บทที่ 9 9

“แต่คนเจ้าชู้ถ้ารักใครก็รักจริงนะคะคุณมน”

“แต่เขาไม่มีวันรักฉันค่ะ” หญิงสาวตัดบทห้วนๆ นั่นสิ…คนอย่างเขมปัจน์น่ะหรือจะมารักผู้หญิงธรรมดาอย่างหล่อน แค่คิดก็ผิดแล้วล่ะ…

“เอ…ดูเหมือนคุณมนจะอารมณ์เสียนะคะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ฉันขอกลับก่อนนะคะ ว่าจะไปหางานใหม่ทำ ฝากหนูเมด้วยนะคะคุณชล”

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ขอให้ได้งานไวๆนะคะ” ชลสายยิ้มให้พร้อมอวยพร

“ขอบคุณค่ะ” มนสิชายิ้มตอบ ก่อนเดินออกจากห้องพักคนไข้ไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ภาพที่เขมปัจน์เดินคู่กับสาวไฮโซคนนั้นยังคงติดอยู่ในความคิดไม่ยอมเลือนหาย

จนกระทั่งเดินพ้นตัวตึกผู้ป่วย หล่อนก็ยืนริมถนนรอเรียกรถรับจ้างสักคันที่นานๆครั้งจะผ่านมาทางนี้เสียที แดดยามสายของวันนี้แผดกล้าจนหล่อนแสบผิวไปหมด ได้แต่หันซ้ายหันขวา แต่รถที่ผ่านไปมาก็ไม่ใช่รถรับจ้างที่หล่อนต้องการ

ช่วงที่เตรียมถอยไปหาร่มไม้เพื่อหลบแดดสักระยะ ก็พอดีมีรถยนต์คันหรูสีแดงเพลิงแล่นมาจอดเสียก่อน หล่อนเขม้นตามองก็เห็นว่าเป็นรถราคาแพงหลักล้าน ไม่ใช่รถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ที่หล่อนรอคอย

สักพักกระจกฝั่งคนขับก็เลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นหน้าคมเข้มของเจ้าของรถที่กำลังยิ้มเย้ยหล่อนอยู่

“ว่าไงคุณว่าที่เจ้าสาว มายืนอาบแดดอะไรตรงนี้ แค่นี้ยังดำไม่พออีกเหรอ”

ฟังเขาถามแล้ว หล่อนก็เดือดปุด หน้างอหงิก สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“แหม ฉันนึกว่าคุณชอบผู้หญิงผิวคล้ำซะอีก”

“ผมชอบผู้หญิงทุกแบบ ยกเว้นแบบคุณ” พูดพลางหรี่ตามองหล่อนอย่างประเมิน “ถามจริง มาทำตัวเป็นปลาเกลือแดดเดียวแถวนี้ ไม่มีงานการทำเหรอ”

“คุณล่ะคะ ไม่มีงานทำเหรอ ถึงขับรถร่อนไปร่อนมาแบบนี้ หรือว่าถือตัวเองรวยอยู่แล้วเลยไม่ต้องขยันก็มีกินเหลือปากเหลือใช้คะ ?” หล่อนถามพร้อมยิ้มหวาน…เป็นรอยยิ้มที่แสดงชัดว่าเชือดเฉือน จนชายหนุ่มหน้าบึ้ง ตอบห้วนๆ

“ผมมาทานข้าวกับแซนดี้ ขึ้นรถมาสิคุณมน เดี๋ยวผมจะแวะพาคุณไปส่งที่บ้านด้วย”

“เอ๊…ขาไปก็ไปกับแซนดี้สองคน ทำไมขากลับต้องพ่วงคนอื่นให้เกะกะรถด้วยล่ะคะคุณข้าว” เจ้าของเสียงแหลมซึ่งนั่งคู่คนขับออกกิริยาไม่พอใจอย่างเด่นชัด พลางเหลือบตามองมนสิชาอย่างดูถูก และนั่นก็ทำให้คนที่โดนมองหมิ่นถึงกับหงุดหงิด

“ใครกันแน่คะที่เป็นตัวเกะกะให้หนักรถน่ะ” มนสิชาโต้ไป เล่นเอาหญิงสาวที่นั่งทาแป้งตลับตาขุ่น ปากเม้มเป็นเส้นตรงอย่างฉุนเฉียว

“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ?”

“จะให้บอกจริงๆเหรอ” มนสิชาเลิกคิ้วอย่างยียวน จนชายหนุ่มต้องรีบปราม

“ขึ้นรถก่อนเถอะคุณมน คุยตรงนี้ไม่สะดวก”

มนสิชาชั่งใจพักใหญ่ กว่าจะยอมเปิดประตูทางตอนหลังแล้วก้าวเข้าไปนั่ง ซึ่งภาวิตาก็เอี้ยวหน้ามามอง ถามย้ำ

“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง พูดมาให้เคลียร์เลยนะ”

“อ้อ…อยากรู้งั้นเหรอคะ ?” มนสิชาไขว้ขา กอดอก จีบปากจีบคอพูดหน้าตาเฉย “ก็ฉันเป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณข้าวนี่คะ ผู้หญิงอื่นก็เป็นแค่ตัวเกะกะเท่านั้นแหละ ทีนี้เข้าใจชัดเจนหรือยังคะ ?”

“อะ…” ภาวิตาอ้าปากค้าง กระพริบตาถี่ ก่อนกรีดเสียงแหลม “ไม่จริง เธอโกหก คนมอซออย่างเธอนี่นะคุณข้าวจะคว้าไปเป็นแฟน หัดมโนอะไรที่สมจริงซะบ้างนะ ฉันเบื่อผู้หญิงเพ้อๆแบบเธอที่สุด สร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะ”

“ก็ไม่รู้สินะ” มนสิชายักไหล่ พลางจุดยิ้มที่มุมปาก “คุณข้าวอาจเบื่อผู้หญิงปากแดงๆกลิ่นน้ำหอมฉุนๆมั้งคะ เลยหันมาสนใจผู้หญิงบ้านๆปอนๆอย่างฉันแทน”

“กรี๊ด ! ไม่จริง นังหน้าด้าน” ภาวิตาโวยวายลั่น เล่นเอาคนที่ตั้งสมาธิขับรถอยู่ชักจะฉุน เลยหันมาพูดเสียงแข็งใส่

“ช่วยหยุดส่งเสียงดังสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมแซนดี้ ผมไม่อยากหูหนวกตั้งแต่ยังหนุ่มๆ”

“คุณข้าวก็บอกแซนดี้มาสิคะว่ามันไม่จริง”

ชายหนุ่มปรายตามองคนข้างกายแว่บหนึ่ง แล้วตอบเสียงเรียบ “จริง”

“อะ…” สาวผมแดงอ้าปากค้างเป็นครั้งที่สอง ก่อนหวีดเสียงแหลม “คุณพูดเล่นหรือเปล่าคะคุณข้าว ผู้หญิงสกปรก มอซอแบบนี้ไม่ใช่สเปคของคุณนี่คะ”

“แล้วไงล่ะ ?” เขมปัจน์ย้อนถามเสียงเรียบ “ต้องแบบคุณใช่ไหมถึงควรจะเป็นสเปคของผม อย่าลืมสิว่ารากเหง้าของคุณก็เคยเป็นลูกชาวนา ชื่อจริงๆคือบุญถม พอโตมาก็สลัดคราบกลิ่นโคลนสาบควายออก เปลี่ยนชื่อซะฝรั่งจ๋า เปลี่ยนสีผม เปลี่ยนทุกอย่าง ยกเว้นจิตใจคุณที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เคยทะเยอทะยานและดูถูกคนอื่นยังไงก็ยังเป็นยังงั้นเสมอ”

“อะ…” ภาวิตาอ้าปากหวอไม่ยอมหุบ “รู้อดีตของแซนดี้ได้ไงคะ”

“ก่อนจะควงใครออกงาน ผมสืบประวัติมาหมดแหละ”

“รู้แบบนี้แล้วทำไมยังคบหาแซนดี้อีกล่ะคะ”

“เพราะคุณเป็นคนทะเยอทะยานและชอบความฟุ้งเฟ้อไง ผมถึงคิดว่าจะไม่มีปัญหาตามมาหากควงคุณออกงาน ถึงบ้านคุณแล้วครับแซนดี้” ชายหนุ่มตัดบทเมื่อจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ ซึ่งสาวผมแดงก็ทำท่ากระฟัดกระเฟียด ก่อนปรายตามองคนที่นั่งเบาะหลัง

“คนอย่างเธอ สักวันจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า เพราะคนอย่างคุณข้าวรักใครไม่เป็นหรอกนะ ฉันขอเตือน” พูดจบก็ผลุน ผลันลงจากรถด้วยน้ำตานองหน้า เล่นเอามนสิชาถึงกับอึ้ง หล่อนนั่งหน้าชาพร้อมความคิดที่ลอยวนเวียนในสมอง

ใบหน้าของเขมปัจน์ดูเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักนิดที่ทำผู้หญิงคนหนึ่งต้องเสียน้ำตา เหมือนปิศาจรูปหล่อที่ไร้หัวใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป