บทที่ 4 แพ้น้ำตาผู้หญิง

รถครอบครัวเจ็ดที่นั่งแต่ถูกพับเบาะเก็บมาไว้ใช้สำหรับการรับส่งสัตว์เดลิเวอรี่ภายในคลีนิก แล่นมาจอดเทียบลาดจอดหน้าคอนโด บลูลอบผ่อนหายใจออกมาหลายเฮือก เพราะไม่ได้เต็มใจจะกลับนัก เหลือบมองคนขับเล็กน้อย

“ ขอบคุณนะคะ “

“ ให้ผมไปส่งไหม “

“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เองสบายมาก “

ปลดล็อกเข็มขัด เตรียมจะลงในขณะฝั่งตรงข้ามวิ่งมาประคอง ดูแลหล่อนอย่างนี้เสมือนไข่ในหิน

“ ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิ “

“ บลูไม่มีเวลาขนาดนั้น “

“ บลูมี แต่ไปใช้กับอย่างอื่นหมด “

หญิงสาวเม้มปากนิ่ง ทำหน้าฉงน

“ หมอนนท์...”

“ หรือว่าไม่จริง “

“ เฮ้อ.. ส่งแค่นี้พอนะคะ ที่เหลือบลูไปเองได้ หมอกลับไปทำงานเถอะค่ะ ฝากดูแลไข่กวนด้วยนะ มันยังมีโอกาสจะรอด “

บอกปัด เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย ในขณะหมอนนท์ประคองมาส่งถึงหน้าลิฟท์

“ โอเคครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรมาเช็คนะครับ “

“ หืม เช็คอะไร “

“ เช็คว่าบลูแอบไปเฝ้าใครหน้าผับอีกหรือเปล่า”

“ หมอรู้...”

“ ห๊า! มันจริงเหรอ “

“ เอ๋...นี้หมออำบลูเหรอ “

ร่างบางถึงกับทำตาโตทันที ในขณะคนข้างๆหัวเราะร่วน พอใจหนักที่สามารถแกล้งหล่อนได้ ทว่า กลับต้องมาชะงักเพราะเสียงนี้ ติ้ง! พร้อมกับใครคนนึงยืนอยู่ข้างใน ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง

“ เอ่อ...”

ยืนนิ่งไม่ไหวติง หน้าจ้องมองผ่านคนทั้งคู่เสมือนเป็นอากาศ ทำบลูที่เห็นถึงกับหน้าร้อนผ่าวทันที นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วเสียวสันหลังไม่หาย

“ ลิฟต์มาแล้ว งั้นบลู.. ไปก่อนนะ”

โบกมือลาหมอนนท์เสร็จ จึงก้าวเท้าเข้าไป อยากจะเอื้อมมือไปกดชั้นที่ตัวเองนั้นไป ทว่ากลับไม่กล้า เพราะร่างสูงยืนบังอยู่ ก่อนหน้าจะแห้งเหือดหนักกว่าเก่าก็ตอนที่คุณคอปเอื้อมไปกดให้

“..........”

บลูถึงกับยืนแข็งทื่อ งงสุดๆ เขาลงมาจนสุดทางแล้ว ทำไมถึงไม่ออกจากลิฟท์ล่ะ แถมยังจะกลับไปชั้นเดิมที่มาอีก

.....ตายแล้ว นี่ฉันต้องทนยืนอึดอัดข้างผู้ชายคนนี้ จนกว่าลิฟต์จะเปิดเหรอ..ไม่นะ!

หลังลิฟต์ปิด ขณะอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมเหล็ก รอเวลาจะถึงจุดหมาย มือน้อยๆบีบผสานเข้าหากันตรงหน้าขาจนเจ็บ บลูเอาที่ก้มหน้านิ่ง จนกระทั่ง...

“ ฟู่ววว...”

เสียงผ่อนลมหายใจลั่นออกมาทำลายความเงียบนั้น

“............”

“ ทำตัวแบบนี้ ถ้าไอ้เด็กช่างนั่นรู้เข้า จะไม่เป็นเรื่องเอาเหรอ “

บลูถึงกับชะงักทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับริมฝีปากที่เม้มสนิท

“ อะไรของคุณ พูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ “

“ ความหมาย ไม่น่าจะเข้าใจยากนี่ “

“ ............”

คิ้วโค่งได้รูปขมวดเข้าหากันเป็นระลอก ก่อนจะคลี่คลายออก เปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งแทน ก็ตอนประโยคนี้หลุดมา

“ คนนี้คนที่เท่าไหร่อีกล่ะ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆเลยนะ “

“ นี่คุณ!!! ”

เสียงหวานตะเบ็งเดซิเบลท่วมลิฟต์ หล่อนตกใจมากกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากผู้ชายหน้าหวานคนนี้ได้ ช้อนตามองปากสั่นระริก อะไรกันกับแค่น้องชายเธอไปทำรองเท้าเขาเสียหาย ถึงขั้นตามราวีกันขนาดนี้เชียวหรือ

“ มากไปรึเปล่า “

“ ..............”

