บทที่ 9 ไร้หัวใจ ตอนที่ 2

ท่ามกลางแสงสียามค่ำคืน บริเวณหาดเฉวงที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องราตรีที่จับจองสถานที่ให้บริการในด้านต่างๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจเริ่มหลั่งไหลออกมาเดินสำรวจสถานที่ นักท่องเที่ยวที่นี่เป็นชาวต่างชาติมากกว่าจะเป็นคนไทย สถานที่ให้ความบันเทิงมากมายสองฝั่งถนนต่างแข่งขันกันเปิดแสงสีเสียงเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ

อคิราห์นั่งถือแก้วเครื่องดื่มมองไปยังถนนเบื้องหน้าที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าจะเป็นคนไทย เขาตื่นขึ้นมาในตอนค่ำของวันนี้หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ดิ่งรถออกจากโรงแรมของตัวเองมานั่งดื่มอยู่คนเดียว                                                                                                   ครั้งที่เพียงอัปสรยังอยู่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาเดียวดายอย่างนี้มาก่อน แม้รอบตัวจะรายล้อมด้วยผู้คนมากมาย แต่มันเหมือนโลกใบนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่อาศัยอยู่

คิดถึงเธอเหลือเกิน...เพียงอัปสร

เครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถูกกรอกเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าเหมือนมันเป็นเพียงน้ำเปล่าไร้รสชาติ ในสมองตอนนี้ตื้อตันไปหมดเกี่ยวกับปัญหาชีวิตของตัวเองที่ต้องมาแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก มิหนำซ้ำเธอยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักของเขาต้องจากไปชั่วนิรันดร์

ใจหนึ่งนั้นอยากจะอย่าขาดแล้วไล่ให้ไปไกลๆ จากชีวิตเสีย แต่อีกใจมันค้านว่าถ้าทำอย่างนั้นจริง เพียงอัปสรก็ต้องตายเปล่าส่วนณัฏฐนิชลอยนวลสุขสบายอยู่บนเงินนับสิบล้านที่เป็นสินสอดในวันแต่งงาน มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย น้ำเมาถูกกระดกเข้าปากก่อนจะส่งแก้วให้พนักงานเพื่อเติมมันใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า...

“อื้อ...อย่าค่ะคุณอคิราห์ อืม...”

ณัฏฐนิชที่นอนหลับสนิทรู้สึกสะลึมสะลือคล้ายกับตัวเองกำลังฝันว่าเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วๆ เข้าหูแต่เสียงดังกล่าวยังคงดังเป็นระยะๆ ปลุกให้คนนอนตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย

“อยู่นิ่งๆ สิ อืม...หอมจังเลย” คราวนี้มีเสียงทุ้มห้าวของผู้ชายทำให้หญิงสาวลืมตาโพลงทันที เมื่อตื่นเต็มตาแล้วเธอก็พบว่านอกจากเสียงที่ได้ยินแล้วเตียงนอนที่เธอนอนอยู่มันไหวยวบเป็นจังหวะคล้ายมีใครมาเขย่า พร้อมกับแสงสลัวจากโคมไฟนั่นอีก เธอจำได้แม่นว่าปิดไฟหมดทุกดวงแล้วแต่ทำไมโคมไฟที่หัวเตียงถึงเปิดได้ล่ะ ไวเท่าความคิดณัฏฐนิชยันตัวลุกนั่งแล้วหันหน้ามาอีกด้านทันที

“คุณอคิราห์ขา...พอเถอะค่ะ ส้มยังทำงานอยู่นะคะ”                     ณัฏฐนิชตกใจแทบช็อกกับสิ่งที่ได้พบเห็น ใจดวงน้อยเต้นรัวหรือหยุดเต้นไปแล้วเธอไม่แน่ใจ ท่ามกลางความสลัวของแสงไฟชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเมามันบนเตียงที่เธอใช้นอน ผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างหลับตาปรือส่งเสียงครางแผ่วๆ ด้วยความสุขสมคนนั้นคือพนักงานที่มาดูแลเธอนั่นเองและชายผู้ที่อยู่เหนือร่างของหญิงผู้นั้นก็คือ อคิราห์สามีของเธอ

สภาพของทั้งคู่ที่เธอถึงกับต้องเอามืออุดปากไม่ให้อุทานออกมาแต่กลับตันตื้นจนน้ำตาไหล ฝั่งผู้หญิงนั้นเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนมองเห็นบราสีอ่อนที่ชายหนุ่มกำลังฟอนเฟ้นอยู่เหนือเรือนร่างอวบสะพรั่ง กระโปรงถูกถลกขึ้นมาจนถึงเอวนอนบิดส่ายอยู่ใต้ร่าง     ของอคิราห์ที่เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ

“กรี๊ด!!!...ทำทุเรศอะไรกันในนี้ออกไปนะ” ณัฏฐนิชไม่สามารถอดทนดูเกมกามของทั้งคู่ดำเนินไปมากกว่านี้ได้แล้ว เธอส่งเสียงหวีดแหลมขับไล่ทั้งคู่ จนคนทั้งสองผละออกจากกัน พนักงานนามว่าส้มนั้นลนลานรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วโผเข้าไปกอดซบอกอคิราห์เอาไว้

“เป็นบ้าอะไรของเธอ ห๊า!!! ณัฏฐนิช อยู่ๆ ก็ร้องเหมือนคนเสียสติ” ชายหนุ่มใช้มือโอบร่างที่พิงอกไว้แน่นก่อนจะหันมาเล่นงานหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง

“คุณอคิราห์ขา...น่ากลัวจังเลยค่ะ ส้มบอกแล้วว่าไม่เหมาะเห็นไหมคะคุณผู้หญิงตื่นแล้ว” ส้มหรืออพิญญาแหงนมองหน้าชายหนุ่มออเซาะทันที    “มาทำบัดสีอะไรกันในห้องฉัน อยากทำอะไรกันก็ไปทำที่อื่นสิ โรคจิตรึไง” ณัฏฐนิชต่อว่าต่อขานโดยหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากมองคนทั้งคู่                                                                                                   “ห้องเธอเหรอ...ฮึ ที่นี่ทุกตารางนิ้วมันเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ทำอะไรที่ไหนกับใครก็ได้ไม่เกี่ยวกับเธอ อีกอย่างอพิญญาเขาก็เป็นเมียฉันคนหนึ่ง เป็นมาก่อนเธอด้วยซ้ำ เขายังใจกว้างดูแลเธอได้เลย เธอก็หัดเอาอย่างเขาบ้างสิ ผัวเมียนอนเตียงเดียวกันมันโรคจิตตรงไหนในเมื่อเธอสองคนก็เป็นเมียฉันทั้งคู่นอนเตียงเดียวกันก็ไม่เห็นจะแปลกนี่” ชายหนุ่มแสยะยิ้มมุมปากให้

ณัฏฐนิชกัดปากตัวเองจนรู้สึกได้ถึงรสปะแล่มๆ ที่ปลายลิ้นไปแตะสัมผัสของเหลวๆ ที่ไหลซิบออกมาจากริมฝีปาก “ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณสองคนตามสบายเถอะค่ะ ฉันไปเองก็ได้ ขอโทษนะคะที่ฉันหน้าด้านทำอย่างที่ผู้หญิงของคุณทำไม่ได้” หญิงสาวลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงเดินตรงไปยังประตูห้องทันที อคิราห์รีบปล่อยอพิญญาที่กำลังแค้นใจในคำด่าออกจากอ้อมอกแล้วรีบจ้ำอ้าวตามไปติดๆ

