บทที่ 4 ตอนที่ 2

“ขุนภาพย์มาแล้วหรือ”

“หากมาช้ากว่านี้ น้องของแม่สร้อยทองได้ลงเรือนไปแล้ว” ชายหนุ่มยกมือพนมไหว้รับไหว้ระดับอกหันมองข้าวที่หลังติดขอบประตูมองตาปริบๆ

“ต้องขอบน้ำใจขุนภาพย์มากเสียจริง รำเพย รำไพ รำพัน” สร้อยทอง หญิงสาวผิวผุดผ่องเจ้าคนนายคนปล่อยผมยาวดำขลับนุ่งผ้าซิ่นคู่กับผ้าแพรสีสดใสรัดช่วงอกฉีกยิ้มส่งให้ชายหนุ่มก่อนเรียกหญิงรับใช้สามคนที่นั่งหมอบก้มหน้าอยู่ด้านหลังค่อยๆเดินออกมาอย่างสงบเสงี่ยม

“เจ้าค่ะแม่นาย” เสียงประสานตอบรับทันที

“พาแม่จันทร์หอมไปพักเสีย” เสียงหวานหูของสร้อยทองออกปากสั่งพร้อมมองหน้าข้าวที่กระพริบถี่อย่างสับสน

“เจ้าค่ะแม่นาย” ตอบรับเสร็จรีบอ้อมโค้งตัวอย่างอ่อนน้อมผ่านชายหนุ่มเข้ามาหาข้าวที่ยกมือชี้หน้าถลึงตาโตดุจนหญิงสาวสามคนทรุดตัวอย่างหวั่นเกรง

“ไม่เล่นนะ ฉันจะกลับบ้าน จะถ่ายหนังถ่ายละครอะไรฉันไม่เล่นด้วยหรอก”

“พูดอันใดของเจ้า จันทร์หอม ข้าสั่งคนไปตามหมอยามาแล้ว ไปพักเสียเถิด” สร้อยทองมองสบตาข้าวที่มองตาปริบๆอย่างแปลกใจปนอึ้ง

“แม่หญิงเจ้าคะ เชื่อแม่นายเถิดนะเจ้าคะ” รำเพยคุกเข่ายื่นมือจับขาข้าวที่ก้มมองท่าทีหญิงดังกล่าวก่อนยกมือนวดขมับ

“อะไรเนี้ย ปวดหัวไปหมดแล้ว”

“เจ้าต้องพักแม่จันทร์หอม หากเจ้าเดินไม่ไหวให้พี่อุ้มไปส่งดีหรือไม่” เสียงเคร่งขรึมเอ่ยถามข้าวพร้อมมองดูอาการเธอที่จิกตาส่งกลับเชิดหน้าเดินย้อนกลับไปเองอย่างมึนงง สร้อยทองมองตามหลังรำไพ รำเพย รำพันที่เดินก้มหน้าตามหลังผู้ที่ตนเรียกว่าน้องสาวไปที่ห้องก่อนหันมาผายมือเชิญภาพย์หรือขุนภาพย์ยศรองอำมาตย์โทข้าราชการระดับสามและสี่บุตรชายเจ้าพระยามหาเสนา สมุหพระกลาโหม

ข้าวนั่งลงบนเตียงไม้สักที่เดิมมองหญิงสามคนที่นั่งพับเพียบก้มหมอบอยู่แทบเท้าจนต้องยกขาขึ้นมากอดเข่าไว้เลิกคิ้วมองบรรยากาศแปลกๆที่ชวนขนลุก

“เหมือนบรรยากาศไม่ค่อยจะดี หรือฝัน ลองนอนดีกว่า” ข้าวโน้มตัวลงนอนทันทีก่อนเหล่มองหญิงสามคนผงกหัวขึ้นมองหน้ากันพลางกระทุ้งศอกส่งซิกให้กันและกันอย่างเกี่ยงหน้าที่ทำข้าวเพลียใจพลิกตัวหันหน้าไปอีกทางหลับตาลง

“เอ็งห่มผ้าให้แม่หญิงสิ รำเพย” รำไพกระซิบพร้อมมองจิกหญิงทางฝั่งซ้ายมือ

“เอ็งก็ห่มสิ อยู่ใกล้แม่หญิงแท้ๆ” รำเพยเถียงกลับทันควัน ข้าวลืมตายกมือหนุนหัวกัดฟันก่อนข่มตาหลับอีกครั้ง

“เอ็งสองคนนั่นแหละไปห่ม” รำพันยืดอกเท้าเอวชี้หน้าสั่งสองคนที่ถกเถียงกันอยู่

“เอ็งสองคนอยู่ใกล้กว่าไม่ห่มเล่า ข้าไม่อยากโดนถีบออกมา” รำเพยค้านขึ้นพร้อมยกสาเหตุมองจ้องหญิงสองคนที่กัดฟันง้างมือขึ้นพร้อมกันขู่ใส่รำเพยที่หดหัวลงหน้าบึ้ง

“ก่อนเจอแม่หญิงถีบ เจอข้าฟาดเสียก่อนประไร” รำไพถลึงตาดุขู่อีกรอบจนข้าวไม่เป็นอันนอนเด้งตัวลุกขึ้นหันขวับจ้องเขม็งหญิงสามคนที่สะดุ้งโหยงรับก้มหน้างุดหมอบด้วยความไว

“จะเถียงกันอีกนานไหม ฉันจะนอนฉันต้องการตื่น สมองฉันจะไม่ไหวคำนวณเรื่องราวบ้าบออะไรนี่แล้วนะ ออกไปเลยไปน่ารำคาญแม้กระทั่งในฝัน” ข้าวยกมือจับหน้าผากสบถลั่นห้องจนเสียงลอดออกมาจากหน้าต่างพาคนทั้งเรือนสะดุ้งไปตามๆกัน สร้อยทองที่นั่งอยู่กับภาพย์เลื่อนสายตามองไปยังห้องที่ปิดประตูสนิทก่อนหันกลับมามองหน้ากัน

“เหมือนว่าข้าทาสบริการของแม่สร้อยทองจะคุมไม่อยู่เสียแล้ว ข้าคงต้องขอตัวลาเสียก่อนแล้วจะมาเยี่ยมใหม่ หรือหากมีเหตุอันใดเกี่ยวกับแม่จันทร์หอมให้คนไปตามข้าได้ทุกเมื่อ” ภาพย์ยิ้มกริ่มมองหน้าสร้อยทองที่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนลุกขึ้นพร้อมกันเดินไปหน้าประตู “ส่งข้าแค่นี้เป็นพอ”

“เยี่ยงนั้นข้าไหว้” สร้อยทองพนมมือระดับอกก้มศีรษะลงไหว้เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ยกมือไหว้ระดับอกก่อนมองลอดไปทางเสียงที่เงียบไปแล้วหันหลังกลับเดินลงบันไดทันที สร้อยทองมองตามจนสับสายตาที่ท่าน้ำก่อนหมุนตัวเดินไปที่ห้องเสียงเอะอะโวยวาย

แอ๊ดดด

มือสองข้างผลักประตูออกแล้วก้าวเข้ามามองหน้าคนที่นั่งกุมขมับอยู่บนเตียงไม้สัก ข้าวเอียงหน้ามองคนที่เข้ามาด้วยความฉงน

“ออกไปก่อน” เสียงหวานหูสั่งหญิงสามคนที่รีบน้อมรับถอยออกไปพร้อมปิดประตูให้ เหลือเพียงสร้อยทองกับข้าวอยู่กันตามลำพัง สร้อยทองเดินเข้ามานั่งลงที่ขอบเตียงยื่นมือลูบผมสีแดงของข้าวด้วยรอยยิ้ม

“เกิดอะไรขึ้นกับผมของเจ้า” เสียงหวานหูเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยนจนข้าวขนลุกชันมองหน้าเธออย่างพูดไม่ออกได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ “จำข้าไม่ได้หรือจันทร์หอม มานอนตักนี่มา ข้าจะกล่อมเจ้าให้หลับสบายเอง เจ้ามักนอนไม่หลับตั้งแต่เด็ก”

“เอ่อ…” ข้าวอ้าปากค้างเกาหัวงงโน้มตัวลงนอนหนุนตักตามแรงที่จับให้มานอนหนุนพร้อมลูบศีรษะคนนอนช้าๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป