บทที่ 13 EP 02 ผู้ชายใส่สูท [3]
“พี่พูดจบรึยังครับ”
ได้ยินแล้วผมนี่ก้มหน้ากำหมัดกัดฟันกรอดเลยทีเดียว
“ถ้าพี่พูดจบแล้ว ผมขอพูดบ้างก็แล้วกัน พี่ต้องฟังนะ เพราะเมื่อกี้ผมฟังพี่แล้ว”
นี่มันมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองเรื่องนี้กับผมวะ งงใจกับมันจริงๆ
ผมถอนหายใจเซ็งๆ ไม่ได้พูดหรือแย้งอะไรหรอกเพราะเดี๋ยวมันจะไม่ได้พูดแล้วจะยิ่งเสียเวลา ปล่อยให้มันพูดๆ ไปนั่นแหละ ฟังผ่านๆ ก็พอ
“ต่อให้ผมจะต้องเป็นตัวเลือกสุดท้ายของพี่ แต่ผมก็อยากให้พี่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่จะยังมีผมเสมอ”
“มึงนี่มัน...” ผมตั้งใจจะด่ามันสักยกเพื่อมันจะมีสติ แต่พอเห็นมันยิ้มกว้างใส่ผมแถมแววตาของมันในเวลานี้ยังคงสดใสเหมือนเด็กก็ทำให้ผมพูดไม่ออก
ผมสูดหายใจลึกๆ ครั้งแล้วครั้ง พอตั้งสติได้ผมก็เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปประชิดตัวไอ้โอบก่อนจะนั่งยองๆ ตรงหน้ามันอีกรอบพร้อมกับกระชากข้อเท้าของมันเอาไว้ในกำมือ
“พี่ศิลา”
“นิ่งๆ กูจะพับขากางเกง”
“ผมพับเองก็ได้”
“กูบอกให้มึงนิ่งๆ ไง เดี๋ยวกูพับเอง พูดกับมึงแล้วกูเหนื่อย ทำเองน่าจะง่ายกว่า” ผมประชดใส่ ทีแรกก็คิดว่ามันจะพยายามเดินหนีแต่ก็เปล่าเลย เพราะอยู่ๆ ไอ้โอบก็ยืนนิ่งอย่างว่าง่าย ราวกับเป็นคนละคนกับไอ้เด็กหน้ามึนเถียงผมฉอดๆ อยู่เมื่อครู่
“แค่พับขากางเกงเอง ผมทำเองได้จริงๆ” เสียงของมันเบาลงอีกครั้ง แถมยังเหมือนจะติดสั่นอีกต่างหาก
“ลำพังแค่มึงหวีผมยังไม่เรียบร้อยเลย ถ้ากูให้มึงพับขากางเกงกูว่ามึงต้องพับสูงข้างต่ำข้างแน่ๆ”
“มันเป็นเทรนด์ไงพี่”
“เทรนด์มึงกับกูมันคนละเทรนด์กัน ไว้มึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแบรนด์กูเมื่อไหร่ มึงจะพับข้างหนึ่ง ไม่พับข้างหนึ่งก็เรื่องของมึง แต่ตอนนี้มึงใส่เสื้อผ้าที่เป็นผลงานของกูและกำลังจะเป็นสินค้าที่กูอยากให้มันขายดี เพราะงั้นมึงต้องฟังกูแล้วก็หุบปากได้แล้ว”
นี่น่าจะเป็นประโยคแรกที่ผมพูดกับไอ้โอบยาวที่สุดตั้งแต่ที่รู้จักกับมันมา เฮ้อ เหนื่อยชะมัด มันเป็นเด็กที่ชอบทำตัววุ่นวายตลอดเลยรึไง ไอ้จอมทัพมันทนได้ยังไงวะ ผมไม่เข้าใจเลยจริง
หลังจากที่ผมดุไปชุดใหญ่ ไอ้โอบก็ยืนเงียบเหมือนประชด เป็นใบ้ไปแบบฉับพลันกระทั่งผมพับขากางเกงให้มันเสร็จเรียบร้อยทั้งสองข้าง
ผมเช็กจนแน่ใจก่อนจะลุกขึ้นยืน ก้าวถอยหลังออกมาเพื่อมองภาพรวมของไอ้โอบอีกครั้ง ซึ่งก็รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ เหลือแค่แต่งหน้าให้มันนิดหน่อยกับเซตผม ซึ่งคงต้องรอทีมงานของผมก่อน อีกไม่นานก็น่าจะถึงกันแล้วมั้ง ควรต้องถึงได้แล้วนะ
“ก็แค่เนี๊ย ไม่ทำตัวมีปัญหากับกูสักวันมึงจะอกแตกตายหรือยังไง”
“ผมไม่ได้อยากมีปัญหากับพี่สักหน่อย ผมอยากมีความรักกับพี่ต่างหาก”
มันสลดได้ไม่นานจริงๆ นะโว้ยยย
“กูคิดว่ากูพูดชัดเจนแล้วนะ แต่ถ้ามึงยังไม่เข้าใจ กูจะพูดอีกรอบก็แล้วกัน” ผมพยายามหนักแน่นแล้วนะ ภาวนาให้มันรับฟังและคิดตามบ้างเถอะ ผมเหนื่อยกับมันจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว เวลาทำงานทั้งวัน ยังไม่เหนื่อยเท่ากับที่ต้องพูดกับมันสองสามประโยคที่ผ่านมาเลย
“กูไม่ได้รังเกียจมึงนะไอ้โอบ แต่ถ้าถามความเป็นไปได้เรื่องที่มึงพยายามอยู่กูก็บอกได้คำเดียวว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ในสายตากู กูมองมึงเหมือนน้องมาตลอด ฉะนั้นมึงช่วยเคารพกูในฐานะพี่สักทีเถอะ ถือว่ากูขอ”
“พี่แม่งโคตรใจร้ายเลย” มันสวนกลับมาทันทีตั้งแต่ที่ผมเพิ่งจะพูดจบ แถมยังทำหน้างอใส่ผมอีกต่างหาก พูดจบมันก็เดินหนีผมไปนั่งที่โซฟาแล้วไม่หันกลับมามองหน้าผมอีกเลย
อะไรของมันวะ
