บทที่ 12 บทที่ 6 ว่าที่ท่านประธาน (1)
หลังจากนั้นเธอก็ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนเสร็จ พอเดินออกมาก็เห็นชายหนุ่มยืนรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ
“อาบน้ำเร็วดีนี่” เอเวลที่กอดอกพิงกำแพงอยู่หันมามองหน้าเธอที่กำลังก้าวออกมาจากห้องน้ำ
“นายมายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะ” ยังไม่ทันที่เอเวลจะตอบเธอกลับ ก็มีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นซะก่อน
“สวัสดีค่ะคุณเอเวล ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ยินดีด้วยนะคะที่ใกล้จะได้มาดูแลบริษัทเต็มตัวแล้ว” ผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งถามขึ้น
เอเวลมองไปตามเสียงก่อนจะผละหลังออกจากกำแพงแล้วหันไปคุยกับเจ้าของเสียงคนสวย
มั่นใจว่าฉันสวยกว่าแน่นอน
เธอยิ้มให้ความคิดที่แสนจะมั่นใจในใบหน้าของเธอ
“ขอบคุณครับพี่ป่าน”
“ว้า......” หล่อนใช้นิ้วจิ้มปากให้ดูน่ารัก “งั้นว่าที่ประธานคนใหม่ก็ไม่คงมาที่แล้วมั้งคะ...น่าเสียดายจัง” หล่อนพูดแล้วทำหน้างอนๆใส่เอเวล
“มาสิครับแต่อาจจะไม่บ่อยเหมือนตอนที่ผมยังเป็นผู้จัดการที่นี่”
“ยังไงก็เสียดายอยู่ดีล่ะค่ะ” ป่านยังคงทำหน้างอนใส่เอเวลต่อไป
เธอที่มองอยู่นานทำหน้าเอือมสุดๆไปเลย เธอควรจะเดินไปเลยหรือรอคำตอบที่เธอได้ถามเอเวลก่อนหน้านี้ว่าเขามายืนทำไมตรงนี้
“ก็ผมต้องดูแลธุรกิจอื่นๆของครอบครัวอีกเยอะนี่ครับ แต่ก็จะแบ่งเวลามาเยี่ยมบ่อยๆ” เอเวลส่งยิ้มให้หล่อน
“คุณเอเวลนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลย” คุณเธอหยิกแก้มเอเวลเสร็จก็เดินจากไปโดยไม่วายที่จะเหล่ตามองหญิงสาวที่ยืนตรงนี้แวบหนึ่ง...
นั่นเหล่ตาหรือทำตาเหล่ใส่....บอกฉันที
เธอเองก็ทำหน้าเบื่อหน่ายมองหล่อนตอบเช่นกัน
ฉันมีศัตรูอีกแล้วหรอ...ไม่ใช่ศัตรูหัวใจนะเพราะฉันไม่ได้พิศวาสนายนั่นแต่เป็นศัตรูที่ไม่ได้ก่อต่างห่าง
เธอถอนหายใจเบาๆให้กับตัวเองก่อนจะหันไปแขวะผู้ชายที่สร้างศัตรูให้เธอสดๆร้อนๆ
“เสน่ห์แรงจังเลยค่ะท่านประธาน” เธอกอดอกมองหน้าเขาอย่างกวนๆ
เธอเองเพิ่งรู้ว่าเขากำลังจะเป็นท่านประธานของที่นี่หลังจากที่ได้ยินเขาคุยกับคุณป่านป้าตาเหล่เมื่อกี้ ไม่ใช่เขาไม่บอกหรอกเพราะตอนแนะนำตัวเขาคงจะบอกแล้วแต่เธอไม่ใส่ใจเอง ก็ถึงว่าทำไมพี่แนนดูเคารพเกินหน้าเกินตาทั้งที่เอเวลเรียกเธอว่าพี่
“ยังไม่ใช่ประธาน” เอเวลหันมองด้วยสายตานิ่งเรียบต่างจากแววตาที่มองคุณพี่ป่านป้ามหาตาเหล่เมื่อกี้
“เดี๋ยวก็เป็นนี่” เธอพูดก่อนที่จะเดินออกจากตรงนั้นไปโดยมีเอเวลเดินตามมาติดๆจนเธอต้องเหลียวหันไปมองแล้วพูดต่อทั้งที่ยังเดินอยู่
“จะตามมาทำไมเนี่ย” เธอหันไปแหวใส่เขาที่เดินตามมาไปหยุด
“เธอเป็นอะไร ทำไมต้องพูดประชดประชันแบบนั้นด้วย”
“เปล่านี่......ฉันจะพูดประชดนายทำไม” เธอหันหน้ามองทางตามปกติและพูดทั้งที่ยังเดินอยู่โดยมีเอเวลที่ยังเดิมตามเหมือนเดิม
“หึงรึไง” เอเวลยิ้มเยาะออกมา
“เปล่าอ่ะ.........หมั่นไส้เฉยๆ” เธอพูดเสียงเบาจนแทบกระซิบเพราะกลัวเอเวลจะได้ยิน
ฉันจะหึงนายไปทำไมกัน บ้าละ
“ว่าไงนะ” เอเวลที่ได้ยินไม่ชัดถามขึ้น
“เปล่าาา” เธอพูดพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ แต่ยังไม่ทันหยิบกระเป๋าก็….
“เฮ้ย ไหวมั้ยเนี่ย” เธอสะลึมสะลือแต่ก็พอจะรู้ว่าเอเวลกำลังพยุงเธอไว้
“ไหวน่าแค่ขาอ่อนแรงเอง ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายน่ะ” เธอรีบแก้ตัว จริงๆแล้วหน้ามืดจะเป็นลม
“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย” นายเอเวลอุ้มเธอขึ้น แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าของเธอ
“ยังจะมาอวดเก่งอีกว่าไม่เป็นอะไร หน้าซีดขนาดนี้” เขาดุเธอ
“ก็บอกว่าไม่เ….”
“ไม่ต้องเถียงแล้ว!!!” เอเวลพูดเสียงดังพลางจ้องตาเธอแข็งจนเธอที่กำลังจะเถียงถึงกับพูดไม่ออก
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” ว่าเสร็จเขาก็อุ้มเธอไปที่รถของเขา โดยไม่ฟังว่าเธอจะให้เขาไปส่งไหม
ทำไมกันนะฉันถึงรู้แปลกๆ...เธอกระพริบตาถี่ๆ...คิดบ้าบออะไรเนี่ย
เธอรีบไล่ความคิดในสมองที่กำลังคิดว่ารู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้
“ให้ไปส่งที่ไหน” เขาเข้ามานั่งที่คนขับแล้วถามเธอก่อนจะสตาร์ทรถ
“อพาร์ทเม้นท์xxx”
.
.
.
ทั้งคู่นั่งบนรถที่กำลังแล่นออกไปได้สักพัก...ตอนนี้มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ครอบงำอยู่
“เป็นไรมากมั้ย” เอเวลเลือกที่จะทำลายความเงียบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเงียบอยู่นาน
“ก็อย่างที่เห็น” เธอตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ตาก็มองตามข้างทางไปเรื่อยๆ
“ฉันขอโทษ” เขาพูดเสียงเบา
“ฮะ?” เธอหันหน้าที่ดูตกใจเล็กน้อยมาทางเขาซึ่งเขาก็ขับรถมองไปข้างหน้าตามปกติ
“ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ไง ฉันแกล้งเธอแรงไปใช่ไหม” เอเวลชำเลืองมองก่อนจะหันไปมองทางตามเดิม
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่” เธอบอกไปตามความจริง...ก็เธอไม่ได้เป็นไรมากอาจจะเคืองอยู่หน่อยๆแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร
เอี๊ยดดดดดดด!!!
นายนี่จะจอดรถก็ไม่บอกก่อน หัวเกือบทิ่ม เธอมองเขาอย่างเคืองๆ
