บทที่ 2 บทรักที่หนีไม่ได้
“คุณอคิน” เสียงหวานที่เอ่ยออกมา ยิ่งทำให้คนตัวโตฮึกเหิม ก่อนยืดตัวขึ้นไปบดจูบที่ริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจพลางขบเม้มที่ริมฝีปากล่าง
“อ๊ะ” นิ่มถึงกับสะดุ้งก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนตัวโตแนบจูบลงบนต้นขาอ่อนด้านใน
“อ๊ะ” อคินที่ส่งปลายนิ้วสากกรีดผ่านรอยแยก ปลายนิ้วปัดป่ายผ่านกลีบกุหลาบก่อนจะหยุดอยู่ที่เกสรก่อนเคล้นคลึงปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา ก่อนจะฝังตัวเองเข้าไปในกายสาว
“เจ็บ ฮึก คุณปล่อยฉันนะ” ร่างบางถึงกับดิ้นพล่านอย่างทรมาน
“อย่าเกร็ง" อคินเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเพราะไม่คิดว่าคนใต้ร่างจะเป็นสาวบริสุทธิ์ คนตัวโตแช่ตัวนิ่งเพื่อให้ร่างบางปรับตัวกับขนาดของเค้าได้ เมื่อเห็นร่างบางเริ่มชิน ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปจูบปากเล็กก่อนแทรกปลายลิ้นไล่กวาดต้อนลิ้นเล็กในโพล่งปากหวานอย่างเอาแต่ใจ
อคินที่เริ่มปลุกเร้าให้คนใต้ร่างคล้อยตามก่อนจะกดตัวตนร้อนผ่าวเข้าไปจดมิด และเริ่มขยับอย่างช้าๆ ก่อนที่ความอดทนจะหมดร่างใหญ่ก็ถอยสะโพกหนีก่อนกดลึกเข้าไป ร่างบางถึงกลับผวาสวมกอดคนตัวโต มือบางกรีดเล็บไปทั่งหลังกว้างอย่างเสียวซ่าน อคินเองที่ต้อนนี้ทั้งฤทธิ์ยาทั้งความรู้สึกอยากครอบครองคนใต้ร่าง ก็ยิ่งกระหน่ำความต้องการของตัวเองอย่างหนักหน่วง
นิ่มที่แต่ก้มหน้ายอมรับกับชะตากรรม ก็ปล่อยเลยตามเลย ก่อนบทรักของคนตัวโตจะจบ ร่างบางก็ถึงกับสลบคาอกแกร่งเอาตอนรุ่งสาง
อคินที่เห็นร่างบางคอพับคออ่อน ค่อยๆ วางร่างบางลงบนที่นอนที่ตอนนี้มองก็รู้ว่าบทรักของเค้าเมื่อคืนร้อนแรงขนาดไหน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียง โทรหาคนสนิททันที
“ดูกล้องที่เคาน์เตอรบาร์เมื่อคืนนี้ให้ที” เมื่อสั่งงานเสร็จก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ร่างบางทันที แต่ไม่วายดึงเอาเอวคอดเข้ามาสวมกอดไว้ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
“เจ็บ” นิ่มร้องออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรู้สึกหนักอึ้งที่ช่วงเอว ร่างบางค่อย ๆ ปลดมือหนาออกเพราะกว่าคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ จะตื่น จากนั้นค่อยๆ วาดเท้าลงจากเตียงใหญ่อย่างช้า ๆ ก่อนจะรวบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มห้อง
กว่าจะพาตัวเองออกมาจากห้องนั้นได้ทำเอาร่างบางถึงกับทรุดตัวลงนั่งภายในห้องแต่งตัวของพนักงาน ร่างบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำชำระร่างกายก่อนจะออกมายืนมองหน้ากระจกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยที่คนใจร้ายฝากเอาไว้
“มันแค่ฝันร้ายเท่านั้น แค่ฝันร้าย ฮึก ฮือ ฮือ” ร่างบางทิ้งตัวลงกับพื้นก่อนปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชัวโมงนิ่มถึงดึงตัวเองออกมาจากการร้องไห้ที่หนักหน่วง เมื่อตั้งสติได้นิ่มหยิบเสื้อผ้าขึ้นแต่งตัวก่อนจะคว้าเอากระเป๋าสะพายเดินออกประตูหลังอย่างเงียบที่สุด
อีกด้าน อคินที่วาดมือควานหาร่างบางที่ตัวเองนอนกกกอดทั้งคืน แต่ก็เจอแต่ความว่างเปล่า ก่อนจะลุกพรวดพลางมองไปรอบห้อง
“หายไปไหนนะ” อคินพึมพำก่อนจะดึงเอาผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมร่างก่อนจะเดินไปดูที่ห้องน้ำส่วนตัวแต่ก็ไม่เจอใคร ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปจัดการตัวองในห้องน้ำเมื่ออาบน้ำเรีบยร้อยก็พาตัวเองไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดในผับ
“หึ แอบออกไปตอนเช้านี่เอง” เมื่อรู้ว่าดังนั้น อคินก็คว้าโทรศัพท์โทรหาคนสนิททันที
“ชุน งานที่ให้ทำไปถึงไหนแล้ว”
“อืม บ่ายนี้เข้ามาหาฉันที่ผับด้วย”
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นนะ แม่ตาหวาน” อคินพึมพำก่อนจะดูภาพที่กล้องบันทึกไว้
สี่ปีต่อมา ไร่สองรัก
ร้านค้าที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์สามตู้มาตกแต่งสไตล์ชาวไร่ ฝั่งด้านซ้ายเป็นร้านกาแฟ และมีตู้ขนมเล็ก ๆ ที่ใช้ผลผลิตในไร่มาเป็นวัตถุดิบ ตรงกลางมีเก้าอี้เข้าชุดวางอยู่สี่ห้าชุด ฝั่งด้านขวาเป็นชั้นวางผลผลิตสดในไร่ที่มีทั้งผักและผลไม้
ไร่และร้านค้าที่มีสองพี่น้อง หนึ่ง และนิ่ม ที่ช่วยกันทำให้ไร่เป็นที่รู้จักจากคนทั่วไป เพราะรับช่วงต่อจากคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เริ่มอายุมากขึ้น
ในวันที่นิ่มกลับมาจากรุงเทพหลังเรียนจบ ทั้ง ๆ ที่ขอทำงานที่ตัวเองไปสมัครงานไว้ แต่อยู่ ๆ ก็คนเป็นน้องก็กลับมาบ้านที่เชียงใหม่ทันทีโดยให้เหตุผลว่างานที่สมัครไว้มันไม่น่าจะเหมาะกับเธอ ผ่านไปแค่สามเดือนอยู่ ๆ นิ่มก็มีอาการหน้ามืดบ่อย ๆ
จนเมื่อเขาพาไปหาหมอถึงได้รู้ว่าน้องสาวกำลังท้อง แต่ถามเท่าไรคนเป็นน้องก็ไม่ปริปากพูดว่าพ่อของเด็กในท้องเป็นใคร แม้จะบังคับขู่เข็นแค่ไหนนิ่มก็ไม่ยอมบอก จนสุดท้ายก็จนใจเลิกเซ้าซี้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าคนเป็นน้องจะเก็บเด็กในท้องไว้ ทุกคนในบ้านก็ไม่คัดค้าน
เพราะรู้ดีว่าหากตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นออกไป คนที่เสียใจที่สุดก็คงไม่พ้นร่างบาง และในวันที่ไปฝากท้อง สิ่งที่ทำให้บ้านลักษณ์วงศ์รู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ให้ร่างบางเก็บเด็กไว้เพราะในท้องมีถึงสองชีวิตน้อย ๆ อยู่ในนั้น
