บทที่ 2 ชนแก้ว
ผมย้อนกลับมายังผับที่เกิดเรื่องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อมาสืบอะไรทั้งสิ้นเพราะผมมาที่นี่เพื่อ
"เอ้า!! ชนแก้ว"
กริ๊ง!!
เสียงแก้วใสที่ภายในบรรจุน้ำสีอำพันกระทบกันกลางอากาศ
"โผมม่ายเข้าจายหมวดเลย ผ้าบมีต้างเยอะแยะ ทามมายต้องมากินที่นี่ด้วย อึก! เราถูกท่านผู้การสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้แล้วไม่ใช่เหรอค้าบ อึก!" จ่าวิทย์ที่ตอนนี้หน้าเริ่มขึ้นสีแดงหน่อยๆ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล พูดเสียงอู้อี้พร้อมกับใช้นิ้วที่ประคองแก้วเหล้าอยู่ชี้มาที่ผม
"ทำไมเหรอจ่า ถ้าผมไม่ได้ทำคดีนี้แล้วแต่จะมากินเหล้าแถวนี้ไม่ได้หรือไง?" ผมเอ่ยก่อนจะนั่งเอนหลังให้พิงไปกับโซฟาอย่างสบาย พร้อมกับยกแก้วในมือขึ้นมาจิบเหล้าลงคอเล็กน้อย
"กินด้ายสิครับ อึก! ถ้าหมวดม่ายมีอาไรแอบแฝงจริงๆ อึก!" จ่าวิทย์แหล่ตามองดูผมนิดนึง ก่อนจะยกแก้วในมือส่งเหล้าที่เพิ่งถูกชงมาลงคอแบบรวดเดียวหมดแก้ว
จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอกแต่ที่เลือกมาที่นี่ก็เพราะเห็นว่าวันนั้นมีคนมาเที่ยวเยอะเลยคิดว่าน่าสนใจดีเท่านั้นเอง หรือบางทีผมอาจจะโชคดีได้ข้อมูลอะไรดีๆ ติดไม้ติดมือกลับไปบ้างก็ได้ เพราะยังไงผมก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มสองคนนั่นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ผมทำอยู่อย่างแน่นอน
"หมวดค้าบ.. กามลางคิดอาไรอยู่ อึก! สารุปว่าพาผมมาเที่ยวเพื่อโปลดปล่อยจริงๆ ช่ายมั้ยค้าบ อึก!"
"จริงสิจ่า.. ทำไมถึงคิดว่าจะไม่จริงล่ะ ฮ่าๆๆ" ผมพูดแล้วก็หัวเราะแก้เก้อ เพราะบังเอิญเมื่อครู่ผมเผลอคิดเรื่องงานจริงๆ นั่นแหละ
"ก้อโคนอย่างหมวด.. เคยยอมถอดจายซะที่หน่ายล่ะ อึก! เห็นตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ แบบนี้ อึก! ผมยังนับถือจายของหมวดเลยนะ โผมเนี่ยดีจายนะ ที่ด้ายมาเปนลูกน้องของหมวด อึก! เหอะๆๆ แต่ตอนนี้โผมม่ายหวายแล้ว.. อึก! โผมต้องขอตัวกาบก่อนนะค้าบ อึก! ขืนมาวกว่านี้ต้องโดนอีแก่ที่บ้านตีหัวแน่ๆ เลย อึก!"
"แล้วจ่าเมาแบบนี้จะกลับบ้านยังไงเนี่ย ให้ผมไปส่งเอาหรือเปล่า?" ผมถามเพราะความเป็นห่วง แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ่าวิทย์เมาแบบนี้ซักหน่อย
"ม่ายต้องงงง!! เดี๋ยวโผมเรียกแท็กซี่กาบเองด้ายค้าบ อึก!" จ่าวิทย์โบกมือปฏิเสธ
"งั้นเดี๋ยวผมไปส่งจ่าขึ้นแท็กซี่ที่หน้าผับก็แล้วกัน" พูดจบผมก็เดินหิ้วปีกจ่าวิทย์ออกไปเรียกรถแท็กซี่ แต่กว่าจะไปถึงหน้าประตูที่อยู่ห่างประมาณยี่สิบเมตรนี่สิ โคตรยาก.. เพราะจ่าวิทย์แกเล่นเดินหน้าหนึ่งก้าวถอยหลังอีกสามก้าว จนผมต้องใช้เวลานานเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะกลับมานั่งกินต่ออย่างสบายใจ
ไหนๆ ก็ได้หยุดยาวมันทั้งที จะให้ผมรีบกลับไปไหนละ
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะยกเหล้าที่ค้างแก้วไว้อยู่มาดื่มจนหมดเพราะจะทิ้งก็เสียดายของ ก็แน่ละผมไม่ใช่ลูกเศรษฐีมึงเงินถุงเงินถังนี่หน่า ถึงลุงผมจะเป็นนายตำรวจที่มียศใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องรวยด้วยซักหน่อย เพราะเงินลุงก็ส่วนเงินลุง เงินผมก็ส่วนเงินผมไม่เกี่ยวกัน ว่าแต่ผมจะมานั่งบ่นให้ฟังทำไมก็ไม่รู้
เฮ้อ~
ผมก้มมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
เชี่ย!! จะเที่ยงคืนแล้วงั้นเหรอ
ตอนนี้เหมือนตัวผมรู้สึกร้อนวูบวาบแบบแปลกยังไงก็ไม่รู้ จะว่าเมาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเมื่อกี้ก็ยังเดินตรงๆ ไปส่งจ่าวิทย์ได้เลย สงสัยจะต้องรีบกลับไปนอนเอาแรงซะละ
ผมยกมือให้สัญญาณกับคนที่ดูแลให้เก็บเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนที่คนดูแลจะหายไปซักพักและกลับมาพร้อมกับแจ้งว่ามีคนจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มของผมแล้ว
"อะไรนะน้อง!! มีคนจ่ายค่าอาหารกับเครื่องดื่มให้พี่ไปแล้วงั้นเหรอ?" ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะผมไม่ได้รู้จักใครที่นี่ และคนที่นี่ก็ไม่น่าจะรู้จักผมด้วยเหมือนกัน
"ค่ะ"
"ใครอ่ะ! แล้วทำไมจะต้องมาจ่ายให้พี่ด้วย?" ผมยังข้องใจอยู่ดี เพราะนี่เท่ากับเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ และผมไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณของใคร
"เออ.. หนู.. หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ" แบบนี้มีพิรุธชัวร์ จมูกตำรวจอย่างผมมีเหรอจะดูไม่ออก
"เฮ้ย!! เดี๋ยวดิน้อง.. อืมมม" ไวจริงๆ เลย เผลอแป๊บเดี๋ยวน้องคนนั้นก็หายไปในกลุ่มนักเต้นซะละ นี่ถ้าผมไม่ติดอาการหนาวๆ ร้อนๆ แปลกๆ ป่านนี้ผมคงตามน้องคนนั้นมาเค้นถามเอาความจริงแล้วล่ะ
ผมพยายามเดินเบียดเสียดคนที่กำลังเต้นรำอย่างมีความสุขด้วยความลำบากแม้ว่าตอนนี้ใกล้เวลาที่ผับจะต้องปิดแล้วก็เหอะ แต่ดูเหมือนคนที่เข้ามาเที่ยวก็ยังจะมีมาเรื่อยๆ สงสัยว่าที่นี่จะต้องแอบเปิดเกินเวลาแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้มีเวลาที่จะสนใจอะไรมากนัก เพราะอาการร้อนรุ่มในตัวมันเริ่มมากขึ้นทุกที
ผมขบกัดฟันแน่นขึ้น ก่อนที่ขนทั้งตัวจะลุกขึ้นพร้อมกัน ไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนี้ผมร้อนข้างในตัวไปหมดแถมอาการปวดหนึบของน้องชายตัวเองก็เริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องบดเบียดขาตัวเองไปมาและกว่าจะเดินมาถึงรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านในสุดของลานจอดรถที่แทบจะมืดสนิท
มือที่สั่นระริกพยายามล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์อย่างยากลำบาก และเพราะมือที่สั่นแบบนั้นเลยทำให้ผมไม่สามารถจับกุญแจได้ถนัดนัก ก่อนที่จะทำมันหล่นลงไปกับพื้น
กริ๊ก!!
ผมก้มลงเก็บกุญแจแต่ก็ยังช้ากว่ามือของใครบางคนที่คว้ามันไปถือเอาไว้ก่อน ผมมองตามมือที่ถือกุญแจอยู่นั้นซึ่งภาพที่เห็นก็ทำให้ตาของผมเบิกกว้างขึ้นทันที เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งกำลังยืนพิงรถของผมอยู่ พร้อมกับโยนกุญแจรถขึ้นลงก่อนจะพูดว่า
"จะรีบไปไหนล่ะ ดูท่าทางมึงเหมือนจะไม่สบายนะ"
"ให้พวกกูไปส่งมั้ย? พอดีพวกกูว่าง" เด็กหนุ่มผิวสีเข้มอีกคนที่เดินอ้อมมาทางข้างหลังของผมก็พูดขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่ไหล่ของผมจนผมต้องรีบสะบัดมือมันออกไป
"นี่พวกนาย!! พวกนายต้องการอะไร" ผมพูดติดขัดเพราะปากเริ่มจะควบคุมไม่ได้ และผมจำได้แล้วว่าสองคนนี้เป็นคนที่ผมเพิ่งจับเข้าคุกไปเมื่อคืนข้อหาพนันบอลนั่นเอง
"หึหึ พวกกูต่างหากที่สมควรจะต้องถามมึงว่า มึงต้องการอะไร" พูดจบไอ้คนผิวขาวก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น ซึ่งคราวนี้ผมสะบัดเท่าไหร่มันก็ไม่หลุดแถมมันยังเพิ่มแรงกำมือผมแน่นมากขึ้น
"พะ.. พวกนายหมายความว่ายังไง?" ผมยิ่งถามพวกนั้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีแต่รอยยิ้มที่ผมเดาออกได้ว่ามันไม่เป็นมิตรฉายออกมา บวกกับคำพูดของพวกมัน บางทีเหล้าแก้วสุดท้ายที่ผมดื่มเข้าไปหลังจากที่ไปส่งจ่าวิทย์กลับมา
นั่นแหละ ที่มันอาจจะเป็นปัญหา
