บทที่ 2 ลูกชาย

“ขอบคุณที่ไม่เลือกดิฉันเข้าทำงานกับคนที่มีทัศนคติที่แคบแบบนี้นะคะ คุณพายุ ศิริไพศาลนุกุล” ฉันพูดจบก็ยกมือไหว้เป็นมารยาทแล้วลุกเดินออกจากห้องนั้นทันที

ฉันไม่ได้ไม่พอใจที่เค้าไม่เลือกฉันเข้าทำงานที่นี่หรอกนะ แต่ฉันไม่พอใจกับความคิดของเค้ามากกว่า ทำไมคนที่เป็นถึงรองประธานถึงได้มีความคิดที่แคบแค่นี้ก็ไม่รู้ ดีแล้วแหละที่ไม่ได้ทำงานที่นี่ ไม่งั้นฉันก็คงไม่มีความสุขเหมือนกัน

“พ่อกลับมาแล้ว” พอผมกลับเข้ามาในบ้านก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ผมรักคนหนึ่งวิ่งเข้ามารับเหมือนทุกๆ วัน

“ครับ คนเก่ง” ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม และย่อตัวลงไปรับแกมาอุ้ม

“เหนื่อยไหมคับ” น้องเฟสเอ่ยถามผมด้วยความไร้เดียงสา

“แค่เห็นหน้าน้องเฟส พ่อก็หายเหนื่อยแล้วครับ” ผมบอกน้องเฟสออกไป

แค่กลับมาได้ยินเสียงเล็กๆ กับรอยยิ้มของลูกชายผมก็หายเหนื่อยจริงๆ

“ไปกินข้าวกันคับ” น้องเฟสชวนผมไปกินข้าว

“ครับ” ผมตอบลูกแล้วเดินไปที่ห้องกินข้าว

แนะนำตัวหน่อยแล้วกัน ผมพายุ อายุ 27 ปี นิสัยของผมก็ตามชื่อนั่นแหละครับ มีอารมณ์ทุกๆ อย่างรุนแรงเหมือนพายุ ไม่ว่าจะเวลาโกรธโมโห หรือแม้แต่อารมณ์บนเตียง ผมมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อเฟส ตอนนี้แกอายุได้ 3 ขวบ แกเป็นลูกของผมกับผู้หญิงที่ผมรักมาก ถึงแม้ตอนนี้เธอคนนั้นจะจากผมกับลูกไปแล้วถึง 3 ปี แต่ผมก็ยังรักเธอและคิดถึงเธอเหมือนเดิมและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ผมเป็นลูกคนเล็กมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อสายฟ้า ตอนนี้มันก็รับตำแหน่งประธานบริษัทนั่นแหละครับ ที่บ้านผมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จริงๆ ผมไม่ได้ชอบงานพวกนี้หรอก แต่ก็ต้องทำไม่งั้นพ่อได้ตัดออกจากกองมรดกแน่ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พอไม่ชอบก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก ทุกวันนี้ผมก็แค่เข้าบริษัทไปก็แค่ช่วยงานบ้างนิดๆ หน่อยๆ กันพ่อด่าเท่านั้นแหละ

“วันนี้น้องเฟสไปทำงานกับพ่อนะครับ” ระหว่างนั่งกินข้าวเช้าผมก็บอกลูกชายตัวเอง เพราะช่วงนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน ผมก็มักจะพาลูกไปทำงานแบบนี้บ่อยๆ

“ครับ” น้องเฟสตอบกลับผมอย่างไม่งอแง ลูกผมเลี้ยงง่ายครับ แกได้นิสัยแม่แกมาหมดเลย

ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกครับ พ่อกับแม่ไปเที่ยวรอบโลกกัน ไม่รู้จะฮันนีมูนกันกี่รอบ ส่วนพี่ชายผมส่วนมากมันอยู่คอนโดใกล้บริษัท เพราะมันทำงานหนักเลยไม่อยากเสียเวลาขับรถกลับบ้าน

“อีกสิบนาทีเข้าประชุมกับฉันด้วย” พี่สายฟ้าเดินมาบอกที่ห้องทำงาน

“พี่ก็เข้าไปสิครับ ผมเข้าไปก็มีความเห็นตรงกับพี่ทุกอย่าง” ผมบอกพี่สายฟ้าออกไปตามตรง เพราะผมบอกแล้วว่าผมไม่ชอบอะไรที่เครียดๆ ต้องไปนั่งถกเถียงหาข้อสรุปกันแบบนี้ ผมเลยตัดปัญหาคืออะไรก็เห็นด้วยกับพี่สายฟ้าทุกอย่าง เพราะผมรู้ว่าพี่ผมมันเก่งอยู่แล้วไงที่ผ่านมาการตัดสินใจของมันถูกตามที่มันคาดการณ์ไว้หมด

“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ยังไงแกก็ต้องอย่าลืมสิว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งอะไร” พี่สายฟ้าที่รู้จักผมอยู่แล้วพูดออกมาอย่างเอือมระอากับพฤติกรรมของผม

“ครับๆ เดี๋ยวผมตามไปแล้วกันครับ” ผมเลยตัดปัญหาโดยการยอมทำตามพี่สายฟ้า ก่

อนจะเก็บของบนโต๊ะให้เข้าที่เพื่อตามพี่สายฟ้าไปที่ห้องประชุม

“น้องเฟสอยู่เล่นในห้องรอพ่อก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อไปประชุมก่อน” ผมหันไปบอกลูกชาย

“ครับพ่อ” น้องเฟสตอบกลับมา ที่นี่มีของเล่นและของกินให้แกทุกอย่าง ทำให้เวลาแกมาอยู่กับผมที่นี่แกเลยไม่เบื่อ

“ปิดเสียงมือถือด้วย แล้วถ้าเป็นไปได้ก็ปิดเครื่องไปเลย” พี่สายฟ้าหันมาบอกผม

ที่บอกนี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ พี่ผมเค้ารู้ไงว่าระหว่างประชุมผมมักแอบเล่นโทรศัพท์เสมอ รอแค่เวลาลงมติผมถึงจะเสนอหน้าออกมา

“คราบบ” ผมบอกออกไปเสียงยานกับความเยอะของคุณพี่ชาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาปิดเครื่องแล้ววางไว้ข้างๆ ให้พี่สายฟ้าเห็น

การประชุมล่วงเวลามาเป็นชั่วโมงทุกคนต่างมีข้อโต้แย้งกันกลับไปกลับ ต่างพากันมีเหตุผลของตัวเองและหาคำพูดเพื่อให้เหตุผลของตัวเองดูฟังขึ้นที่สุด จนในที่สุดเวลาที่หน้าเบื่อที่สุดสำหรับผมก็ได้จบลงสักที

“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจออกมาเมื่อการประชุมจบลง

“เก็บอาการหน่อย” พี่สายฟ้าบ่นออกมา

“ก็มันหน้าเบื่อนี่ครับ” ผมบอกพี่สายฟ้าออกไป

“มันก็คงดีกว่าการอยู่เฉยๆ มากกว่ามั้ง” พี่สายฟ้าตอบกลับมา

ไม่ใช่อะไรหรอก เมื่อก่อนผมเปิดสนามแข่งรถ แล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากเข้าไปดูสนามบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรไงเพราะมีคนสนิทช่วยดูแล ส่วนสนามแข่งผมตอนนี้พ่อสั่งให้คนของพ่อเป็นคนดูแลแทนเพื่อให้ผมเข้ามาทำงานบริษัทก่อน จนกว่าผมจะช่วยแบ่งเบาพี่สายฟ้าได้พ่อถึงจะยกสนามแข่งให้ผมคืน

“ผมก็เข้าทำงานแล้วนี่ไงครับ” ผมบอกออกไป พี่สายฟ้านี่จะได้นิสัยแม่มาเต็มๆ กับความเนียบ มีเหตุผลและเฉียบขาด ต่างจากผมที่เป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนพ่อ

“.....” พี่สายฟ้าส่ายหัวให้ผม แบบนี้แหละครับ เค้าว่าผมจนไม่มีที่จะว่าแล้ว

“.....” ผมยักไหล่ให้กับพี่สายฟ้าก่อนจะหยิบโรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องประชุม เพื่อกลับห้องไปหาลูกชาย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป