บทที่ 3 ตอนที่ 1
แอ๊ดดดด
เสียงเปิดประตูทำคนที่นอนอยู่บนเตียงไม้สักค่อยๆลืมตาฟื้นตัวมองรอบห้องเสาเตียงมีมุ้งห้อยระย้าบางๆก่อนเลื่อนสายตามองไปยังขวามือที่มีแสงลอดมาจากหน้าต่างก่อนยกมือจับหัวไหล่ด้วยความปวดเนื้อปวดตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆมองผ้าแพรที่ห่มกายก่อนเปิดออกนิ่งชะงัก
“ถ่ายละครหรอ” ข้าวนั่งมองโจงกระเบนที่ตนสวมอยู่ก่อนยกมือจับผ้าที่พันรัดอกแล้วเลื่อนมือจับผมสีแดงสดปล่อยยาวแบะปากเป่าหน้าม้าตนเองอย่างเหนื่อยหน่ายลุกขึ้นบิดตัว
“เอ็งเข้าไปดูแม่หญิงสิ” เสียงแหลมดังลอดเข้ามาในหูทำให้ข้าวหมุนรอบตัวก่อนมองไปทางประตูที่เปิดอ้าอยู่
“เอ็งก็เข้าไปสิ” เสียงที่สองกระซิบกระซาบกลับ ข้าวเอียหูฟังเลิกคิ้วเท้าเอวยืนอยู่หน้าประตู
“เอ็งทั้งคู่นั่นแหละเข้าไป!”
ปึก !
สิ้นเสียงที่สามเจ้าของเสียงสองเสียงแรกถลาเข้ามาแทบเท้าข้าวที่เลิกคิ้วก้มมองชุดของคนที่กระเด็นเข้ามาด้วยแรงผลักของหญิงสาวในชุดบ่าวรับใช้จูงกระเบนสีซีดผมทรงดอกกระทุ่ม
“ว้ายย แม่หญิงฟื้นแล้ว ไปตามแม่นายเร็วเข้า” เจ้าของเสียงแหลมจับข้อเท้าเงยหน้ามองสบตาข้าวก่อนถลาออกไปเกาะประตูอย่างหวั่นเกรงสั่งคนที่เป็นผู้ส่งตนเข้ามาให้รีบทำตาม ข้าวมองท่าทีของหญิงสาวสองคนที่มีใบหน้าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ผิวพรรณก็ไม่ได้ผุดผ่องกลับคล้ำหมองด้วยซ้ำ ข้าวยกแขนมองผิวกายตนเองกระทบกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาออร่าผุดผ่องขาวใสยังคงเหมือนเดิมทำให้เธอโล่งใจก้าวขาเดินไม่สนใจหญิงสองคนที่นั่งเกาะขอบประตูมองตาม
“แม่หญิงจะไปไหนหรือเจ้าคะ” เสียงประสานสองเสียงดังตามหลังก่อนข้าวจะหยุดหันหลังกลับมองเขม็งคนสองคนที่ทรุดตัวลงนั่งอย่างตกใจก้มหน้าหมอบ
“นี่รายการอะไร ช่องไหนเนี้ย คิดจะเล่นตลกกับผู้จัดการนางแบบชื่อดังอย่างฉันนะหรอ ไม่ง่ายหรอกนะ รู้จักไต้ฝุ่นไหมถ้าไม่อยากให้ไต้ฝุ่นเข้าอย่ามาแกล้งอำฉัน ลอดช่อง!” ข้าวสบถจิกคำลงท้ายอย่างหัวเสียแล้วหมุนตัวกลับเดินต่อมองเรือนไม้ทรงไทยอย่างคุ้นตาด้วยความแปลกใจมองหากองถ่ายเพื่อจับผิดแต่กลับเห็นเพียงคนที่แต่งตัวเหมือนบ่าวไพร่คล้ายกันหมดปัดกวาดถูเรือนราวกับทำเป็นกิจวัตร
“เออทีมงานที่นี่ขยันดีเนอะ ไม้ถูไม่มีหรือไง ปานไหนจะเสร็จใช้มือถู คลาสสิคชะมัด” ข้าวส่ายหน้าไปมามองคนที่กำลังถูพื้นหลีกทางให้เธอทันทีเมื่อเห็นเธอก้าวเข้ามา ทุกคนหลบสายตาไปคนละทิศละทาง
“แม่หญิงจะไปไหนเจ้าคะ ออกไปตอนนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงสองเสียงดังสลับต่อบทกันจนข้าวต้องหยุดชะงักอยู่หน้าประตูใหญ่
“อีรำพันมันไปตามแม่นายถึงไหนกัน เอ็งไปดูสิรำเพย”
“แล้วทำไมเอ็งไม่ไปเองเล่า”
“เอ็งเป็นน้องเล็กสุด ข้าสั่งเอ็งก็ต้องไปสิ” เจ้าของเสียงแหลมดุพร้อมยกมือง้างตั้งท่าฟาดลงหลังคนที่ต่อล้อต่อเถียง
“ไปก็ได้ เอ็งดูแม่หญิงอย่าให้ลงเรือนแล้วกัน” ว่าจบรีบวิ่งย้อนไปทันที ข้าวมองตามอย่างเบื่อหน่ายก่อนยื่นมือเปิดประตูทันที
“แม่หญิงอย่าเจ้าค่ะ!” เสียงห้ามไม่สามารถรั้งไว้ได้ทัน รอยยิ้มแสยะยกมุมปากก้าวขาลงบันไดยังไม่ทันจะก้าวขาข้ามตามขาที่นำต้องหยุดกึกมองสบตาคนที่ยืนหันหลังท่าทางสง่าผ่าเผยด้วยชุดไทยสีเข้มค่อยๆหมุนตัวกลับหลังมองสบตาหญิงสาวที่เปิดประตูออกอย่างแรง
ผี ผีหลอก !!
เสียงแตกตื่นจากการชุมนุมเบื้องล่างทำให้ข้าวต้องมองลอดผ่านศีรษะชายตรงหน้าเห็นคนแต่งตัวแปลกตาในยุคเก่าวิ่งโหวกเหวกร้องลั่นต่อๆกันกระจัดกระจายคนละทิศละทาง
“เฮ้อ…” เสียงผ่อนลมหายใจจากชายสูงล่ำสง่าตรงหน้า ผิวกายขาวสะอาดยืนย้อนแสง จมูกคมสันเชิดคางขึ้นเข้ากับคิ้วคมเข้มดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องมองข้าวที่กะพริบตาถี่หลีกทางให้ชายตรงหน้า
“ว๊ายย ท่านขุน” เสียงตกใจจากหญิงที่ตามข้าวมารีบหมอบตัวงอเช่นเดียวกับคนอื่นๆบนเรือน ข้าวเหล่มองกิริยาท่าทางของทุกคนก่อนพยักหน้าเข้าใจ
“พระเอกสินะ อืม หน้าตาดี อนาคตรุ่งแน่ เข้าไปสิเดี๋ยวซ้อมคิวไม่ทันนะ แสดงว่าในบทพระเอกตายเป็นผี ที่วิ่งนั่นคือชาวบ้าน เปะ! พล็อตง่ายๆเดาไม่ยาก อีซี่เลย” ข้าวผายมือเชิญชายดังกล่าวที่ยืนคาบันไดขนาดยืนอยู่ขั้นบันไดล่างยังดูสูงกว่าตัวเธอ
“เป็นเช่นไรบ้าง เห็นแม่สร้อยทองบอกว่าเจ้าตกน้ำระหว่างล่องเรือเดินทางมา” มือใหญ่เรียวยาวหนานุ่มยื่นสัมผัสหน้าผากของข้าวที่เงยหน้ามองความสูงของชายหนุ่มที่ก้าวขึ้นมาเทียบเท่าตนเอง
“สรุปไอ้ขันพาขึ้นเรือจริงหรอ ไม่ใช่ๆ นี่กองถ่ายละครย้อนยุค จะอินตามแล้วนะเนี้ย กลับบ้านดีกว่า” ข้าวปัดมือชายหนุ่มออกเบี่ยงตัวเดินลงบันไดก่อนถูกคว้าข้อมือรั้งไว้ ข้าวเอียงหน้ามองชายหนุ่มพลางขมวดคิ้วเลื่อนสายตามองมือที่ปล่อยออกช้าๆ ดวงตาสองคู่สบกันราวกับมีเพียงทั้งสองที่อยู่ ณ ตรงนั้น จนมีหญิงสาวเดินออกมาจากในเรือนด้านหลังเดินเข้ามายกมือพนมไหว้ชายหนุ่มระดับอกที่ยืนอยู่หน้าประตูกับข้าวที่ชะงักค้างเหลียวมองช้าๆก่อนเบิกตาโตเซชิดติดขอบประตูอย่างตกใจ
