บทที่ 8 เก็กจนเสียเรื่อง
ร่างบางเดินโซซัดโซเซลงมาจากรถตอนเจ็ดโมงเช้า หล่อนอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มที กว่าจะลากขามาถึงกล่องลิฟต์ได้ กินเวลาไปมากมายเลยทีเดียว
ติ๊ง!
ชั้นที่สิบ ประตูเหล็กเปิดออกหลังหล่อนมาถึง ทำบลูชะงัก เปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าสลดเป็นหน้าบึ้งตึงไปเลยทันที
“ ไอ้บอล แก...”
ผั๊วะ! ผั๊ว! ผั๊ว!
“ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย “
หวดกำปั้นลงกลางหัวไม่ยั้ง ทำผู้หญิงที่มากับเขาด้วยถอยหลังกรูด ขณะบอลตอนนี้ปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน
“ นี่แกพาผู้หญิงมานอนในห้องฉันเหรอ “ เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นตอนประโยคท้าย หล่อนหลบตาแทบไม่ทันด้วยความละอาย " ไหนแกบอกว่า จะมาหาฉันที่โรงพยาบาล! "
“ เปล่านะพี่ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เธอเป็นเพื่อนที่วิทลัย “
“ โกหก! เพื่อนแกสิ หน้าแก่กว่าฉันแบบนี้ “
ใส่อารมณ์ยับ กะจะทุบลงไปอีกแต่คราวนี้บอลหลบทัน ฉีกตัวเองออกไปยืนไกล แล้วชี้หน้า
“ พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ “
“ เออ! ฉันบ้า! “
ตอบทันควัน พร้อมดวงตาตะลึงโต แล้วถึงมาถอนหายใจเอาภายหลัง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ใน กับความรู้สึกของเธอที่พกติดมาตอนชั่วโมงก่อนหน้า
“ บ้าเพราะน้องฉันตาย...ฮืออออ”
ปล่อยโฮทรุดนั่งลงตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินไปยังห้องของเธอ หมดความอายแม้ว่าใครจะมอง ส่ายหน้ารัวซะจนเส้นผมพันกันยุ่งเหยิง ขณะบอลตอนนี้หลังได้ยิน ยืนอึ้งไปแล้ว
“ พี่ว่าไงนะ...”
“ บีม...บีมมันตายแล้ว...”
แล้วมาแข็งทื่อเอาอีกทีก็ตอนได้ยินมันชัดๆ แต่ทว่า..เขาแค่ก็ช็อกแค่แปปเดียว กะพริบตาลงทีเดียวก็เหมือนได้ไล่ความรู้สึกนั้นไปแล้ว ง่ายดายเหมือนปัดทรายลงจากผ้า บอลไม่ได้รักน้องอะไรขนาดนั้น แค่รู้สึกใจหาย ไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ได้เสียใจ
“ พี่..ลุกเถอะ นะ.. มันอายเขา “
ยื่นมือกะจะดึงบลู ทว่า ต้องชะงัก เมื่อเจอสายตาอาฆาตช้อนขึ้นมองกลับมา
“ ไอ้เด็กระยำ “
“ .............”
“ กลับไปอยู่กับแม่แกเดี๋ยวนี้เลยนะ!!! “
สติแตก ผุดลุกขึ้นพรวดมาขยุ้มคอเสื้อชอปจนบอลตกใจ ไม่ต่างกันเลยในตอนนี้ที่คนเดินผ่านมาพากันงง รวมถึงใครคนนึงที่เท้าสะเอวมองอยู่ไม่ไกลด้วย เขาก็แค่อยากรู้เท่านั้น ใครมันมาเอะอะโวยวายอะไร ปลุกให้ตื่นจากการหลับสบายเดินมาแง้มประตู แต่ไม่คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้
.....พี่น้องตีกัน....
....เรื่องอะไร ใครตาย?? .....
“ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย พี่บ้าไปแล้วรึไง ไอ้บีมน่ะมันตายไปตั้งนานแล้ว ที่เห็นน่ะ มันก็แค่ร่างกับเครื่องช่วยให้มันไม่เน่าก็เท่านั้น พี่จะหลอกตัวเองทำไม พี่เป็นหมอ พี่ไม่รู้เหรอ?! “
บอลดันตัวบลูออกจนสำเร็จ เลยได้โอกาสมายืนเถียง ทว่า คำพูดนั้นกลับเหมือนซ้ำเติมหล่อนให้สติแตกเข้าไปอีก
“ ไอ้บอล! “
“ พอเถอะพี่! อายเขา! “
“ .................”
จ้องหน้าบอลเขม็ง
“ ตามใจ พี่จะบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ ตั้งศพวัดไหนบอกด้วยก็แล้วกัน ไปอั๋น “
ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะคว้าแขนผู้หญิงที่พามาด้วย วิ่งไปทางบันไดหนีไฟ เพราะบลูยืนขวางอยู่หน้าลิฟต์
“ ไอ้บอล กลับมาเดี๋ยวนี้นะ แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! “
ขยี้หัวตัวเองอย่างกับคนบ้า เหลือบตามองคนที่เอาแต่มองเธอ จึงจะได้สติขึ้นมาหน่อย แล้วถึงจะเดินไปยังห้องตัวเอง ทว่า... ร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่หลังประตู ขณะมันแง้มออก เด่นซะจนทำเธอที่กำลังจะหาคีย์การ์ดต้องหยุดสบตา
“...............”
คอปไม่ได้พูด หรือ ถามอะไรเธอ เกี่ยวกับเรื่องที่เธอโวยวายจนทำเขาตื่น แต่กลับขมวดคิ้วเป็นปมส่งหน้าฉงนกลับไปให้ ก่อนจะถลาเข้าไปคว้าร่างบางไว้ ในจังหวะที่บลูล้มลงมาพอดี ความเหนื่อยล้าที่ไม่ได้นอนทั้งคืน บวกกับอาการช็อคไม่หาย ส่งผลให้เธอเป็นลมล้มพับ ซึ่งในความอ่อนแอของหล่อนตอนนี้ ก็หมือนจะมีความเข้มแข็งแฝงอยู่ หล่อนขับรถกลับมายังคอนโดได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
“ ไปฝ่ามรสุมที่ไหนมาวะนี่ สภาพอย่างกับโดนข่มขืน “
คอปบ่นพึมพำตามประสาคนปากเสีย ก่อนจะยกอุ้มร่างเธอ แล้วพาเข้าไปยังห้องที่สะดวกที่สุด นั่นคงหนีไม่พ้นห้องที่แง้มประตู คือห้องของเขาเอง ...
หลังจากคุณคอปอุ้มบลูมาวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ ร่างสูงก็เอาแต่ยืนเฉย มองตั้งแต่หัวจรดเท้าหล่อนแล้วแค่นหัวเราะ นึกถึงตอนที่สาวเจ้าทุบไหล่น้องชายไม่ยั้งพาขำไม่หาย นี่คืออีกด้านนึงของหล่อนหรือ?? ยามที่โมโหอะไรถึงขีดสุดแล้ว เป็นแบบนี้ใช่ไหม.. ร่างสูงขบคิด ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ ขณะท่อนบนไม่มีอะไรปกปิด เกือบเผลอยื่นมือใหญ่ไปลูบหน้า เมื่อนึกขึ้นมันไม่ควร จึงชะงักดึงกลับ
" ฟู่ววว อะไรวะไอ้คอป "
สบถกับตัวเองเบาๆ ทำท่าจะดีดตัวเองขึ้นมา ทว่า
" กรี๊ด!!! "
" เฮ้ย!! "
บลูตื่น ลืมตาโพลง หล่อนตกใจหนักที่เห็นคุณคอป
" ฉะฉัน ฉันอยู่ที่ไหน "
หันซ้ายหันขวา ถามหน้าตาตื่น คุณคอปถอนหายใจปร๋อ ทีแรกนึกว่าหล่อนเป็นอะไรหนัก ที่ไหนได้... ผวาหน้าเขา
" ห้องผม! "
" ห๊ะ! ห้องคุณ พาฉันมาทำไม "
" ......"
เสียงบลูหายไปตอนประโยคท้าย หลังจากสมองลำเรียงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ สีหน้าจากที่ตกใจเปลี่ยนไปทันที เหลือเพียงแววตาสลด หรี่ลงต่ำแทน
" ฮึก.."
คุณคอปขมวดคิ้วเข้าหากันอีกระลอกก็คราวนี้ ที่เห็นอาการของหล่อน นัยย์ตามีน้ำใสๆ คลอออกมา จากนั้นมันหล่นลงบนที่นอนเขา
" คุณโอเคใช่ไหม "
" ฉัน... "
บลูเงยหน้าขึ้น กะจะตอบคำถามนั้น แต่กลับถูกกลืนหายไป เพราะลำคอมันตีบ เปล่งเสียงไม่ออก คุณคอปเดินหายเข้าไปในโซนครัว ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ยื่นไปให้คนตรงหน้า
" ผมว่าคุณเหนื่อย "บลูรับมันไป แล้วดื่มทีเดียวจนหมด " พักก่อนก็แล้วกัน "
ร่างสูงทำท่าจะหมุนตัวกลับไปเก็บแก้ว ทว่า
" พักไม่ได้ค่ะ "
" ......"
" ฉันต้องไปวัด "
" หืม..."
" น้องชายฉันเสียน่ะค่ะ ฉัน..ฉันเลยต้อง..เอ่อ.."
" คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่มะ"
"......."
" งั้นมีอะไรให้ผมช่วยก็บอก "
" อะ เอ๋..."
คุณคอปเอาแต่ยืนนิ่งไม่หืออือ หลังเพิ่งรู้ตัวว่า ได้พูดอะไรที่เผลอไผลออกไปแล้ว มองร่างบางบนเตียงแววตาว่างเปล่า กลบเกลื่อนไม่ให้หล่อนรู้ว่าเขานั้นคิดอะไรอยู่ เมื่อรู้สึกตัวเองเริ่มเสียฟอร์ม แสดงอาการนอกเหนือสิ่งที่ต้องการ เลยปรับเปลี่ยนใหม่
" แฮ่มมม "
"......."
" มีแรงแล้วใช่ไหม ออกไปสิ "
" ห๊า..."
ซึ่งคำพูดและการกระทำนี้ ทำบลูหน้าเหวอไม่เบา ตามไม่ทันกับความคิดผู้ชายคนนี้ ที่มันมีหลายอารมณ์ซะเหลือเกิน
" เอ่อ..เรื่องงานศพ"
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ! "
หล่อนเชิ่ดหน้าขึ้น กระแทกกระทั้นเสียง ขัดกลางคัน
" เดี๋ยวฉันจะปรึกษาเรื่องนี้กับทางโรงพยาบาล เรื่องพาศพไปวัดจิตอาสาคงจะพอมี "
" คุณแน่ใจนะ "
เหลือบตามองคุณคอปนิดหน่อย หล่อนรู้เขาหมายถึงอะไร เรื่องเงินใช่ไหม??
" น้องชายฉัน ฉันจัดการเองได้ ฉันมีเงิน"
" เฮอะ! ผมรู้ ..ไม่มีเงินจะมาซื้อคอนโดแบบนี้ได้เหรอ "
" อึก...."
แทบสำลอกน้ำลาย หลังถูกแทงใจดำเพราะหนุ่มข้างห้อง หล่อนไม่อยากจะบอกหรอก คอนโดและรถที่มีมาน่ะ มันมีมาตั้งแต่พ่อหล่อนยังไม่ตายโน่น ปัจจุบันหรือ... ครึ่งหมื่นจะถึงรึเปล่า
" ไอ้ที่ผมถามว่าแน่ใจไหมน่ะ มันคือตัวคุณ ก็เห็นทำอะไรคนเดียว "
"......."
บลูเชิ่ดคาง เบือนหน้าหนีอีกครั้ง ทว่าต้องมาชะงักกับประโยคนี้ ที่ถูกคนตัวสูงกวนตี.....ใส่
" อ้อ! ผมลืม คุณมีหนุ่มหน้าตาดีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ นี่นะ "
" อะไร"
ชำเลืองหางตามามอง ปากเจ่อถาม
" ก็ไอ้หมอนั่นไง หมอนนท์ของคุณน่ะ "
" นี่! "
" เฮอะ"
" มีเรื่องไหนของฉันบ้างที่คุณไม่รู้เนี่ย "
กลายเป็นสงครามขนาดย่อม ต่อปากต่อคำต่างคนต่างไม่ยอมกัน
" ก็.."
" ว่าไง??? "
" ......"
เงียบ ...
คนถูกถามเปลี่ยนเป็นเสยผมปรกหน้าขึ้นอย่างหัวเสียทันที บลูเห็นอย่างนั้นถอนหายใจรัว เถียงกับเขาก็ใช่จะเลิกเสียใจได้ เมื่อรู้ถึงสิ่งที่จะต้องไปทำอีกหลายรายการถัดไป จึงลุกขึ้นยืน
" จะไปไหน "
" กลับห้องฉันน่ะสิ ถามแปลก "
ตัดบทแบบขอไปที ไม่อยากจะเสวนาด้วยอีกแล้ว เปิดประตูห้องทำท่าจะเดินออก แต่ทว่า...
" เดี๋ยว "
" อืม ขอบคุณ พอใจยัง? "
แอด...ปัง!
" เปล่า...ผมแค่จะบอกว่า งานศพน่ะ ไปด้วยได้มั้ย..."
ประโยคหลังพึมพำคนเดียว เพราะหล่อนปิดประตูไปก่อนแล้ว มาฟาดฟันเอาภายหลังกับเท้าเตะกลางอากาศในห้องของตัวเอง
" โถ่! ไอ้คอป ทำไมถึงช้าแบบนี้! "
