกันที่ชายแดนตะวันออก แต่ด้วยฮองเฮารู้ดีว่าศึกนี้ ฝ่าบาทจะทรงใช้เป็นบทพิสูจน์ ประกอบการตัดสินใจในการคัดเลือกรัชทายาท ฮองเฮาจึงวางแผนที่จะผลักดันบุตรของตนให้ขึ้นในตำแหน่งนั้น ส่วนคู่แข่งที่น่ากลัว ก็คือองค์ชาย 7 ที่เป็นโอรสของท่านหญิงเชื้อพระวงศ์ เขาย่อมมีอำนาจบารมีและผู้สนับสนุนที่เหนือกว่านาง นางจึงออกอุบาย วางแผนทำให้องค์ชาย 7ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงกับจะเข่นฆ่าเอาชีวิต นางต้องการเพียงให้เขาทุพพลภาพเพื่อสืบตำแหน่งรัชทายาทคนต่อไปไม่ได้
แต่อนิจจาดังฟ้าเล่นตลก หรือไม่ก็กรรมตามทัน คนที่ติดกับดักนั้นกลับไม่ใช่องค์ชาย 7 แต่กลับเป็นองค์ชายใหญ่ บุตรของนางแทน
องค์ชายใหญ่สูญเสียประสาทสัมผัสความรู้สึกที่ขาทั้งสองข้าง ในขณะที่องค์ชาย 7 นำทัพออกรบจนมีชัย ฝ่าบาทจึงพระราชทานตำแหน่งอ๋องให้องค์ชาย 7
เพียงครองตำแหน่งอ๋องได้ไม่นาน ก็มีหลักฐานชี้ว่า เขากับศัตรูสมคบคิดกัน ให้คนนอกเข้ามาลอบทำร้ายองค์ชายใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ ฝ่าบาททรงเสียพระทัยอย่างมาก ที่พี่น้องทำลายกันจึงสั่งขังลืมอ๋องเจ็ดเสีย พร้อมข้อหาสมคบกบฏติดตัว
จากนั้น เมื่อศัตรูเห็นว่าทางฝ่ายซินเซียงทะเลาะกันเองจนขาดกำลังสำคัญ จึงได้รวบรวมกลุ่มโจรทะเลทรายเข้าโจมตีอีกครั้ง
ในตอนนั้นองค์ชายใหญ่ก็บาดเจ็บ องค์ชาย 7 ก็ถูกขัง เหล่าแม่ทัพทั้งหลาย จึงช่วยกันต้านอย่างเต็มกำลัง แต่องค์ชายสามกลับบุกเดี่ยวออกไปลุยกับอริในเขตแดนทะเลทราย เป็นที่น่าประหลาดใจ แม้องค์ชายสามจะบุกเดี่ยวเพียงลำพังแต่ก็สามารบั่นคอหัวหน้ากองโจรได้ เหล่าอริจึงพ่ายสลายไปในทันที ฝ่าบาทจึงพระราชทานตำแหน่งอ๋องให้แก่ซั่วหยาง บุตรสนมที่ไม่เคยได้รับการเอ็นดู
"ห้าวไฉ ต่อให้เจ้าไม่ได้เป็นรัชทายาท เจ้าก็ยังเป็นลูกของแม่ งานนี้แม่จะให้น้องสี่ของเจ้าสืบต่อเอง เจ้าไม่ต้องกังวล"
......................
สวนผักตำหนักอ๋องสาม
"หมัวมัว ข้าให้เจ้า"
เผละ!
โคลนนิ่มดำหนืด ลอยคว้างกลางอากาศ มาร่วงแหมะอยู่ที่หน้าผากของหลี่หมัวมัว สภาพนางในตอนนี้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนตั้งแต่หัวจรดเท้า และสองแฝดอาจิ้งอาจู ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
"พอแล้วเพคะ พระชายา เลอะหมดแล้ว คิดจะปลูกผักก็เป็นเรื่องดีอยู่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลอะเทอะขนาดนี้นี่เพคะ"
"หมัวมัว ท่านไม่รู้อะไร ยิ่งเจ้าผักน้อยเห็นเรามีความสุขพวกเขาก็จะยิ่งมีรสชาติดี มาเถอะ วางท่าถมึงทึงนั้นทิ้งไปเสียแล้วมาเล่นกับข้า ฮ่าๆๆ"
"อย่าเพคะ ไม่เอาแล้ว อาจิ้ง อาจู ช่วยกันจับพระชายาไปอาบน้ำที"
หลี่หมัวมัววิ่งหลบ อาจิ้งอาจูวิ่งไล่จับ แต่ทำอย่างไรสองสาวใช้นั่นก็จับนางไม่ได้สักที นางหลบหลีกได้อย่างว่องไวมากราวกับว่าผ่านการฝึกวิชามาก็ไม่ปาน แม้นางจะพาทุกคนเล่นสนุกดูเหลวไหล แต่พวกนางก็ทำงานจนเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว
แปลงผักที่ถูกขุดและปลูกเป็นแนวยาวอย่างเป็นระเบียบ หากเป็นที่อื่นคงไม่น่าแปลกใจอันใด แต่นี่เป็นตำหนักตงหยาง จึงทำให้ภาพลักษณ์ ณ ปัจจุบันดูขัดแย้งกับภาพลักษณ์ในอดีตไม่น้อย
แผละ!!!
พระชายาตัวป่วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เมื่อโคลนเปียกในมือนาง ดันลอยไปหยุดอยู่บนหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่หมัวมัวและสองสาวใช้แฝด
"อุ๊ย! ข้าขอโทษ ข้า ข้าจะเช็ดให้ท่านเดี๋ยวนี้"
มือน้อยคู่ดำ เร่งหอบเอาโคลนที่เปื้อนอยู่บนใบหน้างามของบุรุษหนุ่มอาภรณ์ขาวผสมดิ้นไหมทองออก
แต่ยิ่งเช็ดก็เหมือนว่าอาภรณ์ราคาแพงนั้นจะยิ่งเลอะเพิ่มมากขึ้น บุรุษร่างสูงใช้มือหนาปัดทิ้งโคลนเปื้อนอาภรณ์นั้นตามมือน้อยดำๆ ของนาง
"ไม่เป็นไร พระชายาสาม อย่าลำบากเลย"
"ไม่ได้ๆ ข้าเป็นคนทำท่าน ข้าต้องรับผิดชอบ" ซีเวยยังคงยืนยันที่จะรับผิดชอบกับความผิดครั้งนี้ ดีที่หมัวมัวและสองแฝดเข้ามาช่วยกันดึงพระชายารองออกให้ห่างเขา
"คารวะองค์ชายรอง พระชายาก็เป็นเช่นนี้อย่าถือสานางเลยนะเพคะ" เป็นหมัวมัวที่เฉลยว่า บุรุษผู้อยู่เบื้องหน้านี้คือผู้ใด เมื่อทราบสถานะเขาแล้วซีเวยจึงทำความเคารพเขาตามแบบฉบับของนาง
"ที่แท้ท่านก็คือพี่สามี ได้ยินมาว่าท่านชอบไปอารามค้นหาความสงบในจิตใจ ท่านช่วยสอนข้าให้สงบใจบ้างได้หรือไม่" มือน้อยดำๆ จับหมับเข้าให้ที่ชายเแขนเสื้อของเขา แม้เขาจะยังยืนยิ้มอยู่นิ่งๆ แต่ก็พยายามดึงเสื้อ
ให้หลุดจากมือของนาง
"ได้สิ แต่วันนี้ข้ามีธุระกับเจ้าสาม ไว้ว่างๆ ข้าจะสอนเจ้าก็แล้วกันนะ"
"อ้อ เช่นนั้นข้าจะรอนะ" ซีเวยยิ้มกว้าง แต่เขากลับยิ้มเจื่อน นางน้อมส่งเขาพร้อมโบกมือลา เขาก็พยักหน้ารับอย่างผ่านๆ อันจิตใจขององค์ชายรองนั้น ยากจะมีผู้เข้าใจ เมื่อว่างจากราชกิจที่ได้รับมอบหมาย เขาก็ขลุกอยู่แต่ในหอตำรา ศึกษาพระธรรม แม้เขาจะทำตัวแปลกแยก ไม่สนิทกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นคนที่เข้าได้กับทุกคน
"องค์ชายรองค่อนข้างจะรักความสงบและความสะอาด ไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนเล่นกับพระชายาหรอกเพคะ เราไปอาบน้ำกันดีกว่า"
"แต่เขารับปากข้าแล้ว แสดงว่าเราเป็นเพื่อนกันได้"
หลี่หมัวมัวถอนหายใจยาว ก่อนจะข้ามประเด็นแล้วชวนนางไปอาบน้ำจริงจัง
...................
