บทที่ 11 11
“คุณไปนอนเถอะแมรี่ ดึกมากแล้ว เป็นห่วงสุขภาพตัวเองบ้าง”
เพียงประโยคสั้นๆแต่ก็ทำให้แมรี่ยิ้มกว้างยิ่งขึ้น หล่อนพยักหน้ารับแล้วบอกว่า
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ งั้นฉันไปนอนล่ะ”
“ผมห่วงคุณเสมอนั่นแหละ” แซ็คพูด ก่อนจะเดินผ่านแม่บ้านกลับห้องของตัวเอง โดยมีสายตาของแมรี่มองตามไปจนลับ
แววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังบางประการฉายชัดบนใบหน้าอัปลักษณ์ รอยยิ้มปลื้มปริ่มที่ผุดขึ้นตรงมุมปากยากนักที่จะลบเลือน
แซ็คเป็นเจ้านายที่น่ารักเสมอ เขาทำเหมือนหล่อนเป็นคนในครอบครัว ไม่เคยรังเกียจสภาพที่น่าเกลียดของหล่อน
หล่อนจึงรักและเคารพแซ็คสุดหัวใจ ไม่ว่าอะไรที่ทำเพื่อแซ็คได้ หล่อนก็พร้อมที่จะทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นๆจะเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิดก็ตาม !
ช่วงสายของวันต่อมา
ทันทีที่รู้ข่าวจากวัชรพงษ์คนสนิทว่านายอำเภอไม่รู้เรื่องที่ภาคภูมิกับแวววิวาห์จะจดทะเบียนสมรสกัน ชายหนุ่มร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมตบโต๊ะดังปังอย่างหัวเสีย
“ว่าไงนะ พูดชัดๆอีกที”
“เอ่อ...” วัชรพงษ์สูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ก่อนระบายออกมาเพื่อบังคับสติตัวเองไม่ให้กระเจิงไปตามแรงอารมณ์ของผู้เป็นนาย ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้มว่า “นายอำเภอไม่รู้เรื่องที่เราเชิญท่านให้มาจดทะเบียนสมรสในงานแต่งเมื่อวานนี้ครับ”
“แล้วคนที่อ้างว่าตัวเองเป็นนายอำเภอที่มาเมื่อวานนี้ล่ะเป็นใคร คิดว่าหัวล้านๆหน้าตาคล้ายๆกัน เลยไม่ได้เอะใจ” ภาคภูมิขมวดคิ้วมุ่น หวนนึกถึงชายวัยกลางคนหุ่นอวบอ้วนที่มีศีรษะล้านเลี่ยนที่เขาพบตอนช่วงเวลาพลบค่ำของวันวิวาห์ จะว่าไปแล้วครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบนายอำเภอตัวจริงก็นานเกือบปีแล้ว เหมือนเมื่อก่อนนายอำเภอจะมีรูปร่างผอมกว่านี้เยอะ
“อาจจะเป็นน้องชายครับ เพราะพี่น้องหน้าตาเหมือนกันมาก หัวก็ล้านเหมือนกันด้วย”
ภาคภูมิตาสว่างวาบ วันนี้เขามาบริษัท แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน เพราะเอาแต่นั่งคิดนอนนึกว่าเจ้าสาวคนสวยของเขาหายตัวไปได้อย่างไรกัน
ปริศนาที่ยังไม่ได้รับคำตอบทำให้เขารู้สึกร้อนรนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ใช่เพราะเป็นห่วง แต่เพราะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกหยามศักดิ์ศรีในวันมงคล ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่กล้าพาแวววิวาห์หนีไปจากเขา เขาจะจัดการมันอย่างสาสม ให้ลืมคนที่ชื่อภาคภูมิไม่ได้ไปชั่วชีวิตเลยทีเดียว
“แล้วน้องชายนายอำเภอชื่ออะไร ทำไมไม่พาตัวมาหาฉัน”
“นายอำเภอชื่อสมชาติ น้องชายชื่อสมชาย เป็นฝาแฝดกัน หุ่นแตกต่างกันนิดหน่อย แต่ถ้าไม่สังเกตจะแยกไม่ออกเพราะมีผมทรงเดียวกัน ตอนแรกผมคิดจะพาคุณสมชายมาพบคุณภาคภูมิ แต่นายอำเภอสมชาติบอกว่าน้องชายไปเที่ยวต่างจังหวัดตั้งหลายวัน ตอนนี้ยังไม่กลับเลยครับ”
“ไปเที่ยวยังไม่กลับ ?” ภาคภูมิเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะขว้างแฟ้มลงที่พื้น พร้อมตวาดลั่น “ถ้ายังไม่กลับ แล้วใครวะที่แอบอ้างเป็นนายอำเภอ”
“เอ้อ... ผม ผมไม่ค่อยแน่ใจ”
“ไปสืบมาอีกที เรื่องนี้ชักน่าสงสัย ฉันให้เวลาแก3อาทิตย์ รีบหาตัวไอ้นายอำเภอจอมปลอมนั่นมาให้ได้”
“คะ...ครับ ผมจะรีบจัดการครับ” วัชรพงษ์เอ่ยระล่ำระลัก ก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาภาคภูมิในตอนนี้
“จะรีบจัดการก็รีบไปซะทีสิวะ มายืนเหงื่อตกอยู่ได้ เดี๋ยวก็ถีบซะนิ”
“ครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ” ลูกน้องกล้ามโตรีบรับคำก่อนจะหันหลังออกจากห้องทำงานของผู้เป็นนายทันที โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไว้เหมือนเดิมด้วย
ภาคภูมิขบกรามจนเห็นเป็นสันนูน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ผู้บริหาร มือกำเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาฉายแววครุ่นคิด
เขาอยากจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติ เพราะกล้องทุกตัวในบ้านของเขาถูกปิดการใช้งาน
คนที่รู้ตำแหน่งกล้องวงจรปิดจะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องในบ้านของเขาดีทุกซอกทุกมุม บางทีอาจจะเป็นคนในบ้านของเขาก็เป็นได้ แต่จะเป็นใครกันล่ะ... ?
ใครกันที่เป็นหนอนบ่อนไส้ เป็นคนของศัตรูที่แฝงตัวมาอยู่ใกล้ๆเขา ใครกัน !
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาต้องกลายเป็นผู้ชายเปื้อนคำนินทา เมื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างละเลงข่าวว่าพิธีวิวาห์ของเศรษฐีหนุ่มล่มกลางคันเมื่อเกิดไฟไหม้ที่บอกถึงลางร้ายขึ้น อีกทั้งเจ้าสาวยังตกใจจนเป็นลมหมดสติไป
เรื่องที่แวววิวาห์จะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ เขาไม่สนใจ เขาแค่แค้นใจที่มีคนกล้ามาหยามหน้าเขาแบบนี้ แถมทำให้เขาเสียชื่ออีกด้วย
อย่าให้รู้ตัวเชียวนะ เขาไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆแน่ !
ระหว่างที่อารมณ์กำลังพุ่งพล่านอยู่นั้น ประตูก็ถูกเคาะก่อนที่ใบหน้าแฉล้มของสาวไทยที่ย้อมผมเป็นสีทองอร่ามจะยื่นเข้ามารายงานเสียงแจ๋วว่า
