บทที่ 9 บทที่ 4 คนดูแล (3)
“อะไรอีก” เธอถามเสียงเรียบ เมื่อปรับอาการให้เป็นปกติได้
“ฉันจะอาบน้ำช่วยสระผมให้หน่อย”
“อะไรนะ” เธองงมากมายกับชายปริศนาผู้นี้...เขานั้นเป็นใคร..แล้วตัวเธอเองเป็นใคร...เกี่ยวข้องอะไรกัน ทำไมเธอต้องไปสระผมให้คนไม่รู้จักด้วย...
“ก็สระผมไง มันเหม็นเหงื่อฉันเพิ่งออกกำลังการเสร็จ เดี๋ยวฉันจะไปที่อื่นต่อ” เธอยังคงขมวดคิ้วมองหน้าเขาอย่างงงๆต่อไป...ทำไมต้องเป็นเธอด้วย...ทำไม...
“ไม่เชื่ออีก..อะ..ให้พิสูจน์เลย” เขาปล่อยมือที่จับแขนเธอแล้วไปจับเสื้อตัวเองเพื่อจะยื่นให้เธอดม หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับการกระทำพิเรนๆของเขา
คนบ้าอะไรเอาเหงื่อให้ผู้หญิงที่ไม่รู้จักดม!
“อี๋ เชื่อก็ได้ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” เธอผลักเขาออกเบาๆ ชายหนุ่มยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่เลย
จะน่ารักและประทับใจกว่านี้ถ้าไม่ได้ยัดเยียดให้ฉันดมเหงื่อ เธอคิด
“นี่นายไม่ต้องมายิ้มเลย สระเองไม่เป็นหรอไง ฝันไปเถอะว่าจะสระให้” เธอยิ้มเลี่ยน
มาใช้ให้คนอย่างคีย์สระผมให้งั้นหรอ เกิดมายังไม่เคยสระให้ใครเลยนอกจากตัวเอง อย่าหวังเลยพ่อหนุ่มหล่อ
“นี่เธอ อยากโดนไล่ออกหรือไงฮะ ฉันขอร้องดีๆแล้วนะ” เขาเริ่มอารมณ์เสีย หญิงสาวสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากดวงตาของเขาที่จ้องเธอแข็ง...แต่เสียใจด้วยเพราะเธอไม่กลัวเขาหรอก
“นี่นาย ฉันไม่ใช่คนใช้นายนะ” เธอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้เพราะมันคือเรื่องจริงเพราะเธอไม่ใช่คนใช้!
“ข้ออ้าง” เขายืนกรานว่าเธอนั้นหาข้ออ้างในการไม่สระผมให้เขา
อ้าว นี่พูดความจริงก็บอกว่าเป็นข้ออ้าง เออแปลกคน เธอยังคงงงกับผู้ชายตรงหน้าอย่างมาก
“ข้ออ้างอะไรของนายฉันพูดเรื่องจริง” เสียงเริ่มดังขึ้น ความอดทนเธอก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเธอก็ต้องสระผมให้ฉัน เดี๋ยวนี้!” เขาเค้นเสียงที่มันฟังดูแล้วน่ากลัวขึ้นมาหลายเท่าตัว
“ไม่ นายเป็นใครทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของนายด้วย” เธอเองจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนกัน เอาสิ! และในตอนนี้ทั้งสองคนจ้องกันแบบจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้ว เหมือนเขาจะคิดอะไรได้บางอย่างก่อนที่จะเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วปานจรวด
“แน่ใจนะที่เธอจะทำแบบนี้น่ะ” เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ…ใกล้…ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนเธอต้องถอยจนติดกำแพงด้านหลัง หน้าหล่อๆนั่นยื่นเข้ามาใกล้หน้าสวยได้รูป...ใกล้จนสัมผัสกับไอร้อนๆที่มาจากการหายใจของเธอและเขา
อ๊ายจะทำอะไรเนี่ย
เธอรีบเบี่ยงตัวออกห่างแต่เขากลับใช้แขนทั้งสองข้างกั้นกำแพงเอาไว้
“จะทำบ้าอะไร” เธอพยายามพูดเสียงแข็งเพื่อให้บุคคลตรงหน้ากลัว...แต่ไม่เลย เขายังคงทำหน้าตาระรื่นตามปกติ
“เธอก็น่ารักอยู่นะ” แทนที่จะรู้สึกดีที่มีคนชมแต่กลับรู้สึกแย่กว่าเดิมเป็นพันเท่าเลยทีเดียวเชียวล่ะ ก็ชายที่อยู่ต้องหน้าเธอเขาพูดใกล้ๆหูจนสัมผัสถึงลมหายใจร้อนๆ ริมฝีปากอุ่นๆที่กำลังค่อยๆเลื่อนลงมาที่ต้นคอ
“นะ..นายจะทำอะไรของนาย หยุดนะโว้ย!” เธอแหกปากลั่นแต่ดูเหมือนห้องน้ำนี่จะเก็บเสียงหรือว่าคนข้างนอกไม่สนใจเธอกันแน่เนี่ย ทำไมไม่มีใครมาช่วยเธอเลยสักคน
“สั่งสอนเธอไง” เขาพูดอู้อี้อยู่ตรงลำคอหญิงสาวหน้าหวานอยู่อย่างนั้น เธออยากจะเถียงเหลือเกินว่าไม่ต้องสอนเพราะเธอมีพ่อแม่คอยสอนอยู่แล้ว ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งจับคางหญิงสาวให้เงยขึ้นมองหน้าเขา
“สอนอะ..ไร….” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
เขาก้มลงมาที่ต้นคอก่อนจะเลื่อนริมฝีปากจากต้นคอขึ้นมาเรื่อยๆมา และสัญชาติญาณ….เธอต้องพยายามขัดขืนสินะ
“โอ๊ย!!!”
ทั้งสองผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“สมน้ำหน้า”
“กล้าทำกันขนาดนี้เลยหรอ ยัยบ้า” เขาพูดพลางลูบหัวตัวเองเบาๆหลังจากที่โดนยัยผู้หญิงป่าเถื่อนผลักหัวเขาที่ซุกไซร้ต้นคอเธอไปโดนกำแพงที่อยู่ด้านหลังซึ่งชายหนุ่มคิดว่ามันค่อนข้างแรงมากสำหรับผู้หญิงโดยทั่วไป หญิงสาวที่เห็นรอบแผลที่มีเลือดซิบก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ
ฉันไม่ทำรุนแรงไปใช่มั้ย แต่ช่วยไม่ได้ฉันไม่ผิด
“กล้าดียังไงจะจูบฉันล่ะ”
“เฮ้ย! นี่เธอทำหัวฉันแตกเลยหรอ แรงคนใช่มั้ย” ชายหนุ่มเบิกตากว้างมองเลือดเพียงนิดเดียวที่เปื้อนมือแต่กลับบ่นเธอราวกับว่าทำหัวเขาทะลุอย่างนั้นแหละ
“มันไม่จบแค่นี้หรอก เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย” เขายิ้มมุมปากอย่างหยันๆ รอยยิ้มแบบนั้นมันน่าขนลุกชะมัด
“ยังไงก็จบ เพราะหลังจากนี้เราคงไม่เจอกันอีกแล้ว” เธอเชิดหน้าอย่างอวดดีเพราะคงไม่มีทางมาเจอกันอีกรอบเป็นแน่
“ก็ไม่แน่” เขายังคงยิ้มอยู่แบบนั้นจนมันน่าหมั่นไส้
“ไม่มีทาง No way!!!!!!!!!!!!!” เธอรีบเดินออกจากห้องไป หวังว่าจะไม่ตามมาหลอกหลอนเธออีกนะ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อเอเวล แล้วพบกันใหม่นะ” ยังไม่ทันขาดคำ จะบอกชื่อให้เธอไปหลอกหลอนก่อนกลับอีกทำไม นายเอเวล!!!!
