บทที่ 8 8

“ตกลงว่าฉันจะได้กินข้าวไหมคะท่านชีค” น้ำเสียงและดวงตาสดใสขึ้นกว่าเดิมมากตรงข้ามกับคนสั่ง

“อะลีฟจะเอาอาหารมาให้คุณ แต่ต้องกินในรถ เราไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบเดินทาง ผมก็หิวมาทั้งคืน อยากกินจะตายอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้กิน” เขามองเธอไล่ไปตั้งแต่ใบหน้าสวยแล้วต่ำลงมา จนใบหน้าของมุกระวีแดงไปหมด

“หิวอะไรคะท่านชีค สายตาของคุณมันบอกว่าที่หิวไม่ใช่อาหาร”

“ฉลาดนี่” เขายิ้มแล้วไหวไหล่

มุกระวีโมโห แต่รู้ดีตอนนี้เธอเสียเปรียบ “ตกลงจะให้ฉันกินข้าวที่ไหน”

“กินในรถ”

“ทำไมฉันต้องไปนั่งกินในรถด้วยล่ะ ฉันกินไม่นาน ไม่เสียเวลาหรอก กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เคยได้ยินไหม”

“ไม่เคย” เขาตวาดกลับ “แล้วใครใช้ให้ตื่นสายล่ะ เป็นผู้หญิงยังไง ตื่นซะบ่ายโมง ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบคุณมาก่อนเลย” ฟาริสว่าพลางส่ายศีรษะ

เมื่อถูกด่าแบบนี้มีหรือมุกระวีจะยอม เธอเขย่งตัวขึ้นสูงเพื่อให้เห็นหน้าเขาชัดๆ แล้วพยายามจ้องตากับเขา แต่ความสูงของเธอก็ได้แค่เสมออก “ไม่เคยเห็นก็เห็นซะตอนนี้ แล้วฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่ได้กินข้าว” มุกระวียืนกราน ก็เธอหิวจริงๆ จนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไป แต่บางอย่างในมือของฟาริสที่โบกไหวๆ ทางหางตาทำให้เธอต้องหันไปมอง

“วีซ่ากับพาสปอร์ตของคุณ ผมเก็บได้ อยากได้คืนไหม ถ้าอยากได้คืนก็จงทำตัวดีๆ พูดให้น้อยๆ หรือไม่พูดเลยจะดีมาก แล้วผมจะคืนให้เมื่อทุกอย่างเสร็จ”

“นี่ขู่ฉันเหรอ” มุกระวีกระโดดไปเอาคืนแต่ก็คว้าได้แค่ลม “เอาของฉันมานะ”

“ผมไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระ ถ้าอยากได้คืนก็ไปขึ้นรถ ทำตามที่ผมบอก แล้วคุณจะได้กินข้าว แล้วก็ได้กลับเมืองไทย”

มุกระวีกัดริมฝีปากแน่น เธอไม่มีทางต่อกรกับเขาได้เลยสินะ “จริงๆ นะ”

ฟาริสไม่ตอบแต่ใช้การพยักหน้าเรียบๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาตอบรับเธอ ซึ่งเธอจะตีความไปยังไงก็สุดแล้วแต่

มุกระวีเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แม้นั่นจะริบหรี่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีหวังเสียเลย ถ้าได้พาสปอร์ตคืนมา เธอจะรีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที เพราะละครเรื่องใหม่ก็ใกล้จะเปิดกล้องแล้ว เธอมีงานรออีกมาก การมาพักผ่อนทำไมกลายเป็นเรื่องเหนื่อยหนักกว่าเดิมก็ไม่รู้

แต่ถ้าเธอขัดใจเขามากๆ เธออาจจะได้กลับเมืองไทยช้ากว่าเดิม คนมีแผนการในหัวเดินไปขึ้นรถพร้อมกับนับหนึ่งถึงร้อยในใจไปด้วย ยอมถอยเพื่อรุกถึงจะเรียกว่าฉลาด

ฟาริสส่งนมแพะกับขนมปังไปให้คนที่นั่งท้องร้องดังจ๊อกๆ จนเขาอดสงสารไม่ได้

“เอ้า กินซะ”

มุกระวีเบะปากให้เขาเพราะมันน้อย แค่นี้จะกินอิ่มไหม เห็นเธอรูปร่างแบบนี้แต่กินจุใช้ได้ คิดแบบนั้นแต่ก็รับมากินแต่โดยดี ทั้งนมและขนมปังรสชาติดีมาก หรือเป็นเพราะหิวมากก็ไม่รู้ เธอจัดการหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว และไม่มีการรักษาภาพลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยไม่สนใจว่าชีคฟาริสจะแอบมองอยู่

“เชื่อแล้วว่าหิวมาก”

“มีอีกไหม” เธอถาม ฟาริสส่ายหน้า เขาไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงไม่ได้เตรียมเสบียงไว้ล่วงหน้า “งานเสร็จแล้วผมจะเลี้ยงคุณด้วยอาหารมื้อพิเศษ”

“เซ็ง” มุกระวีบ่นแล้วถามต่อ “ท่านชีคคะ เราจะไปที่ไหนกัน”

ฟาริสหันมามอง เห็นคนตัวเล็กกินอิ่มแล้วอารมณ์ดีก็นึกขำในใจ “ทะเลทรายนูรีน พวกโจรมันไปกบดานกันอยู่ที่นั่น ผมได้ข้อมูลมาเมื่อคืนนี้”

“ทะเลทรายนูรีน” มุกระวีทวนคำ “ฉันเคยได้ยินชื่อทะเลทรายนูรีน มันเป็นทะเลทรายที่มีเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน มันจะร้อนระอุมาก แต่โอเอซิสที่นั่นก็สวยมากเหมือนกัน”

“ใช่ ทะเลทรายนูรีนคือทะเลทรายแห่งแสงสว่าง มันสวยงามแต่ก็ร้อนระอุมากจริงๆ มันถึงไม่ค่อยมีคนไปที่นั่น เพราะปีหนึ่งจะมีคนตายจากความร้อนกลางทะเลทรายหลายสิบคน ถ้าไม่ใช่คนที่ชำนาญเส้นทางจริงๆ จะไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป เพราะนั่นเท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง ผมจึงยังไม่อนุญาตให้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว”

“งั้นฉันเปลี่ยนใจได้ไหม ไม่ไปแล้วค่ะ” ร่างเล็กถอยหลังกรูดติดขอบประตูรถ

“ไม่ได้” เขาตอบเสียงแข็งแล้วจ้องดวงหน้าหวาน “คุณต้องไปกับผม”

มุกระวีเบิกตาโตกับคำบอกเล่าแสนง่ายดายนั้น “นี่คุณรู้ว่ามันอันตราย ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง คุณก็ยังจะพาฉันไปเนี่ยนะ ทำไมใจร้ายแบบนี้” มุกระวีโวยวาย จินตนาการแล้วคร่ำครวญไม่หยุด “ฉันยังไม่อยากตายกลางทะเลทราย มันคงน่าอนาถ ผิวแห้งดำ เหี่ยวจนไหม้ ศพก็คงไม่สวย ท่านชีคคะ ได้โปรดพาฉันกลับเถอะนะคะ นะ พาฉันกลับเถอะ” มุกระวีส่งสายตาอ้อนวอน กระเถิบเข้าไปเกาะแขนแกร่งแน่นอย่างลืมตัว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป