บทที่ 2 จุดเริ่มต้น (50%)

กว่าสองชั่วโมงเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสามารถควบคุมสถานการณ์ให้สงบลงได้ กลุ่มผู้ก่อจราจลส่วนใหญ่ถูกตำรวจจับตัว บ้างก็นอนจมกองเลือด แต่กลับไร้วี่แววของหัวโจกเหมือนเช่นครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา ทวิชาสบถด้วยความแค้นใจอยู่คนเดียว ก่อนจะเดินไปหาจ่าวัยกลางคนที่กำลังคุยกับนายตำรวจคนอื่นอยู่

“จ่าพรุ่งนี้ส่งภาพจากกล้องวงจรปิดของทุกหัวมุมเมืองมาให้ฉันด่วนเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยปากสั่งลูกน้อง เพราะต้องการที่จะสืบเสาะหาเป้าประสงค์ในการก่อเหตุจราจลอย่างเร่งด่วน

“ได้เลยครับสารวัตร ผมจะทำเรื่องให้แต่เช้าเลยนะครับ” จ่าร่างอ้วนกลมรับคำผู้บังคับบัญชาสาวอย่างแข็งขัน พร้อมทำความเคารพเมื่อหญิงสาวปลีกตัวออกมา

“เฮ้อ…หมดเรื่องไปอีกวัน” เจ้าของร่างสง่างามกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหน่วงหนัก

นัยน์ตาสีน้ำผึ้งกวาดไปทั่วบริเวณถนนอันเปล่าเปลี่ยวอย่างหนักใจ ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดี หนำซ้ำยิ่งโหมกระหน่ำทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเช้ามืดกลุ่มอาชญากรระเบิดสถานีรถไฟปลายทางที่อยู่ทางตอนเหนือของนิวเจอร์ซีย์ ทำให้ผู้โดยสารที่มารอขึ้นรถไฟในชานชาลาได้รับบาดเจ็บและล้มตายไปหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงคนชั่วเหล่านั้นก็มาก่อเหตุจราจลที่ใจกลางเมืองนวร์ก เลือกถนนเส้นหลักที่มีผู้คนพลุกพล่าน รถยนต์วิ่งขวักไขว่ ทำลายชีวิต ข้าวของ ทรัพย์สินและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล จากเมืองสวยงามน่าอยู่กลายสภาพเป็นเหมือนเมืองร้างอันแสนสกปรกและเสื่อมโทรม เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและเศษขยะในชั่วพริบตา หนำซ้ำไฟยังดับทำให้มืดสนิทไปทั้งเมืองเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ถนนที่เคยคราคร่ำไปด้วยยวดยานพาหนะในช่วงเวลาอาหารค่ำมาบัดนี้กลับไร้ซึ่งสรรพสิ่ง

สามอาทิตย์ที่แล้วพวกก่ออาชญากรรมก็เผาย่านที่คนยากจนอาศัยอยู่ พวกเขาเหมือนโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จากที่ไม่มีอันจะกินอยู่แล้วกลับต้องมาไร้ซึ่งที่ซุกหัวนอน กลายเป็นคนเร่ร่อน จนต้องรวมตัวกันไปประท้วงหน้าทำเนียบเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ ที่สุดทางรัฐก็จัดหาเงินกู้ราคาถูกให้แก่ผู้มีรายได้น้อยกู้เอาไปซื้อบ้านเอกชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องเป็นผู้จัดหาและคัดสรรบริษัทเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการเพียงหนึ่งบริษัทในการก่อสร้างบ้านให้คนเหล่านี้ซื้อ เพื่อที่รัฐจะสามารถควบคุมให้ค่าใช้จ่ายอยู่ในวงเงินที่แต่ละคนกู้ยืมไป และนั่นก็หมายความว่าเอกชนทั้งหลายจะต้องแข่งขันกันโดยการยื่นซองประมูล

ความปั่นป่วนทั่วทุกหย่อมหญ้ามาจากน้ำมือของคนเพียงกลุ่มเดียว หากแต่ที่จับได้ก็มักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกจ้างวานและชักจูงมาใช้เป็นเครื่องมือ พอสอบปากคำก็จะไม่ยอมปริปากพูดความจริง อ้างแต่เพียงว่าโกรธเคือง เจ็บปวดและรับไม่ได้กับการวิสามัญผู้ร้ายของตำรวจเมื่อสองเดือนที่แล้ว จึงออกมาป่วนเมืองเป็นการตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่าทวิชาไม่เชื่อคำให้การเหล่านั้น เพราะทุกครั้งที่จับได้คนร้ายก็มักจะหาข้ออ้างมาปกป้องหัวหน้าใหญ่เสมอ

ถึงทวิชาจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกมันเป็นใคร แต่ก็พยายามตามล่า ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ทว่าความตั้งใจจริงเหล่านั้นกลับล้มไม่เป็นท่า ทุกครั้งที่ได้เบาะแสมาพอลงมือกวาดล้างก็มักจะคว้าน้ำเหลว นั่นก็เป็นเพราะว่าคนเลวพวกนี้มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่ แต่ยังไม่สามารถสาวไปถึงตัวบุคคลปริศนานั้นได้ คิดจะถอดใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าหากผู้ถือกฎหมายและความถูกต้องอย่างเธอยอมแพ้ให้กับปัญหา แล้วประชาชนตาดำๆ จะฝากความหวังและชีวิตไว้กับใคร หลายคนแนะนำให้เธอย้ายเข้าไปสังกัดหน่วยสืบสวนคดีพิเศษในนิวยอร์ก แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ท้าทาย การนั่งจมอยู่กับกองเอกสารทั้งวันคงน่าเบื่อจะตายชัก

“เมื่อไรบ้านเมืองจะสงบสุขสักทีนะ” ขยับกลีบปากสีกุหลาบรำพันกับตัวเองแผ่วเบา เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นทีไรเธอก็มักจะนึกถึงหน้าผู้เป็นบิดาที่จากไปทุกที

“ก็เมื่อตำรวจอย่างพวกเรา กำจัดคนชั่วให้สิ้นซากยังไงล่ะ” น้ำเสียงนุ่มหูอันคุ้นเคยที่ดังมากข้างหลังทำให้ทวิชาแย้มยิ้มที่มุมปาก แต่ยังไม่ได้หันกลับไปหาอีกฝ่าย

“เฮ้อ…นั่นสิเนอะ” ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัดกลุ้ม ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ที่ผดุงคุณธรรมอย่างเธอแทบทำอะไรไม่ได้

“อะไรกัน สารวัตรสาวขาโหด แค่นี้ก็ท้อแล้วเหรอ” คำพูดหยั่งเชิงทั้งที่รู้นิสัยใจคอแม่สาวขาโหดดีกว่าใคร ทำให้เจ้าของร่างเพรียวระหงหันกลับมาจ้องใบหน้าหล่อเหลาทันที

“อาจจะมีท้อกันบ้าง แต่รับรองว่าทวิชาคนนี้ไม่ถอยอย่างแน่นอน” เชิดหน้าพร้อมยืดอกตอบกลับอย่างแน่วแน่ แววตาสีน้ำผึ้งเต็มไปด้วยประกายของความเด็ดเดี่ยว คำตอบที่ได้ยินทำให้ไมเคิลยิ้มอย่างภูมิใจ

“ดีมากเพื่อน” มือหนาตบบ่าน้อยแรงๆ เป็นการชมและให้กำลังใจไปในตัว

ไม่นานไฟทั่วทั้งเมืองก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง แล้วไมเคิลก็ต้องก้าวเดินตามหลังเจ้าของร่างเพรียวระหงที่เพิ่งหมุนปลายเท้าลิ่วไปยังบริเวณที่มีคราบเลือดเกรอะกรัง ก่อนที่หญิงสาวจะย่อตัวลงมองปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตรที่ตกอยู่บนพื้นถนน

สารวัตรสาวใจหาญสวมถุงมือแล้วเก็บปลอกกระสุนปืนใส่ถุงพลาสติก เพื่อนำไปให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานเอาไปตรวจสอบ นำไปสู่การคลี่คลายและไขคดี ก่อนที่ทวิชาจะเดินเคียงคู่กับเพื่อนซี้หันหลังให้กับสถานที่เกิดเหตุ โดยปล่อยให้ลูกน้องเคลียร์พื้นที่กันต่อไป

“ทีนี้ก็จะได้กลับไปซุกตัวในผ้าห่มหนาๆ สักที” น้ำเสียงเรียบเรื่อยทอดออกมาจากริมฝีปากชมพูระเรื่อพลางก้าวขาเรียวไปข้างหน้าอย่างเอื่อยๆ

“นั่นน่ะสิ หนาวจะตายชัก” ไม่พูดเปล่าหากแต่สารวัตรหนุ่มกอดตัวเองแล้วทำท่าสั่นสะท้านเกินจริงประกอบ จนทวิชาอดหัวเราะคิกคักกับความขี้เล่นของเพื่อนหนุ่มไม่ได้

“เมื่อกี้เราชอบท่าแม่สาวฮีโร่มากเลย” เอ่ยปากชมหญิงสาวอย่างจริงจัง แต่แววตากลับเต้นระริกด้วยความขบขัน ซึ่งทวิชาก็รู้ดีว่าเขากำลังล้อเลียนเธออยู่ จึงยกกำปั้นขึ้นทุบที่หัวไหล่กว้างเบาๆ จนไมเคิลระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด

“บ้า…เราไม่ได้อยากปิดบัญชีด้วยท่านี้สักหน่อย มันก็แค่บังเอิญ” ยื่นหัวไหล่มนไปชนต้นแขนล่ำของคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขบขัน ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความขัดเขินพร้อมอุบอิบต่อว่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป