บทที่ 2 จุดเริ่มต้น (100%)
“ลองไปทำงานที่บริษัทผมดูไหม เผื่อมันจะเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับคุณบ้าง” คนไม่อยากจากสาวที่ตัวเองแอบปลื้มชักชวนด้วยท่าทางกระตือรือร้น เพียงหวังว่าข้อเสนอของตน จะสามารถเหนี่ยวรั้งสาวเอเชียร่างเล็กแต่ใจใหญ่ให้อยู่ทำงานที่อเมริกาต่อไปอีก
“โอ๊ย…อย่าเลยค่ะ ฉันไม่อยากทำให้งานคุณเสียหาย ยัยจอมคนนี้ยิ่งมือบอนอยู่ด้วยสิ” จอมใจเข้าใจในคำพูดของอีกฝ่ายในทันที ว่าเขาอยากจะให้เธอเปลี่ยนใจอยู่ที่นี่ต่อไป จึงตอบกลับอย่างติดตลก เพื่อดับความตึงเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นลูกย่อมๆ
“เฮ้อ…งั้นเราก็คงต้องไกลกันจริงๆ แล้วสินะ” ระบายลมหายใจออกมาแรงๆ โดมินิกรู้ดีว่าหากจอมใจได้ลั่นวาจาหรือตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ แน่ ฉะนั้นสิ่งที่เขาพอทำได้ในตอนนี้คือยอมรับในการตัดสินใจของเธอ ปล่อยเธอไปก่อน แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปอย่างเด็ดขาด
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ” จอมใจพูดโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา แสร้งทำทีเป็นสนใจอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า จนเขาอดที่จะน้อยใจไม่ได้ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเลยสักครั้งที่หญิงสาวจะแสดงให้เขารู้ว่า เธอยอมแง้มหัวใจดวงแกร่งเปิดรับเขาบ้างแล้ว
“ผมจะพยายามหาเวลาไปหาคุณบ่อยๆ แล้วกันนะ” น้ำเสียงของมหาเศรษฐีหนุ่มฟังดูจริงจังและจริงใจ โดมินิกรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยที่จอมใจจะย้ายไปทำงานที่อิตาลี อยู่ไกลหูไกลตาเขากลัวเหลือเกินว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาฉกตัวเธอไปซะก่อน
“ไม่ต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างฉันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หากคิดถึงแค่โทรไปก็พอ” จอมใจไม่ได้ตัดรอนเลยซะทีเดียว แต่ก็พยายามตอกย้ำสถานะของทั้งสองให้อีกฝ่ายได้พึงระลึก เขาจะได้ไม่ต้องปักใจกับเธอมาก การรักษาระยะห่างเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
“จอม ผม…”
ตี๊ด…ตี๊ด…ตี๊ด
ทั้งสองยังไม่ได้พูดอะไรกันมากไปกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ของโดมินิกก็กรีดร้องขึ้นมารบกวนซะก่อน ทำให้วาจาที่ชายหนุ่มตั้งใจจะพรั่งพรูออกมาให้เธอได้รับรู้จากใจถูกพับเก็บไว้
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะอาหารขึ้นมาดู เพียงเห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์หราอยู่ที่หน้าจอมือถือราคาแพง โดมินิกก็ต้องระบายลมหายใจออกมายืดยาว ทำเป็นเพิกเฉยปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นอีกซักพัก ก่อนจะทำใจได้ถึงกดรับสายของมารดา
“ฮัลโหล หวัดดีครับมัม โทรหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” เพลย์บอยหนุ่มรับสายเสียงเนือยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายโทรมาด้วยเรื่องใด
“พ่อตัวดี ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แม่ขอสั่งให้แกกลับบ้านก่อนที่คู่หมั้นแกจะมาถึง” เสียงสั่งการโดยผู้กุมอำนาจสูงสุดของบ้านลิเบอรีดังมาตามสาย โดมินิกเผลอยกมือขึ้นกุมขมับ ความเจ้ากี้เจ้าการของมารดาทำให้เขาอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
“แต่ผมติดธุระอยู่นะครับมัม” ทำเสียงกระซิบกระซาบกรอกลงไปในสาย โกหกมารดาคำโต เพราะถ้าหากเขาบอกความจริงมีหวังโดนคุณนายซาร่าบ่นจนหูชาแน่ พักหลังมานี้มารดายิ่งคอยเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัว จนเขาแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้
“โยนมันทิ้งไปก่อนไอ้ธุระอะไรของแก แล้วก็รีบกลับมาต้อนรับหนูคาร่าเดี๋ยวนี้” สั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นคุณนายใหญ่แห่งตระกูลลิเบอรีก็ตัดสายไป
“บ้าเอ๊ย…มันจะอะไรกันนักหนาวะกับผู้หญิงคนนี้” โดมินิกหลุดสบถออกมาอย่างไม่อาจยั้งใจ คิดถึงคู่หมั้นสาวทีไรมันพลอยทำให้เขาหงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่ร่ำไป ผู้หญิงอะไรขี้วีน ขี้เหวี่ยงและเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ เท่านั้นไม่พอ เธอยังอายุน้อยกว่าเขาเกือบเป็นรอบ ไม่รู้ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงได้จับคู่เขากับยัยเด็กนั่น
“มีอะไรหรือเปล่าคะดอม หน้าเครียดเชียว” จอมใจเห็นอีกฝ่ายเกิดอาการโมโหจนหน้าดำหน้าแดง จึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับจอม แม่ผมแค่โทรมาตามให้กลับบ้าน” ตอบแบบไม่ทุกข์ร้อนอะไร ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนมาฉาบด้วยรอยยิ้ม เขาไม่อยากจะทำตามบัญชาของมารดาในตอนนี้ ยังอยากจะอยู่กับผู้หญิงที่ตนแอบมีใจให้นานกว่านี้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองถึงจะได้พบหน้ากันอีก
“งั้นก็กลับเถอะค่ะ อย่าขัดใจท่านเลย ฉันอิ่มพอดี” จอมใจบอกชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม รวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“จอม…แล้วผมจะไปเยี่ยมจอมที่อิตาลีนะ” สายตาคมปลาบจ้องใบหน้างามไม่คลาดคลา เขาไม่ได้แค่พูดแต่เขาจะทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆ
โดมินิกเอื้อมไปฉวยมือบางของจอมใจมากระชับไว้ในอุ้งมือใหญ่ แล้วมองสบตาสื่อความหมายที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด เขาอยากจะขอคบกับเธออย่างจริงจังและเปิดเผย แต่ติดตรงที่ว่าตนยังสลัดคู่หมั้นที่ได้มาด้วยความไม่เต็มใจให้หลุดไปจากคอ จึงได้แต่แอบซ่อนความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ก่อน แต่อีกไม่นานหรอกเขาจะดำรงตำแหน่งคนโสด ไร้พันธะผูกพัน แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง โดมินิกจะยืดอกเดินเข้าไปจีบจอมใจได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ใช่ห่วงหน้าพะวงหลังอย่างเช่นในตอนนี้
“ค่ะ” จอมใจค่อยๆ ดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย พร้อมกันนั้นก็รับคำเบาๆ เพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ จึงเลือกที่จะถนอมน้ำใจในฐานะเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ด้วยคำพูดที่คนฟังใจชื้น
“เดินทางปลอดภัยนะครับ” เจ้าของร่างผึ่งผายลุกขึ้นเต็มความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร แล้วฉวยโอกาสกอดร่างบางไว้แนบอก สาวแสบได้แต่ยืนแข็งทื่อให้ชายหนุ่มโอบกอดจนพอใจ
จากนั้นทั้งสองก็โบกมืออำลา จอมใจรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเป็นกอง ได้แต่แอบหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าการตัดสินใจย้ายไปทำงานที่อิตาลีของตัวเองในครั้งนี้ จะทำให้โดมินิกตัดใจจากเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย เพราะสิ่งที่เธอจะให้กับเขาได้มีเพียงความรักและความห่วงใยในฐานะเพื่อน หาใช่คนรักไม่









































































































