บทที่ 10 บทที่ 5 เจออีกแล้ว (1)
“ยัยคีย์เซีย!”
“เอ่ะอ่ะอะไรแต่เช้าเนี่ย” เธอโวยวาย
“นี่แกเหรอ ทำไมตื่นเช้าจัง แล้วแกก็ซื้ออาหารเช้ามาด้วย แล้วแกก็ตื่นก่อนฉัน แล้วก็..” มินนี่พูดๆๆ หลังจากเห็นเธอกำลังจัดอาหารใส่จานอยู่...
ทำไมตื่นเช้าไม่เห็นแปลกเลย
“พอเลย ทำไม ตื่นเช้าแล้วไง ไม่ดีเหรอ” เธอตัดบทก่อนที่เพื่อนสาวจะพูดพล่ามไปมากกว่านี้
“ไปทำอะไรผิดมาแน่เลย ใช่มั้ย” มินนี่หรี่ตามองเพื่อนที่จัดอาหารใส่จานด้วยความสงสัย
ยัยนี่จ้องจับผิดเก่งจริงๆ หญิงสาวคิด
“อะไร...ทำผิดอะไรกัน” เธอพูดอย่างไม่ยี่หระพลางเตือนใจตัวเอง...เสแสร้งเข้าไว้คีย์
“ไม่ผิดก็แล้วไป อย่าให้รู้แล้วกัน” มินนี่มองเธออย่างไม่ไว้ใจ
ถ้าแกรู้มีหวังแกฟ้องพ่อฉันแน่ๆ เธอได้แต่คิดในใจคนเดียวเงียบๆ ถ้าขืนรู้เธอก็ซวยเพราะฉะนั้นเพื่อนเธอไม่มีทางได้รู้เด็ดขาด!
“ก็แค่โดดดูงานเมื่อวานเอง” เธอพูดลอยๆ
“อะไรนะ” แต่เหมือนมินนี่จะได้ยิน
“อ๋อบอกว่าเมื่อวานดูงานสนุกดี” เธอรีบแก้ตัว
ยัยนี่หูดีชะมัด เกือบได้ซวยจริงๆแล้วไหมล่ะ
“เออ นี่แกฉันมีข่าวร้ายมาบอก” มินนี่ที่เห็นว่าเธอจัดอาหารเสร็จก็รีบดึงเธอมานั่งที่โซฟาที่มีตัวเดียวในห้องนี้
“อะไรเหรอ แฟนแกทิ้งเหรอ โอ๋ๆๆ ทำใจดีๆนะ ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้นะ” เธอแกล้งพูดให้เพื่อนสาวเคืองเล่น
“จะบ้าเรอะ เขารักฉันจะตายไม่ทิ้งฉันหรอกย่ะ” มินนี่เชิดหน้าอย่างมั่นใจ
“เหรอ” เธอทำหน้าไม่อยากจะเชื่อว่า โทนี่ หนุ่มต่างชาติที่มากุ๊กกิ๊กเพื่อนเธอจะมาจริงจังกับมินนี่ได้
“ย่ะ” มินนี่เบ้ปากให้อย่างหมั่นไส้
“แล้วเรื่องอะไร” เธอเลิกกวนเพื่อนแล้วเข้าเรื่องจริงๆจังๆสักที
“โทนี่จะมารับฉันไปเยี่ยมพ่อแม่เขาที่ USA เย็นนี้อ่ะแก แกต้องอยู่คนเดียวที่นี่ มันอาจจะกระทันหันไปหน่อยแต่แกโอเคนะ”
“เย่!!!!!!! ไชโย ย่ะฮู้” เธอสะดีดสะดิ้งออกนอกหน้าอย่างดีใจทั้งที่มันควรจะเป็นอารมณ์อื่นมากกว่า เธอเหลือบไปเห็นมินนี่ที่นั่งอยู่แถมกอดอกมองด้วยสายตาที่ยากจะบรรยายว่าจะฆ่าเธอวิธีไหนดีระหว่างถีบออกทางหน้าต่างกับยัดลงโถส้วม
ลืมตัว โทษทีเพื่อน
เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่อยู่ในโหมดดราม่าสักเล็กน้อยอย่างที่ควรจะเป็น
“พูดแล้วอยากจะร้องไห้ ถ้าแกไปแล้วใครจะคอยปลุกฉันล่ะ” น้ำตานั้นคลอเบ้าเล็กน้อย...เป็นการแสดงที่สมบทบาทเพื่อนที่แสนดีได้อย่างยอดเยี่ยม...ตบมือค่ะตบมือ
“เออใช่ งั้นไม่ไปละ โทรบอกโทนี่ดีกว่า” ทันใดนั้นก็รับคว้ามือถือไว้ได้ทันการก่อนที่เพื่อนสาวจะโทรหาโทนี่แฟนหนุ่ม
“ไม่เป็นไรหรอกแกเพื่ออนาคตที่สวยงามของเพื่อนแค่นี้ฉันย่อมทนได้” เปลี่ยนบทบาทเพื่อนแสนดีแล้วสวมรอยเป็นนางเอกได้อย่างรวดเร็ว
นางมารชัดๆนะเราน่ะ โฮะๆ
“รักแกที่สุดอ่า” แล้วยัยมินนี่ก็โผเข้ามากอดเธอ ไม่สิ กระโดดดีกว่า เกือบหงายหลังเลย หน้ามินนี่แบบปลื้มปลิ่มสุดๆ
“แล้วแกจะไปนานเท่าไหร่”
“ไม่กี่เดือนหรอก”
น้อย! นี่คือเสียงจากจิตใต้สำนึก
“โชคดีนะมินนี่ วันนี้ฉันคงไม่ได้ไปส่งแกขึ้นเครื่องขอโทษด้วยนะ” เธอยิ้มเนือยอย่างเศร้าโศกเสียใจ
“ไม่เป็นไร ฉันฝากแกดูแลห้องด้วยนะ...เอ้อ!ระหว่างที่ฉันไม่อยู่” มินนี่ที่กำลังจะลุกขึ้นเหมือนคิดอะไรได้ซักอย่างหันมาทางเธอ “อย่าพาผู้ชายมากินที่นี่รู้มั้ย!!!”
“จะบ้าเรอะ ใครจะทำแบบนั้น”
มีให้กินก็ดีน่ะสิ...และนี่คือเสียงจากจิตใต้สำนึกอีกครั้ง
“ไปกินข้าวกันเถอะ จะได้รีบไป”
“อืม” เธอรับปากสั้นๆก่อนจะโดนลากไปกินข้าวที่โต๊ะอาหารที่เธอเป็นคนเตรียมไว้
.
.
.
วันนี้เธอไม่ลืมที่จะโทรถามคำรณมาด้วยว่าคนที่เธอต้องไปหาชื่ออะไรและเธอต้องไปสิงอยู่ที่จุดไหน เท่าที่รู้มาคือวันนี้เธอต้องไปดูการสอนโยคะโดยเทนเนอร์พี่แนนที่เมื่อวานเธอลืมชื่อเธอไปเสียสนิท......ขอโทษพี่แนนด้วยค่า....และหวังว่าจะไม่เจอนายนั่นอีก ว่าแต่ห้องที่พี่แนนสอนอยู่ไหนนะ เธอโทรคุยกับพี่แนนแล้วพี่แนนบอกว่ามีสอนแค่ครึ่งวันเอง
โฮะๆอย่างนี้มันต้องไปลั้นลาซะหน่อย
เธอเดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ และเลือกที่จะพาตัวเองไปนั่งใกล้กับหน้าต่างที่อยู่หลังห้อง จะได้หลับง่ายๆหน่อยเอ้ยจะได้ไม่รบกวนคนที่มาเรียนโยคะต่างหากเล่า
“ทุกคนคะเชิญฟังทางนี้ วันนี้ได้รับเกียรติอย่างมากเลยที่ ‘ผู้จัดการ’หรือ ‘ว่าที่ท่านประธาน’ และเพื่อนๆมาดูเราเรียนโยคะด้วยในวันนี้ เชิญทั้ง 3 คนเลยค่า”
กรี๊ด!!!!
โอ้ย คนจะหลับโว้ย
คอร์สที่เธอมาดูงานมีแต่เด็กวัยรุ่นซะส่วนใหญ่แถมผู้ชายยังไม่มีซักคนอีกด้วย ก็มันเป็นคอร์สเรียนโยคะมั้งเลยไม่ค่อยมีผู้ชาย พอดีเธอก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่
กรี๊ด!!!!!
“แหมพี่แนนครับพูดซะเป็นทางการเชียว.....สวัสดี ผมชื่อจีโซฮะเป็นเพื่อนของท่านว่าที่ประธานคนใหม่”
“zZzZzZzZzZ” เธอเอง
กรี๊ด!!!!!
“ผมเบบิ”
“zZzZzZzZzZz” เธออีก
กรี๊ด!!!!!
“ครับ ผมเอเวลครับ ก็จะมาดูแลที่นี่ต่อจากท่านประธานในอนาคตครับ”
zZzZ..ดะ..เดี๋ยวนะ ชื่อคุ้นๆแฮะ เหมือนเคยได้ยิน
เธอที่ไม่ได้สนใจกับเนื้อหาที่ฟังเท่าไหร่แต่ดันไปสะดุดกับชื่อๆหนึ่งจนต้องเงยหน้าไปดู
หญิงสาวสายหัวสุดแรง ฝันแน่เลย ไม่งั้นก็หน้าเหมือน หรือไม่ก็ฝาแฝด...ใช่ฝาแฝดแน่ๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ไม่นะตาฝาดใช่มั้ย ตรงหน้าของเธอต้องไม่ใช่นายนั้น คนที่มีใบหน้าที่หล่อเหลา ขาวเนียนอมชมพู ดวงตาแสนใจเล่ห์นั่นอีก แววตาแบบนั้นไว้ใจไม่ได้เลย แล้วก็…ซวยแล้วที่หน้าผากเขามีพาสเตอร์แปะอยู่ อย่างนั้นก็ไม่ใช่ฝาแฝดแล้วน่ะสิ เพราะเธอเป็นคนผลักหัวเขาจนไปชนกับกำแพงจนได้แผลมาเองกับมือ ดังนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้
หลังจากที่ตาค้างกับบุคคลตรงหน้าได้สักพัก เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่ามีคนมองอยู่เลยส่งยิ้มหวานจนชวนเลี่ยนกลับมา
เจอกันอีกแล้วนะแม่ตัวแสบ
เอเวล...หนุ่มหล่อที่กำลังผลันตัวมาดูแลธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบได้แต่นึกขำในใจเพราะเธอดันมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าจะไม่ได้พบเขาอีก
หลังจากได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานแต่ชวนสยองสำหรับเธอ เธอก็ได้แต่ทำหน้าอึ้งๆหลังจากเขามองเธออย่างคาดโทษแม้ปากจะยิ้มก็ตาม
ฟรุบ!!!!!
เป็นลมดีกว่า นี่คือทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด สำหรับตอนนี้ เอ๊ะหรือวิ่งหนีไปเลยดีล่ะ ไม่ๆฉันต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เป็นสิ่งไม่ตาย(คมจังนะจะบาดคอตัวเองตายแล้ว)
“เธอ”
อ๊ายไม่ทันหนีแล้ว...*ยังไม่ทันจะคิดอะไรคู่กรณีก็มาถึงตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
