บทที่ 5 EP 01 เข้าทาง [2]
“มึงมาพอดี พี่ทัพจะเอากำปั้นยัดปากกู โหดสัส” ผมรีบบอก
ไอ้อินเทลชำเลืองหางตามองมาที่ผม สีหน้ามันดูเอือมระอาผมนิดๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำเดียว
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
“เนี่ย มึงดูดิ เจ้าคิดเจ้าแค้นฉิบหายเลย”
“ไอ้เชี่ยโอบ”
“เขาพูดไม่เพราะด้วยนะมึง”
“ไอ้...”
“มึงจะปล่อยเสื้อกูได้รึยัง รีบๆ ไปเฝ้าบาร์ได้แล้ว กูฝากไอ้เต้ไว้ กูจะไปเยี่ยวบ้าง” ไอ้อินเทลบอกเสียงเข้ม สายตาดุๆ ของมันมองต่ำลงไปที่มือของผมที่ยังกำชายเสื้อของมันเอาไว้แน่น พร้อมกับถอนหายใจใส่หน้าผมหนึ่งที
“นี่มึงไม่คิดจะช่วยกูเลยรึไง”
“ถ้าต้องเลือกช่วยคนใดคนหนึ่งระหว่างพี่ทัพที่เขาเป็นจ่ายเงินเดือนกูกับมึงที่คอยแต่จะเป็นภาระกูเนี่ย ถามควายที่ไหนเขาก็ไม่เลือกมึงมั้ยไอ้โอบ” ไอ้อินเทลบอกเสียงเข้ม พูดจบมันก็กระชากข้อมือของผมออกจขากเสื้อของมันอย่างไร้เยื่อใย
“จำคำพูดของมึงไว้ก็แล้วกัน”
“ทำไม มึงจะทำไมกู”
“เปล่า พูดเท่ๆ ไปงั้น มึงคิดว่าพูดแบบนี้แล้วกูจะสำนึกเหรอ ฝันไปเถอะ กูสาบานว่ากูจะเป็นภาระมึงไปตลอดชีวิตนั่นแหละ” ผมบอกอย่างท้าทายก่อนจะเดินหนีหน้าไอ้อินเทลออกมา
บ้าฉิบ! ไหงกลายเป็นผมกับไอ้อินเทลยืนทะเลาะกัน ส่วนพี่จอมทัพกลับเดินยิ้มเผล่ไปล้างมือตั้งแต่ที่ไอ้อินเทลมาตราหน้าผมว่าเป็นภาระของมันไปได้ ผมแค่ให้มันออกค่าข้าวไปก่อนแล้วไม่ค่อยจะคืนเองนะ อีกอย่างตัวภาระที่ไหนจะหน้าตาดีแบบผม ชิ!
เอาล่ะ ไร้สาระมาเยอะแล้ว ผมว่ากลับเข้าเรื่องกันดีกว่า ก่อนอื่นเลยผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนก็แล้วกัน
ผมชื่อ ‘โอบเอื้อ’ เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำอยู่ที่ 69 Bar หน้าที่ของผมก็คือชงเครื่องดื่มให้กับลูกค้าตามความต้องการของพวกเขาเพื่อแลกกับเงินเดือนอันน้อยนิด (อย่าบอกพี่จอมทัพนะ รู้กันแค่เรา)
ผมทำงานที่นี่มาได้หกเดือนแล้ว พอๆ กับไอ้อินเทลนั่นแหละครับ เพราะมันกับผมมาสมัครงานพร้อมกัน ก่อนหน้านี้ผมกับมันผ่านงานผับบาร์ หรือร้านอาหารกลางคืนมากันหมดแล้ว เรียกได้ว่าทำมาทุกตำแหน่งเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ตั้งแต่พนักงานโบกรถกระทั่งพนักงานเฝ้าห้องน้ำ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเด็กสับเยี่ยวน่ะครับ)
จากนั้นก็ขยับตำแหน่งมาเรื่อยๆ จนมาถึงตำแหน่งผู้ชายบาร์เทนเดอร์ (Bar back) คร่าวๆ ระยะเวลาประมาณเกือบๆ ปี แต่แล้วพิษเศรษฐกิจก็ทำให้ที่ทำงานเก่าของพวกเราต้องปิดตัวลง ต้องหางานใหม่กันแบบไม่ทันตั้งตัว พอดีกับที่เดินผ่านมาเห็นป้ายหน้าบาร์ของพี่จอมทัพว่าต้องการรับสมัครบาร์เทนเดอร์ ผมกับไอ้อินเทลปรึกษากันอยู่ไม่นานครับ ประมาณสิบนาทีเพราะถ้ารีรอคือไม่ทันค่าเช่าห้องแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจลองมาสมัครดู ในใจคิดว่าถ้าไม่ได้เป็นบาร์เทนเดอร์ก็ขอเป็นเด็กโบกรถก็ยังดี ทว่าบาปบุญของผมหรือมันก็ไม่แน่ใจ เราทั้งคู่สามารถชงเครื่องดื่มถูกคอบวกกับกวนตีนถูกใจจนพี่จอมทัพเขาประทับในวันนั้นเขาก็เลยรับพวกเราเข้าทำงานทันที มิหนำซ้ำยังรับเงินเดือนในตำแหน่งนั้นเต็มจำนวนโดยไม่ต้องทดลองงานเหมือนกับที่อื่นๆ ที่พวกผมเคยทำมาด้วยซ้ำไป
เรียกได้ว่าผมกับไอ้อินเทลล้มลุกคลุกคลานกันมาพอสมควรทีเดียว ซึ่งสำหรับผมมันก็ไม่ได้แย่หรอกครับ ทั้งผมและมันประคองตัวเองกันจนเรียนจบและมีงานทำเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมาได้นี่ก็โคตรภูมิใจแล้ว
“โต๊ะสามค่ะพี่โอบ”
เดินกลับมาที่บาร์ได้ น้ำก็เดินมาบอกให้ผมคิดเงินค่าเครื่องดื่มของลูกค้าโต๊ะสามพอดี ผมรีบหันไปหยิบบิลที่เสียบอยู่ด้านหลังมาคำนวณค่าเสียหายทั้งหมดแล้วจดใส่ไปในบิล วางใส่ถาดยืนกลับไปให้เธอทันที
ตอนนี้เหลือลูกค้าในร้านอยู่สามโต๊ะแต่กำลังเช็กบิลหนึ่งโต๊ะกับที่เคาน์เตอร์อีกสองคน ซึ่งจากประสบการณ์ผมรับรองได้ว่าลูกค้าที่เหลืออยู่นี่คือคัดคุณภาพมาแล้วจริงๆ ว่าจะนั่งนานเป็นพิเศษ ไม่ได้เวลาปิดร้านไม่กลับง่ายๆ แน่
“หวัดดีไอ้โอบ”
“อ้าว สวัสดีครับพี่ศิลา แวะมาหาผมเหรอครับ” ผมยิ้มกว้างทันทีที่พี่ศิลาเดินตรงเข้ามาทัก
“กูมาหาไอ้ทัพ”
ไม่เสียใจหรอก แต่เสียหน้าเพราะไอ้อินเทลแม่งเดินกลับมาได้ยินดีพอดีเลย
