บทที่ 5 ตอนที่ 3

‘นกเขากาเหว่าลายเอย....     ไข่ให้...แม่กาฟัก

แม่กาก็หลงรัก เอย...    นึกว่าลูกในอุ...ทร....

คาบข้าวเอามาเผื่อเอย...  คาบเหยื่อมาป้อน

ปีกหางยังอ่อนเอย...  พึ่งจะสอนบิน...

เจ้าพาลูกเที่ยวหากิน เอย...  ที่ปากน้ำแม่คงคา...อืม....

ตีนหนึ่งก็เหยียบสาหร่ายเอย...   ปากก็ไซ้...เที่ยวหาปลา

กินกุ้งกินกั้งเอย...   กินหอยสะพั้งและแมงดา

กินแล้วก็โผมาเอย....    เกาะต้นหว้าโพธิ์ทอง...อืม…’

เสียงเอื้อนเอ่ยที่ฟังเสนาะหูแต่ทำคนนอนฟังขนลุกเกลียวหลับตาพริ้มอย่างคุ้นหูราวกับมักชิน สร้อยทองลูบผมกล่อมร่างเล็กที่นอนหนุนตักด้วยความผูกพัน

ฟ้ามืดพระจันทร์เรืองรองส่องกระทบน้ำที่เรือเทียบท่า ภาพย์ก้าวขาขึ้นจากเรือยืนอยู่บนท่าเงยหน้ามองดวงจันทร์ด้วยรอยยิ้มก่อนเหล่มองบ่าวติดตามที่ผูกเรืออมยิ้มบิดไปบิดมาแทนนาย ทำชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาพลางทำทีสุขุมก้าวขึ้นเรือนไม้ที่มีหญิงสาวนุ่งซิ่นสีสดกับผ้าพันช่วงอกคลุมด้วยผ้าบางฉีกยิ้มต้อนรับชายหนุ่ม

“คุณพี่” เสียงใสเอ่ยทักทายชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

“บอกแล้วไม่ใช่รึ เจ้าเป็นหญิงมาอยู่เรือนชายหากเรียกเช่นนี้จักเสียหาย เรียกขุนภาพย์เยี่ยงผู้อื่นเสียดีกว่า” ภาพย์ยิ้มบางๆเดินเข้ามาด้านในมองบ่าวติดตามถือของมาเก็บไว้ที่ชั้นวางของก่อนเดินออกไป

“เดี๋ยว…” เสียงเจ้านายสั่งจำต้องหยุดกึกทันที

“ขอรับทูนหัวของบ่าว” ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มยีฟันตอบรับถลาเข้ามาจับขาภาพย์

“ข้ายังไม่ได้สั่งให้ไป”

“ได้เลยขอรับทูนหัวของบ่าว” ตอบรับพร้อมทำตาปริบเหลือบมองหญิงที่ยืนมองอยู่

“เจ้ามีอะไรกับข้าหรือไม่แม่หญิงพุดซ้อน หากมีอันใดรีบกล่าวเถิดดึกกว่านี้น้ำค้างจะลงเอา” ภาพย์มองสบตาหญิงสาวที่กุมมือก้มมองบ่าวคนสนิทของชายตรงหน้าก่อนตัดพ้อตอบ

“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ คุณพี่ อืม ขุนภาพย์”

“อย่างนั้นรึ เยี่ยงนั้นข้าไปผลัดผ้าแล้วกัน” ภาพย์ตอบกลับก่อนหันมองบ่าวที่เกาะขาตน “ไปได้ไอ้แก้ว”

“ไม่ให้บ่าวไปส่งถึงหน้าห้องหรือขอรับทูนหัวของบ่าว”

“อืม ช้าอยู่ไยเล่า” ภาพย์พยักหน้ารับอย่างสุขุมเดินนำอ้อมไปที่ห้องทางฝั่งซ้ายมือของเรือน หญิงสาวมองตามคอตกหมุนตัวเดินกลับไปหลังเรือน

แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามากระทบม่านตาข้าวที่รีบเด้งตัวลุกขึ้นถีบผ้าแพรออกมองรอบอย่างหัวเสียกับการอยู่ที่เดิมก่อนโค้งตัวง้อกุมท้องบิดไปบิดมาประคองตัวลุกขึ้น

ผลัก!

ประตูเปิดออกพร้อมบ่าวสามคนเดินเข้ามาต้องชะงักรีบก้มตัวหมอบทันทีเมื่อเห็นข้าวยืนกุมท้องบิดไปบิดมาย่ำอยู่กับที่

“ตัวอันใดกัดหรือเจ้าคะ อีรำเพยจัดห้องอย่างไรให้มีแมลงเข้ามา ไปบดยาให้แม่หญิงเสียบัดนี้ สะเพร่านัก” รำไพหันมาจิกตารำเพยที่สะดุ้งเฮือกรีบคลานเข่าออกไปทำตามทันที

“ผลัดผ้าก่อนเถิดเจ้าค่ะแม่หญิง” รำพันยื่นมือจับขาข้าวที่ยังคงบิดไปบิดมาหน้าซีดกัดริมฝีปากสุดจะทน

“ไว้ค่อยผลัด ตอนนี้ฉันไม่ไหวจะทนแล้ว มันกำลังจะออกมา” ข้าวเม้มปากกำมือแน่น

“อะไรจะออกหรือเจ้าคะ” รำไพถามต่อพร้อมยันตัวนั่งหมอบมองตาปริบๆ

“อึ”

“อึคืออะไร เอ็งรู้หรือไม่” รำไพหันไปกระทุ้งศอกสะกิดรำพันที่เงยหน้ามองข้าวอย่างแปลกใจ

“เอ็งไม่รู้แล้วข้าจะรู้รึ คืออันใดเจ้าคะแม่หญิง” หันไปสวนกลับแล้วหันมาเงยหน้าถามคนที่ยืนบิดอยู่สายตาเริ่มเกรี้ยวกราดก้มลงมาจ้องหน้าขบฟัน

“ขี้ไง ถ้าบอกปวดท้องหนักสุภาพไปก็ไม่รู้เรื่องอีก ฉันปวดขี้มันจะราดอยู่แล้วมัวพูดกันอยู่ได้ห้องน้ำคงไม่มีอีกสิ อะไรก็ได้ตอนนี้” ข้าวกระทึบเท้าบิดตัวเป็นเกลียวจ้องเขม็งบ่าวสองคนที่เบิกตาโตมองหน้ากัน

“กระโถนอยู่ไหน ไปเอากระโถนมา” รำพันหมุนตัวมองหาสิ่งที่เอ่ย

“นั่นข้างเสาเอ็งเห็นหรือไม่ ข้าจะไปเอาไม้แกงก้น” รำไพรีบลุกขึ้นไปเปิดหีบหยิบไม้เหลาไร้เสี้ยนหลายอันพร้อมผ้าให้ผลัดเปลี่ยน ข้าวมองไม้ในมือรำไพก่อนมองกระโถนที่รำพันมาวางตั้งไว้ตรงหน้าแล้วจับมือเธอ

“เต็มที่เลยเจ้าค่ะ”

“เหอะ เหอะ ต้องมาอึในห้องเนี้ยนะ คลาสสิคชะมัดเลย นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี้ย!” ข้าวยกมือตบหน้าผากอย่างหัวเสียน้ำตาซึมมองสภาพตนเองที่ถูกรำไพกับรำพันช่วยถลกผ้าดูแลอย่างใกล้ชิดโดยไม่รังเกียรติแต่อย่างใด

รำไพจับแขนของหญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เตี้ยๆเหล่มองการขัดผิวด้วยมะขามเปียกจากบ่าวสองคนอยู่ที่ท่าน้ำหลังเรือนก่อนเหลือบมองบางอย่างในมือของรำพันที่จุ่มลงในกะลาแล้วยื่นให้ข้าวที่เลิกคิ้วรับมาถือดูอย่างพิจารณา

“เนี้ยนะหรอแปรงสีฟัน คลาสสิคสุดๆ อะไหนๆฝันเหมือนจริงขนาดนี้เอาสักหน่อยตามน้ำ นี่มันทำมาจากอะไร สีฟันไปจะสะอาดหรือไง” ข้าวดมบางอย่างที่รำพันจุ่มกิ่งลงไปคน

“กิ่งข่อยเจ้าค่ะจิ้มสะตุเกลือผสมสะตุสารส้ม แม่หญิงคงได้รับการกระทบกระเทือนหนัก ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลแม่หญิงตามที่แม่นายสั่งเองเจ้าค่ะ” รำพันตอบกลับอย่างฉะฉานตักน้ำที่โอ่งด้วยขันสัมฤทธิ์อาบให้ข้าวที่เลิกคิ้วมองโดยทั่วอย่างพยายามเล่นตามน้ำและปรับตัว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป