บทที่ 5 5
ทันทีที่อะลีฟเห็นเจ้านายของตัวเองเดินหน้าขรึมๆ ลงมาจากคฤหาสน์หลังงามก็รีบเดินค้อมศีรษะเข้าไปหา
“กระหม่อมได้ข้อมูลของสตรีคนนั้นมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อะลีฟทหารองค์รักษ์คนสนิทบอกพร้อมกับยื่นข้อมูลที่ปรินต์เอาต์ออกมายื่นให้กับเจ้านายของตน
ฟาริสรับมาถือไว้ รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏที่มุมปาก แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาดิ้นทองเนื้อดี เขาเปิดดูรายละเอียดทุกหน้า ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็โยนเอกสารปึกนั้นลงบนโต๊ะพร้อมกับความรู้สึกโล่งอก
“เธอไม่ใช่นางนกต่อ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ถึงยังไงตอนนี้ก็ต้องเก็บตัวเธอไว้กับเราก่อน อีกอย่างเธอเป็นคนเห็นหน้าโจรชัดที่สุด ฉันจะให้เธอเป็นพยานชี้ตัวคนร้าย มันกล้าเอาของสำคัญของฉันไป ฉันไม่ไว้ชีวิตมันแน่”
เพราะในกล่องมรกตล้อมเพชรนั้นมีข้อมูลสำคัญบางอย่างซ่อนอยู่ ตอนที่มันถูกชิงเอาไป ฟาริสโกรธมาก พวกมันอาศัยช่วงที่เขาลงลิฟต์มากับอะลีฟสองคน พอออกมาจากลิฟต์มันก็ดับไฟทั้งตึก แล้วชิงกระเป๋าไปจากเขา พวกมันเป็นมืออาชีพไม่ใช่โจรกระจอกแน่ ถึงได้รอดพ้นจากสายตาผู้ติดตามของเขาที่กระจายตัวอยู่รอบๆ
“กระหม่อมให้คนของเราติดตามมันไปในทะเลทรายแล้ว เร็วๆ นี้ ต้องได้ข่าวแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งคนเพิ่มไปอีก ฉันต้องการจับพวกมันให้เร็วที่สุด” ฟาริสบอกเสียงเหี้ยมจัด ที่จริงเขาจะติดตามพวกโจรไปในทะเลทราย แต่ติดตรงที่ว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการความช่วยเหลือ คนกลุ่มนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์และเดินทางมาท่องเที่ยวตามนโยบายการเปิดประเทศของเขา หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปต้องไม่เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว
ดังนั้น เขาจึงต้องพาคนพวกนั้นไปส่งโรงพยาบาล และพาไปตามสถานกงสุล เพื่อติดต่อส่งกลับประเทศต้นทาง โดยที่เขาเป็นคนสั่งการกับหน่วยงานต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ครับ” อะลีฟรับคำ
“งั้นนายก็ไปพักผ่อนได้แล้วเหนื่อยมาทั้งวัน ฉันเองก็จะไปพักเหมือนกัน”
มุกระวีงัวเงียตื่นขึ้นมาในกลางดึกเพราะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมาพาดทับร่างกายทำให้นอนไม่สบาย พอจะพลิกตัวไปด้านหลังก็เหมือนมีหมอนข้างใบใหญ่มาดันไว้ แต่ว่าทำไมหมอนข้างถึงมีลมหายใจ แล้วลมอุ่นๆ ที่รดต้นคอก็ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่หมอนข้าง แต่เป็น
“ทะ ท่านชีค เฮ้ย! ท่านชีค” คนสวยสะดุ้งสุดตัว นี่มันชีคตัวเป็นๆ ไม่ใช่ท่านชีคในนิยาย
เขาเห็นสีหน้าเหวอของเธอแล้วนึกขำ แต่เก็บอาการไว้ “อืม นอนต่อเถอะ”
มุกระวีดีดตัวลุกพรวด ใครจะไปนอนหลับ แล้วเอามือขยี้ตาแรงๆ เมื่อเห็นร่างเปลือยของชายหนุ่มที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ
กรี๊ดดด
‘ไม่นะ ไม่จริง ฉันถูกท่านชีค...’
“ออกไปให้พ้นนะ” เมื่อแน่ชัดกับตาแล้วว่าคนที่มานอนด้วยนั้นมีแต่ร่างกายเปลือยเปล่า สาวบริสุทธิ์อย่างมุกระวีที่ยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนก็ร้องโวยวาย มือบางรีบคลำหาสวิตช์ไฟเพื่อช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น
“จะร้องเสียงดังทำไมกันคุณ มานอนเถอะ นี่กี่โมงแล้ว พรุ่งนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ” เสียงฟาริสบอกอย่างรำคาญ แต่ทำให้มุกระวียิ่งโกรธจัด
“ไอ้ชีคหื่นตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครจะไปนอนกับคุณ” มุกระวีตะโกนบอกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมขยับ เผอิญดวงตาคู่หวานเหลือบไปเห็นอาวุธบางอย่างน่าจะเป็นมีดพกของเขา เอ๊ะ หรือว่าปืน มุกระวีรีบปราดไปหยิบมาขู่ทันที แล้วพบว่าเป็นมีด แม้ยุคนี้โลกจะพัฒนาไปไกลเพียงใด และชีคฟาริสเชี่ยวชาญในการยิงปืนมากแค่ไหน แต่อาวุธที่ชำนาญที่สุดของชีคหนุ่มกลับเป็นมีดสั้น
“จะออกไปหรือไม่ออกไป”
ฟาริสลืมตาขึ้นมาอย่างรำคาญ พอเห็นว่ามีดพกของตัวเองไปอยู่ในมือน้อยๆ ก็นึกโมโหตัวเองที่ไม่น่าวางลืมไว้ ตอนเขาเข้ามานอน เขาทำทุกอย่างตามความเคยชิน เพราะนี่คือห้องนอนส่วนตัว เขาถอดเสื้อผ้า แล้ววางมีดพกไว้ที่ประจำ แต่ลืมไปว่ามีหมอนกอดดิ้นได้มานอนอยู่เป็นเพื่อน
“วางลงซะคนสวย มันอาจจะกลายเป็นอาวุธทำร้ายตัวคุณเองได้”
“อย่ามากล่อมให้ยาก ฉันจะฆ่าคุณ ถ้าคุณยังไม่ลุกไปจากห้องนี้”
ฟาริสลุกขึ้นมาทำให้มุกระวีได้เห็นแผงอกกว้างๆ ที่มีไรขนสีน้ำตาลหนานุ่มเกาะกันเป็นกลุ่มตรงหน้าอก อีกทั้งหน้าท้องก็มีแต่ลอนกล้ามเนื้อแน่นๆ ดีที่ผ้าห่มยังปิดตรงส่วนสำคัญไว้ ไม่อย่างนั้นมุกระวีคงหัวใจวายตาย
หญิงสาวลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะพยายามดึงสติและสายตาให้โฟกัสแต่ใบหน้าของคนหล่อ
“ลุกไปแต่งตัว อย่าชักช้า ไม่งั้นฉันแทงจริงๆ ด้วย”
คำพูดนี้เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักลึกของฟาริส “เอาสิ คุณแทงผม ผมแทงคืน แต่คุณจะแทงถูกผมหรือเปล่า ผมรับประกันได้ว่าถ้าผมได้แทงคุณ เข้าถูกทุกจุด ถ้าเป็นฟุตบอลก็เรียกว่ายิงเข้าทุกประตู”
มุกระวีไม่ใช่คนโง่เรื่องเซ็กซ์ เธอเข้าใจความหมายของเขาทันที
“ฉันจะตัดส่วนนั้นของคุณทิ้งก่อนเลย เอาล่ะ อย่าเสียเวลา ลุกไปแต่งตัวได้แล้ว”