“ นอกจากเรื่องเมื่อคืนแล้ว ฉันยังไปทำเรื่องอื่นให้คุณไม่พอใจอีกรึไง ถึงได้พูดเหมือนเกลียดกันขนาดนี้น่ะ “

ถามคืนกลับไปบ้าง มือบีบเข้าหากันแน่น หล่อนจ้องมองผู้ชายหน้าตัวเมียคนนี้ให้มันเต็มตา จิกตามองเข้าไปนัยย์ตานั่นลึกๆ อยากจะรู้นัก ใจเขามันใช่ผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า หรือ ทำให้เห็นแต่ภายนอก แล้วภายในนั้นใส่ผ้าถุงอยู่

“ ก็แค่พูดตามภาพที่เห็น คุณไม่ได้เป็นแบบนั้นก็อย่าร้อนตัวซี “

“ จะไม่ให้ร้อนตัวได้ยังไง ในนี้มันมีแต่ฉัน ก็แล้วถ้าคุณไม่ได้ถามฉัน คุณจะถามใครล่ะ แล้วไอ้คำพูดพวกนี้ มันเหมาะสมแล้วเหรอ กับผู้ชายมาถามผู้หญิง “

บลูเหลืออด โพล่งออกมาซะยาวเหยียด ในขณะน้ำตาข้างนึงไหลลงมาอาบแก้ม นั่นเลยทำให้คนตัวสูงอย่างคุณคอปเงียบไปเลยทันที ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม เสมือนกำลังถามตัวเองอยู่ เอ้อ...คงใช่ เขานั้นพูดแรงไปหากแลกกับรองเท้าที่พังไปเพียงคู่เดียว  ทำท่าจะดัดปากที่มันหนักพูดคำว่าขอโทษ ทว่า บานประตูลิฟต์กลับเปิดออกซะก่อน พร้อมร่างเขาถูกผลัก ต่อหน้าต่อตาคนมายืนรอ

ผลั่ก!

“ แล้วอีกอย่าง ไอ้เด็กช่างที่ว่าน่ะ นั่นมันน้องชายของฉัน! “

ปล่อยให้เขายืนอึ้ง กับคำพูดประโยคนั้น...

...น้องชายเหรอ?? ....

.... แล้วทำไมต้องยอมให้น้องทำร้ายขนาดนั้นด้วย ...

“ บ้าจริง! “

กัดฟันสบถเพียงลมปาก ขณะยังยืนนิ่งอยู่ในลิฟต์

“ ไม่อยากจะเชื่อเลย หมอนั่นลงทุนขึ้นลงลิฟต์สองรอบ เพียงเพราะจะด่าฉัน..”

มือบางตะปบเข้ากับแก้มนิ่ม พลางลูบไปมาระบายความหงุดหงิด หลังจากเดินฟุดฟิดมาจนถึงห้อง วันนี้หล่อนรู้สึกเหนื่อยมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ ทำไมถึงได้มาทำร้ายหล่อนทีเดียวพร้อมกันถึงสองเรื่องนะ

“ ฟู่ววว! นี่ฉันทำเพื่อใครอยู่ “

ปากบ่น ลุกขึ้นไปหาน้ำมากินยา ตาเหลือบมองไปยังรูปพ่อ ที่ติดอยู่ตรงฝาผนัง

‘ สัญญากับพ่อ ว่าบูลจะเคี่ยวเข็ญน้องจนกว่ามันจะเรียนจบ ‘

‘ .......’

‘น้องไม่มีใคร ในอนาคตข้างหน้า ไม่มีใครสอนเขาได้ดีกว่าลูกของพ่อ บลูคือตัวแทนพ่อ ที่จะดูแลน้องให้เป็นคนดีได้ อย่าทิ้งน้องนะลูก....’

ปึง!

แก้วน้ำใสใบที่ถืออยู่กระทบโต๊ะเพราะมือของบลู ขณะหัวคิ้วตอนนี้บีบเข้าหากันจนเกิดปม ปากที่เม้มแน่นเป็นเส้นตรงนั้นทำเธอจุกพูดไม่ออก เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของพ่อก่อนตาย แล้วเกิดเจ็บตรงหัวใจจัง ทำไมนะ? ทำไมบอลถึงไม่รู้สึกบ้าง ว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน?? ซึ่งถ้าเปรียบกับอิงอร ผู้หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงของหล่อน ที่หวังจะมาฮุบสมบัติ ทว่าพลาดท่าไปท้องเขาแล้วละก็.. ไม่รักเขา แม้แต่เศษเสี้ยวของพ่อเลยสักนิด

“ เฮอะ..แถมยังคิดจะเอาแกออกด้วยซ้ำ “

บลูปากสั่นระริก มือที่บีบแก้วแน่นทำน้ำภายในนั่นสั่นไปมา ความคับแค้นใจที่ไม่เคยเผยขึ้นมาก่อนในรอบหลายปีมานี้ ผุดขึ้นมาอีกครั้ง หลังผู้หญิงคนนั้นโทรมาเหน็บเธอ  นั่นก็เพราะหล่อน มัวเสวยสุขอยู่กับสามีใหม่โดยสมบัติของพ่อ ไม่สนใจเลยว่าลูกคนโต และคนเล็กแถมเป็นเจ้าชายนิทรา จะเป็นอย่างไรบ้าง

“ เลว... ถ้าพ่อฉันไม่จ้างให้แม่แกเกิดแกมา แกจะมีวันนี้มั้ย? ”

เลิกคิ้ว เก็บกด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ หายใจหอบรัว..

" มันจะไหวหรอกพ่อ ไหนจะต้องดูแลตาบีมอีก ฮึก.. ฉันเหนื่อยแล้วนะพ่อ! ฮือๆๆ "

บทก่อนหน้า
บทถัดไป