“ฉันไม่ให้ไป...และเธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งฉัน” แขนเรียวถูกคว้าจับไว้แน่นโดยคนตัวใหญ่ ณัฏฐนิชเซหันหน้ามาเผชิญกับปีศาจร้ายตามแรงกระชาก แจกันใบใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะตรงประตูถูกคนตัวเล็กคว้าและเขวี้ยงใส่ด้วยความโกรธสุดขีด แต่อคิราห์ไวกว่า เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด

“โอ๊ย...กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องทำให้สองคนที่กำลังจะห้ำหั่นหันไปมอง ก็พบว่าแจกันเมื่อครู่ที่ชายหนุ่มหลบทันกลับไปโดนอพิญญาเข้าอย่างจัง หญิงสาวทรุดลงไปนั่งกับพื้นมือสองข้างกุมหัวเอาไว้ โชคดีที่เป็นแค่แจกันพลาสติกไม่อย่างนั้นคงได้แผลใหญ่แน่ ตามตัวหญิงสาวจึงมีเพียงน้ำจากแจกันและเศษใบไม้ดอกไม้ละเลงเต็มไปหมด

“คุณอคิราห์ต้องจัดการให้ส้มนะคะ ดูสิเละไปหมดเลยเจ็บด้วยนะคะ” อพิญญาโอดครวญพร้อมใช้สองมือลูบที่ศีรษะตรงที่แจกันโดน แม้มันจะเป็นพลาสติกแต่ขนาดก็ใหญ่ใช้ได้ โดนจังๆ อย่างนั้นเล่นเอาหัวโนไปเหมือนกัน                                                                                              “ออกไป...” ชายหนุ่มเหลือบมองพนักงานสาวที่เปียกปอนเต็มไปด้วยเศษใบไม้ใบหญ้าแล้วออกคำสั่ง

“ค่ะ...ฮึกๆๆ” อพิญญาลุกยืนกระชับคอเสื้อที่ถูกดึงกระดุมหลุดหายจากบทรักเบาๆ เมื่อครู่ เดินผ่านคนทั้งสองออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมใช้สายตาจิกมองอย่างเอาเรื่องกับหญิงสาวอีกคน เมื่อพนักงานสาวจากไปแล้วอคิราห์ก็กระชากร่างบางของณัฏฐนิชไปที่เตียงแล้วเหวี่ยงเต็มแรงทันที       “เธอทำให้ฉันอารมณ์ค้าง...เธอต้องรับผิดชอบณัฏฐนิช” ชายหนุ่มมองหญิงสาวบนเตียงกว้างด้วยสายตาแข็งกร้าวมือหนาค่อยๆ ปลดกระดุมกางเกงแล้วถอดช้าๆ แสยะยิ้มด้วยความสะใจที่เห็นความตื่นกลัวของหญิงสาว

“คุณจะทำบ้าอะไร ก็ไปทำกับคนที่เขาต้องการคุณสิ คนคนนั้นคงไม่ใช่ฉัน คุณเองก็เกลียดฉันไม่ใช่เหรอ” ณัฏฐนิชรู้ตัวดีว่าเธอกำลังจะเจอกับอะไรสองมือพยายามกระเถิบหนี

“ฮึ...คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องมีความรักน้ำเน่าก็สามารถนอนกับผู้หญิงได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ขายตัวเองโดยใช้งานแต่งงานบังหน้าอย่างเธอ คิดไปคิดมาตลอดสามเดือนมานี่ฉันเสียเวลาบนเตียงกับเธอไปเยอะแล้ว ไม่คุ้มกันเลยกับเงินตั้งสิบล้านที่ซื้อมา ทำงานให้เหมาะสมกับราคาหน่อยสิ...ณัฏฐนิช หึ หึ หึ ส่วนเธอฉันน่ะมีวิธีทำให้เธอต้องการฉันจนแทบคลั่ง แล้วอย่าร้องขอให้รีบเข้าไปอยู่ข้างในเร็วๆ ล่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป