บทที่ 7 บทที่ 4 คนดูแล (1)

“ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแสนสุขจ้ะ คีย์เซีย”

“จ้ะ” เธอส่งยิ้มแห้งให้กับมินนี่เพื่อนสมัยมัธยมที่เคยเรียนด้วยกัน

มินนี่เดินนำเธอเข้ามาข้างในอพาร์ทเม้นท์ของหล่อน เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากแต่ก็ไม่เล็กขนาดทำให้อึดอัด ระบบความปลอดภัยไม่สูงมากเพราะไม่มีคีย์การ์ดหรือรหัสล็อคประตูแต่อย่างใด เป็นประตูที่ใช้กุญแจธรรมดาทั่วๆไป พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งห้องนอนนั้นมีห้องเดียวสรุปก็คือเธอต้องนอนห้องเดียวกับมินนี่ ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียวอยู่ถัดจากห้องครัว

หญิงสาวเดินสำรวจรอบๆเสร็จก็กลับมานั่งจัดของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแต่คงไม่ต้องจัดอะไรมากเพราะคุณแม่สุดที่รักอุตส่าห์จ้างคนงานในบริษัทให้เอาของย้ายมาให้ถึงที่นี่!

เชอะ! งอนจริงๆโดนไล่ออกจากบ้านทางอ้อมชัดๆ! เธออดน้อยใจไม่ได้จริงๆ

“วันนี้แกย้ายมาอยู่กับฉันเป็นวันแรก เราไปฉลองกันมั้ย” มินนี่พูดแล้วเดินมากอดคอเธอ

“ก็ดีนะ ว่าแต่ฉลองที่ไหนล่ะ” เธอพยักหน้าพลางหันไปทางมินนี่ที่กอดคอเธอไว้อยู่

“เดี๋ยวก็รู้”

.

.

.

“นี่แกพาฉันมาเที่ยวผับงั้นหรอ”

“ฮะ! อะไรนะ! ไม่ได้ยิน”

“แกพาฉันมาเที่ยวผับทำไม”

“นิดหน่อยเองน่ะเพื่อน” เพื่อนสาวของเธอพูดพลางกระดกเหล้าเข้าปาก

มีมุมแบบนี้ด้วยหรอ! เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ แม่พาหนูมาอยู่กับยัยนี่มันจะพาหนูใจแตกมากกว่านะ มันพาหนูหนีเที่ยว!!!!

จะว่าไปที่นี่เสียงดังมากคุยกันแทบจะไม่ได้ยิน

“สักแก้วมั้ย” แม่คนชวนมาพูดพลางยื่นแก้วที่ใส่เหล้าในมือให้เธอ

“เอ่อ ไม่เป็นไร ดื่มไปเถอะ” เธอผลักแก้วที่ยื่นมาให้เบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ

เห็นใครๆบอกว่า เหล้านั้นย้อมใจได้ จะว่าไปฉันก็ไม่เคยดื่มมันเพื่อใช้ย้อมใจเลยสักครั้ง...มันทำให้ลืมใครได้รึป่าวล่ะ...ถ้าได้ก็น่าลอง...

นี่เธอไม่เคยมาที่แบบนี้เลยนะเนี่ย พอนึกได้ก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วก็เดินสำรวจที่นี่ว่ามีอะไรบ้าง นี่มันที่มั่วสุมดีๆนี่แหละนะ มีแต่พวกคนเมา กลิ่นควันบุหรี่คละคลุ้งไปหมด เธอเกลียดกลิ่นควันบุหรี่มากๆจะสำลักตายอยู่แล้ว

โอ้ยอยู่ไม่ได้แล้วออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า

เธอปิดจมูกตัวเองและรีบเดินออกไปด้วยความไม่ระวังจนทำให้ไปชนใครบางคนอย่างจัง และเธอเองก็เซลงไปนั่งกับพื้น

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”

คนที่เธอชนเมื่อกี้พูดพลางยื่นมือมาเพื่อจะช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น ที่ตรงนี้ค่อนข้างมืดเลยทำให้เธอเห็นคนตรงหน้าไม่ชัดแต่เดาได้ว่าเขาคงเป็นผู้ชายเนื่องจากเสียงที่เขาพูดเมื่อกี้เป็นเสียงผู้ชาย และตามมารยาทเธอก็จับมือเขาให้ดึงเธอลุกขึ้น

“ขอโทษด้วยนะคะที่เดินไม่ระวัง” เธอมองหน้าเขาแต่กลับมองเห็นไม่ชัดเพราะตรงนี้มืดแม้พยายามอย่างมากแต่ก็เห็นลางๆอยู่ดี

แต่ก็นะฉันคิดว่าเขาหล่อ

“เอ่อ……ไม่เป็นไรครับ”

“แฮ่กๆ” โอย……ถ้าขืนคุยกันต่อมีหวังเธอต้องตายแน่ๆ

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงเขาดูติดเป็นห่วงนิดหน่อย

“เอ่อ ฉันไม่ค่อยชอบควันบุหรี่น่ะค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวครับ” เขาเรียกเธอที่กำลังจะไป “…..ผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อนนะครับ”

“หรอคะ?” ทำไมฉันจำไม่ได้หว่า เธอมองหน้าเขาอยู่นานแต่เธอก็มองไม่เห็นไม่ชัดตามเคย

“ยัยคีย์เซียแกหายไปไหนมา ฉันตามหาตั้งนาน” เสียงแหลมๆของมินนี่ตะโกนเรียกเมื่อเห็นเธอที่กำลังยืนคุยกับชายแปลกหน้าคนนี้อยู่

“ถ้าคุณจำไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” เขาตัดบทก่อนหลังจากที่เห็นเธอนึกไม่ออก

อ้าย! มีความเป็นสุภาพบุรุษมากเลยค่ะ เธอคิด

“งั้นขอตัวก่อนนะคะ” เธอขอตัวก่อนที่จะวิ่งไปหาเพื่อนสาว

“แล้วพบกันใหม่ครับ”

คำพูดของชายที่เธอชนเมื่อกี้มันคุ้นอยู่นะ หรือว่า…….นายคนนั้นที่เธอเจอที่งานเลี้ยงนี่ หญิงสาวรีบหันไปแต่กลับไม่เจอเขาคนนั้น….พลาดอีกแล้วไง……เขาอุตส่าห์มาให้เธอเจออีกครั้ง แต่เธอดันจำเค้าไม่ได้ซะงั้น

“นี่…….มัวยืนทำอะไรของแกเนี่ย ฉันหาตั้งนาน แล้วมาทำอะไรแถวนี้” มินนี่บ่นอุบเมื่อเธอกำลังวิ่งมาหาหล่อน

“ฉันไปเดินเล่นมา”

“ในนี้เนี่ยนะ?”

“เออน่า จะกลับได้ยัง” เธอรีบพูดสวนขึ้นก่อนที่เจ้าหล่อนจะซักถามไปมากกว่านี้

“กลับสิคะรออะไร”

เจอกันโดยบังเอิญถึงสองครั้งแล้วนะนายมัมมี่สุดหล่อทะลุเลือด ถ้าเราบังเอิญเจอกันอีก.............แบบนี้.....เค้าเรียกว่าพรมลิขิตรึเปล่านะ....เธอคิดไปก็ยิ้มไปจนมินนี่หันมองอยู่หลายครั้งระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่กลับห้อง

“เมาควันจนบ้าก็ได้เหรอ” มินนี่พูดกับตัวเองเบาๆอย่างสงสัยกับอาการผิดปกติของเพื่อนที่ไม่คิดว่าเพื่อนเธอที่เกลียดกลิ่นควันบุหรี่จะเกิดอาการขั้นรุนแรงทั้งที่ไม่เคยเป็นถึงขั้นนี้มาก่อน

หลายวันต่อมา...

ปี๊ดดดดดดด!!!!!!!!!

“ยัยคีย์เซีย แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกันยะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว รู้มั้ยมันเปลืองแค่ไหน ทั้งแอร์ และอีกสารพัดสารเพ เปลืองทรัพยากรชาติ บลาๆๆๆๆๆๆๆ”

และคงอีกมากมายที่มินนี่จะบ่นเธอ นี่มันเป็นเช้าที่แย่มากๆสำหรับเธอหลังจากย้ายมานอนกับมินนี่ได้สามวันแล้ว

ยัยนี่เป็นพวกแก่ก่อนไวอันควรไม่รู้ว่าแฟนคุณเธอทนได้อย่างไร ฉันนี่รำคาญจริงๆ แต่ต้องทนอาศัยเขาอยู่นี่แฮ่ๆ เป่านกหวีดปลุกทุกเที่ยงเลย(ตื่นเที่ยง)

“นี่แกต้องไปดูงานไม่ใช่หรือไง” มินนี่เท้าเอวแล้วกระโดดมายืนบนเตียง

ดูงานบ้าอะไร คนจะนอนเว้ย

“ดูงานอะไร นี่ฉันเพิ่งกลับจากต่างประเทศนะยังไม่ได้หางานเลย อย่ามามั่ว” เธอพูดทั้งที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มอันหนานุ่ม และแล้วมินนี่วายร้ายก็ดึงผ้าห่มสุดที่รักของเธอออกไป

ไม่นะผ้าห่มจ๋า นางมารร้ายใจดำฮือออ เธอเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้

“ก็ฟิตเนสที่พ่อกับแม่แกให้แกไปดูงานไงเล่าแค่นี้ก็ทำเป็นลืม” เพื่อนของเธอพูดพลางหย่อนตัวมานั่งข้างๆตัวเธอที่นอนคุดคู้อยู่

“แล้วไง” เธอตอบไปสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือก็ยื้อแย่งผ้าห่มจากมินนี่คืนมาจนได้แล้วกลับมานอนต่อ

“แล้วไงน่ะหรอ ก็ไม่มีไรมากก็แค่..พ่อแกรู้เอง” มินนี่ทำท่าจะกดมือถือ แกจะโทรบอกพ่อใช่ไหมล่ะ คิดว่าฉันจะกลัวหรอ หญิงสาวคิด

“ไปก็ได้วะ” อันที่จริงไม่ได้กลัวนะเธอแค่เกรงใจท่านน่ะ เกรงใจที่จะต้องไปอาศัยในกรงทองที่ท่านสร้างไว้รอ เฮ้อ

“ให้เร็ว ฉันให้เวลาแก 15 นาที Let’s go”

“ฮะ! น้อยไปป่าวแก” เธอตกใจเสียงสูง ล้างอะไรต่อมิอะไรยังไม่เสร็จเลย(อย่าคิดไปไกล)

“พ่อแกเบอร์ไรน้า ……..” มินนี่ลากเสียงยาวแล้วก็ใช้มือถือเคาะหัวตัวเองเบาๆอย่างคิดวิเคราะห์

จะเคาะทำไมเบาๆน่ะเคาะแรงๆไปเลย เดี๋ยวช่วยเคาะให้สมองไหลเป็นภูเขาไฟลาวาไปเลยดีมั้ยเผื่อจะนึกออก ได้ทีมีขู่นะ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างเถอะ!

แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้เพียงคือวิงวอนกับเพื่อนได้เพียงสายตาเท่านั้น

“อ้าว ยังไม่ไปอีก…..เอ่อสวัสดีค่ะคุณพ่อ”

เพี้ยวววว.....นี่คือเสียงที่เกิดจากการวิ่งต้านลมด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยมินนี่ คงได้แค่ฝากความแค้นเจ็บฝังลึกไว้ในใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป