บทที่ 2
เอ็มม่าตัวแข็งทื่อ ไม่นะ ฉันคงหูฝาดไป เธอแอบมองลอดมุมห้องไป และความหวังสุดท้ายในชีวิตของเธอก็ดับวูบลง แมตต์ยืนอยู่ที่ประตูห้องของเธอ มือของเขากำลังลูบไล้ไปทั่วตัววิเวียน รูมเมทของเธอ วิเวียนเงยหน้ามองเขาแล้วสางนิ้วเข้าไปในเรือนผมของเขา เสื้อผ้าของทั้งคู่ยับยู่ยี่ ไม่ต้องใช้จินตนาการมากนักก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่
“เลือกฉันหรือเลือกหล่อน แมตต์” วิเวียนพูดเสียงออดอ้อนขณะใช้นิ้ววาดวงกลมบนแผงอกของแมตต์ “เลือกฉันหรือเอ็มม่า”
“เป็นเธอสิ วิฟ” แมตต์ตอบ “เธอคือคนที่ฉันอยากอยู่ด้วย”
หัวใจของเอ็มม่าแตกสลายและหยดร่วงลงบนพื้นโถงทางเดินราวกับน้ำฝนที่ชุ่มโชกตัวเธอ เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่เสียงนั้นก็เล็ดลอดออกมาจนได้ วิเวียนหันขวับไปตามเสียงนั้น เธอยังพอมีมารยาทที่จะทำหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา
“ดูเหมือนว่าเราจะมีคนดูซะแล้วสิ ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ บางทีเราอาจจะแสดงให้ดูสักรอบก็ได้นะ”
ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้าใส่เอ็มม่า ความทรยศ ความโกรธ ความเศร้า การปฏิเสธความจริง เหนือสิ่งอื่นใด เธออยากจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้นให้ไกลที่สุด เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ฉันต้องฟังผิดไปแน่ๆ เธอคิด ใช่สิ มันต้องเป็นการเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินพ้นมุมห้องออกไป รอยยิ้มเยาะหยันของวิเวียนจางหายไปจากใบหน้า ส่วนแมตต์ก็หน้าซีดเผือด
“เอ็มม่า” แมตต์อุทานเสียงแผ่ว “ฉัน—”
“ตายจริง” วิเวียนพูดขึ้นหลังจากหายจากอาการตกใจชั่วครู่ ขณะที่ยังคงเกาะแขนแมตต์ไว้แน่น “ดูเหมือนว่าเราจะถูกจับได้ซะแล้วสิ ฉันว่ามันก็ดีเหมือนกันนะ ถึงเวลาที่เราจะเปิดอกคุยกันเรื่องนี้เสียที” วิเวียนยิ้มให้เอ็มม่า ดวงตาของเธอมีประกายเจ้าเล่ห์ เอ็มม่ารู้ดีว่าสภาพของตัวเองเป็นอย่างไร ผู้หญิงที่น่าสงสาร เปียกปอน และใจสลาย และเธอก็รู้ว่าวิเวียนคงจะมีความสุขแค่ไหนที่เห็นเช่นนั้น วิเวียน สโตน มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย หนุ่มๆ รักเธอ ส่วนสาวๆ เกลียดเธอ เธอขึ้นชื่อเรื่องการแย่งแฟนชาวบ้านและทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น เอ็มม่าเคยคิดว่าการเป็นรูมเมทกับวิเวียนจะช่วยปกป้องเธอได้ แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้เธอกลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย แมตต์ทั้งหล่อ ฉลาด รวย และมีเจ้าของแล้ว ทุกสิ่งที่วิเวียนต้องการ เอ็มม่ามั่นใจว่าแมตต์จะไม่หวั่นไหวไปกับมารยาของวิเวียน เธอแน่ใจว่าความรักที่เขามีให้เธอจะปกป้องเขาจากวิเวียนได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขารักเธอไม่มากพอ หรือบางทีฉันอาจจะไม่ดีพอ
“เข้าไปคุยกันในห้องเธอนะ” แมตต์พยายามปลอบเอ็มม่า เขาแกะตัวออกจากวิเวียนแล้วกวักมือเรียกให้เอ็มม่าเข้ามาใกล้ เอ็มม่าก้าวเท้าไปข้างหน้า แต่ทว่าวิเวียนก็โพล่งขึ้นมา
“เราไปที่ร้านเทรเมนส์กันดีกว่า” เธอเสนอ “เราจะได้คุยกันไปดื่มกันไป ฟังดูเป็นความคิดที่ดีใช่ไหมล่ะ”
เหมือนโดนแทงซ้ำอีกครั้ง เทรเมนส์เป็นบาร์ท้องถิ่นยอดนิยม เป็นที่ที่แมตต์กับเอ็มม่าเจอกันครั้งแรกและออกเดทกันครั้งแรก วิเวียนรู้เรื่องนั้นดี ไม่เพียงแต่เธอชอบแย่งแฟนคนอื่น เธอยังชอบทำให้เหยื่ออับอายขายหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเป็นเหมือนกีฬาสำหรับเธอ เธอร้ายกาจพอๆ กับเจนเลยทีเดียว
“ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่—” แมตต์เริ่มพูด
“ก็ได้” เอ็มม่าพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงของเธอไร้ชีวิตชีวา เธอเป็นเหมือนเปลือกที่ว่างเปล่า แต่เธอปฏิเสธที่จะให้วิเวียนเห็นว่าเธอรู้สึกแตกสลายเพียงใด หรือให้แมตต์รู้ว่าเขาทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน “ไปดื่มก็ดีเหมือนกัน” เธอพยายามซ่อนเสียงที่สั่นเครือไว้ภายใต้รอยยิ้ม เอ็มม่าปฏิเสธที่จะแสดงความอ่อนแอใดๆ ให้พวกเขาเห็น
“ตกลงตามนั้นนะ เดี๋ยวฉันขอเข้าไปเติมหน้าแป๊บนึง แล้วจะหยิบร่มมาให้เราสักสองคันนะ โอเคไหม” วิเวียนจูบแมตต์ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องของพวกเธอ เอ็มม่ารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง แมตต์มองมาที่เธอ ดวงตาของเขามองไปรอบๆ ทุกสิ่งยกเว้นใบหน้าของเธอ ราวกับว่ากำแพงกำลังบีบเข้ามาหาเธอ สิ่งเดียวที่เอ็มม่าต้องการคือการปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความรู้สึก แต่เธอไม่อาจปล่อยให้ตัวเองรู้สึกอะไรได้ ไม่ใช่ตอนนี้
“เอ็มม่า ฟังนะ—” แมตต์พยายามจะพูด
“เราค่อยไปคุยกันที่บาร์ก็แล้วกัน” เอ็มม่าตอบลอดไรฟัน เธอกำหมัดแน่นจนข้างลำตัว และร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านเบาๆ แมตต์ไม่ได้พูดอะไรอีก ความตึงเครียดก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง มันเป็นเหมือนตัวตนที่จับต้องได้ซึ่งรอคอยอยู่ในโถงทางเดินนั้น หลังจากผ่านไปไม่กี่นาทีที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของเอ็มม่า วิเวียนก็ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แต่งหน้าเต็มที่ ผมลอนที่จัดทรงอย่างสวยงาม และร่มคันเล็กๆ หนึ่งคัน เอ็มม่าสังเกตเห็นว่าเธอหยิบร่มมาเพียงคันเดียว
“ไปกันเลยไหม” แมตต์กับวิเวียนเดินผ่านหน้าเอ็มม่าไป และเธอก็เดินตามหลังพวกเขาไป ค่ำคืนได้มาเยือนแล้ว และพายุก็ยังคงโหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องคำรามก้องอยู่ในอากาศ และแสงฟ้าแลบก็ฉีกกระชากผืนฟ้า
ช่างเหมาะสมกันเสียจริง เอ็มม่าคิด
พวกเขาเดินไปถึงรถของแมตต์ มันเป็นรถเก๋งสีเงินเงาวับ เขามักจะจอดมันไว้ในที่จอดรถในร่มเสมอ มันเป็นของขวัญที่พ่อแม่ให้เขาตอนเรียนจบมัธยมปลาย และเขาก็รักษามันไว้อย่างดีเยี่ยม เอ็มม่านึกถึงเบาะหนังอุ่นๆ ภายในรถ และเดินอ้อมไปทางฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเหมือนที่เคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน
“โอ้ เอ็มม่า ไม่นะจ๊ะ” วิเวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ตรงนั้นมันที่ของฉัน”
“เธอไปนั่งข้างหลังก็ได้นะ” แมตต์เสนอ แล้วเดินไปเปิดประตูให้เธอ
“แต่แมตต์คะ” วิเวียนทำปากยื่น “ตัวเธอเปียกหมดเลยนะคะ เดี๋ยวภายในรถคุณก็เละหมดหรอก เราจะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะ”
นี่เป็นการพยายามจะหยามหน้ากันอีกแล้ว วิเวียนอยากให้เอ็มม่าพยายามสู้เพื่อที่ของตัวเอง มันเป็นส่วนหนึ่งของเกมสำหรับเธอ เธอสะใจที่ได้ทำให้คนอื่นเจ็บปวดใจและสับสนวุ่นวาย เอ็มม่าไม่ยอมให้เธอสมหวัง
“พวกเธอสองคนเข้าไปในรถเถอะ เดี๋ยวฉันตามไปที่นั่นเอง”
“เอ็ม…” แมตต์เอื้อมมือไปหาเธอ เอ็มม่าถอยหนี เธอทนให้เขาสัมผัสตัวไม่ได้
“ฉันจะตามไปที่นั่น” เธอพูดซ้ำแล้ววิ่งไปยังทิศทางของบาร์ หัวใจของเธอเต้นระรัวอยู่ในอกขณะวิ่ง เธออยากจะปลดปล่อยอารมณ์ อยากจะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกถึงมัน
แต่เธอทำไม่ได้ เธอใช้โอกาสที่อยู่ห่างจากพวกเขานั้นพยายามอย่างที่สุดที่จะรวบรวมสติ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ มันเป็นเหมือนมนต์ที่เธอท่องขณะวิ่ง เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่สนใจเมื่อรถของแมตต์ขับผ่านเธอไป เธอพยายามจะไม่เห็นว่าวิเวียนหัวเราะร่าเอนหลังอย่างไรขณะที่พวกเขามองเธวิ่งอยู่ท่ามกลางพายุ เธอจะโกหกตัวเองและบอกว่ามันไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย เธอทำตัวให้ชาชินกับความเจ็บปวดนั้น
อย่าร้องไห้ อย่ารู้สึก
ขาและปอดของเธอแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อเธอไปถึงร้านเทรเมนส์ ไม่ถึงเดือนที่แล้ว เธอยังซบอยู่ที่ตักของแมตต์ฉลองวันครบรอบของพวกเขาอยู่เลย เขาจูบเธออย่างอ่อนโยนและสัญญาว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เขาพรั่งพรูถึงแผนการสำหรับอนาคตของพวกเขา และตอนนี้เขาก็แทบจะลบเธอออกจากชีวิตของเขาไปแล้ว ตอนนั้นเองที่เธอตัดสินใจว่าเธอจะตอบแทนเขาบ้าง
เธอเดินเข้าไปในบาร์และความรู้สึกโหยหาอดีตก็ยากที่จะปัดเป่าออกไป เธอรักร้านเทรเมนส์ มันตกแต่งเหมือนร้านเหล้าเถื่อนในยุค 1920 มักจะมีศิลปินหรือนักดนตรีท้องถิ่นมาแสดงที่นี่ บรรยากาศสบายๆ ของมันก็เหมาะกับการอ่านหนังสือด้วย เธอเคยใช้เวลายามเย็นที่แสนวิเศษมากมายที่นี่
หลังจากเรื่องนี้จบ เธอสัญญากับตัวเอง ฉันจะไม่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่อีกเลย
แมตต์กับวิเวียนนั่งอยู่ที่โต๊ะโปรดของเธอ เอ็มม่าสูดหายใจลึกแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา
พวกเขานั่งข้างกัน เว้นที่ว่างฝั่งตรงข้ามไว้ให้เธอ มีเครื่องดื่มรออยู่แล้ว
“ฉันสั่งแซงเกรียให้เธอ ฉันรู้ว่ามันเป็นของโปรดของเธอ” แมตต์พูด เอ็มม่าจ้องมองเขา เธอคิดว่าคงต้องการเหล้าย้อมใจอยู่บ้าง จึงดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เอ็มม่ารู้สึกมึนขึ้นมาทันที ดีล่ะ เธอคิด แมตต์กับวิเวียนประหลาดใจแต่ก็กลับมาควบคุมสติได้อย่างรวดเร็ว
“ฟังนะ แมตต์” เอ็มม่าพูดหลังจากดื่มหมด “ฉันไม่มีแรงจะมาเล่นอะไรแบบนี้ ถ้าคุณอยากจะเลิกกับฉันเพื่อจะได้ไปมั่วกับวิเวียนต่อ ก็ตามสบาย ถือว่าเราเลิกกันแล้ว”
วิเวียนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดกับความใจแข็งของเอ็มม่า เธออยากให้เอ็มม่าสติแตก อยากเห็นความเจ็บปวดที่เธอเป็นคนก่อ
“เราไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรือทำร้ายเธอนะ” วิเวียนโกหก “เพียงแต่เธอทำงานหลายชั่วโมงมาก แล้วแมตต์ก็เหงา ฉันก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเขคืนหนึ่ง เรื่องมันก็เลยเถิดไปจนเรา…”
“แกนอนกับมันเหรอ?” เอ็มม่าเสียงลอดไรฟัน
“เรารักกัน เอ็มม่า” แมตต์เสริม “รักแท้ที่ลึกซึ้ง เร่าร้อน และเป็นรักแท้ ฉันขอโทษถ้ามันมากเกินไปสำหรับเธอ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่แคร์” เธอมองไปทางวิเวียน “แกอยากได้เขานักใช่ไหม แกก็เอาไปเลย” วิเวียนเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มันความผิดของแกเองรู้ไหม” เธอพูด พยายามจะทำลายเอ็มม่าอีกครั้ง “ถ้าแกไม่ได้เป็นแฟนที่ห่วยแตกแบบนี้ เรื่องแบบนี้ก็ไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก ดูตัวเองสิ วันๆ เอาแต่ทำงาน เรียนหนังสือ ไม่เคยพยายามทำตัวให้ดูดีเพื่อเขาเลย แกมันหัวโบราณ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเบื่อแก” แววตาร้ายกาจปรากฏในดวงตาของวิเวียน ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เธอสามารถใช้ทำลายเอ็มม่าได้ “บางทีแกน่าจะไปเรียนรู้อะไรสักอย่างสองอย่างจากซาบริน่า เพื่อนใจง่ายของแกคนนั้นนะ รายนั้นน่ะรู้ดีว่าใครเป็นใครในมหา'ลัยนี้ ถ้าแกเข้าใจที่ฉันพูดนะ” เธอเอนหลังหัวเราะร่า
เอ็มม่าลุกขึ้น คว้าแก้วของวิเวียนแล้วสาดใส่หน้าเธอ
“แกกล้าดียังไง? ฉันอุตส่าห์หวังว่าจะยังเป็นเพื่อนกันได้ แต่ดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว!” วิเวียนกระโดดลุกขึ้น
“อย่างแรกเลยนะ เราไม่เคยเป็นเพื่อนกัน อีงูพิษ! อย่างที่สอง อย่าเอาชื่อซาบริน่ามาพูดพล่อยๆ แกจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่ฉันไม่ยอมให้แกมานั่งพูดจาเหี้ยๆ เกี่ยวกับเพื่อนฉันแน่”
“แกมันก็แค่อิจฉาที่ฉันแย่งผู้ชายของแกไปได้!”
“แก. เอา. ไป. เลย” เอ็มม่าพูดซ้ำ ตอนนั้นทั้งบาร์กำลังมองพวกเขาอยู่ และเอ็มม่าพบว่าเธอไม่แคร์เลย เธอหันหลังจะเดินจากไป แต่แมตต์คว้าแขนเธอไว้ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
“เธอคิดว่าเธอจะเดินหนีไปแบบนี้ได้เหรอ?” เขาตะคอกใส่เธอ “เราพยายามจะคุยกับเธอดีๆ แล้วนี่คือสิ่งที่เธอทำงั้นเหรอ?”
“แกนอกใจฉัน! ฉันก็เลยเลิกกับแกไง พอใจรึยัง?” เธอตะคอกกลับ “ฉันปล่อยแกเป็นอิสระแล้ว แกจะได้ไปอยู่กับอีนังตัวดีของแก ยินดีด้วยนะ ฉันหวังว่าแกกับอีนางมารร้ายนั่นจะมีความสุขมากๆ กับชีวิต!”












































































































































































