บทที่ 5 หนีไม่พ้น
รวงข้าว
ตั้งแต่ฉันกลับมาที่พักหลังเหตุการณ์เมื่อกลางวันตอนนี้ฉันยังไม่หายตกใจเลย ถึงมันไม่ใช่ความผิดของฉันก็เถอะ แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา แล้วที่สำคัญคือฉันช่วยเด็กคนนั้นไว้ไม่ทัน มันเลยรู้สึกเสียใจ
แต่ที่รู้สึกแย่ก็คงจะไอ้คนเป็นพ่อของเด็กคนนั้น ฉันจำเค้าได้ตั้งแต่แรกเลยแหละ เค้ามันคือไอ้ท่านรองประธานทัศนคติแคบ แค่นั้นยังไม่พออีกนะ ยังเป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบอีก ใช้ได้ที่ไหนมีลูกเล็กแล้วปล่อยลูกตัวเองไว้แบบนั้น พอเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้คิดโทษตัวเองเลยแต่กลับมาโทษคนอื่นเค้า
เท่านั้นยังไม่พอนะ ยังต้องมาเจอคนขับรถชนเด็กกล่าวหาว่าผลักเด็กอีก ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าที่พูดมานี่คือเห็นเหรอ หรือแค่เห็นว่าฉันอยู่ตรงนั้นเลยพูดออกมาปัดความผิดของตัวเอง
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลงช่วงดวงซวยอะไรของฉันก็ไม่รู้ นอกจากยังหางานไม่ได้แล้วยังต้องมาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำผิดอีก ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ
ให้มันได้แบบนี้สิ จิตใจคนเราอยากเอาตัวรอดจนต้องโยนความผิดให้คนอื่นโดยไม่คิดอะไรเลย
ช่างเถอะวันนี้ฉันเหนื่อยมามากแล้ว พรุ่งนี้ต้องออกไปหางานใหม่อีก แล้วค่อยแวะทำบุญหน่อยแล้วกัน เผื่อจะล้างซวยออกได้บ้าง
“เฮ้อ! จะมีที่ไหนที่รับเด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์บ้างนะ” เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ฉันต้องบ่นกับตัวเองเกือบทุกวันที่ออกมาหางาน
ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงยังไม่ได้สักที่นะ สองเดือนกว่าแล้วนะที่ฉันออกมาหางานเกือบทุกวัน บางที่ก็สมัครและสัมภาษณ์เลย บางที่ก็ไม่เรียก บางที่ก็เรียกไปสัมภาษณ์ แต่ก็ยังไม่มีสักที่ที่จะติดต่อมาหาฉันสักที เกรดเฉลี่ยอาจจะไม่ได้วัดว่าเราทำงานได้ดี แต่เกรดฉันก็ดีทักษะภาษาฉันก็ได้ แค่ยังไม่มีประสบการณ์แค่นี้ มันจะใช่เหตุผลที่เค้าไม่รับฉันเหรอ
“ขอทำบุญเสริมดวงก่อนแล้วกัน”
ไหนๆ วันนี้ก็ไม่ได้งานแล้ว ขอแวะทำบุญให้ตัวเองและเด็กคนนั้นปลอดภัยด้วยเลยแล้วกัน
“ค่อยสบายใจหน่อย” การทำบุญ การได้เข้าวัดหรือที่สงบๆ มันทำให้จิตใจเราดีขึ้นจริงๆ นะ มันสบายใจเหมือนได้ปล่อยวางยังไงก็ไม่รู้ ภารกิจวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน กลับห้องไปตั้งหลักเพื่อหาที่สมัครงานใหม่ แล้วก็สู้ต่อไป
ฉันเดินออกจากวัดเพื่อจะมุ่งกลับห้อง และฉันก็เลือกเดินเอาเพราะจากนี่ไปหอฉันมันไม่ไกลมาก อีกอย่างช่วงนี้ต้องประหยัดเงินกันหน่อย ไม่รู้ว่าจะได้งานตอนไหน
เอี๊ยด!!
ฉันที่กำลังเดินอยู่ก็ต้องหันไปตามเสียงรถเบรก เพราะมันเบรกเสียงค่อนข้างดังอย่างกับเกิดอุบัติเหตุ ฉันตกใจมากเลยหันไปมอง แต่จะไม่ให้ตกใจก็แปลกฉันพึ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเองนะ ถ้าวันนี้ต้องเจออีกฉันคงไม่กล้าออกจากห้องไปหลายวันอ่ะ
แต่สิ่งที่ฉันคิดมันผิด มันไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไร นอกจากรถที่เบรกเสร็จก็มีชายร่างใหญ่สองคนเดินลงจากรถด้วยท่าทางดุดัน แล้วที่สำคัญมันตรงมาทางฉัน ฉันหันซ้ายหันขวาดูว่ารอบตัวมีอะไรน่าสนใจจากชายสองคนนั้นหรือเปล่า
แต่ไม่เลย ตอนนี้ตรงนี้มีเพียงฉันคนเดียว พอเห็นแบบนั้นก็คิดได้ว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้
“ขอทางด้วยค่ะ” ฉันพูดออกไปเมื่อผู้ชายคนหนึ่งขวางหน้าไว้
“.....” แต่เค้าไม่ตอบฉันไง เค้าหันไปหาเพื่อนอีกคนแล้วพยักหน้าเหมือนส่งสัญญาณอะไรกันก็ไม่รู้ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฉัน
“นี่! ทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!” ฉันร้องโวยวายทันทีที่ผู้ชายสองคนนั้นเข้ามาล็อกแขนฉันไว้ทั้งสองข้างพร้อมกับลากไปที่รถ
“เงียบ!” นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังจะตะคอกให้ฉันเงียบอีก
แล้วใครจะไปโง่ฟังกันล่ะ
“ก็ปล่อยฉันสิ!” เป็นใครก็ไม่รู้มาจับฉันไว้แบบนี้เป็นจะไม่ร้องบ้างล่ะ ถ้าปล่อยเดี๋ยวก็เงียบเองไหม
“ถ้าไม่อยากตายก็หุบปากแล้วขึ้นรถไป!” ไม่ปล่อยแล้วยังจะมาขู่ซ้ำอีก แล้วถ้าฉันเงียบยอมไปขึ้นรถใครจะรับประกันให้ฉันว่าฉันจะไม่ตาย
ก็อยากจะดิ้นต่อหรอกนะ แต่แรงมันแค่คนเดียวก็สู้ไม่ได้แล้ว แล้วนี่สองคนเลยยังไงก็สู้ไม่ได้
แต่ช่วยลากฉันเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไงวะ คิดว่าตัวเองสองคนตัวเล็กๆ แรงน้อยๆ กันหรือยังไง แขนฉันจะหลุดไหมเนี่ย
“โอ๊ย!” ไอ้บ้า! นอกจากจะลากแรงแล้วพอมาถึงรถยังจะผลักให้ฉันเข้าไปอีก บอกดีๆ ฉันก็เดินขึ้นรถเป็นไหม
“.....” ทำหน้าตาไม่สนใจกับความผิดที่ตัวเองทำสักนิด
“พวกแกต้องการอะไร แล้วจะพาฉันไปไหน” จะไม่ถามก็ไม่ได้ ฉันไม่เคยรู้จักพวกมัน อีกอย่างฉันก็ไม่เคยไปทำอะไรใครหรือกู้เงินใครนะ ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหนี้มาทวงหรอก
“หุบปากไป เดี๋ยวก็รู้เอง” ขอบคุณสำหรับคำตอบ
“แต่ฉันอยากรู้ตอนนี้ ฉันไปทำอะไรให้พวกนาย ทำไมต้องมาจับฉันด้วย” อย่างน้อยถ้ารู้อะไรบ้างมันก็อาจจะคิดวิธีตั้งรับกับเหตุการณ์ต่อไปได้ทันไง
“เธอไม่ได้ทำอะไรพวกฉัน แต่เธอทำให้เจ้านายฉันโกรธ” ทำให้เจ้านายโกรธ ฉันไปทำใครโกรธตอนไหนเนี่ย
“เจ้านายพวกนายเป็นใคร” ใครกันที่บอกว่าฉันไปทำให้เค้าโกรธ ชีวิตฉันนี่แทบไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครเลย ยิ่งทุกวันนี้ก็หางานกลับห้องแค่นั้น
“เดี๋ยวเธอเห็นก็จะรู้เอง อย่าถามมาก!” เออไม่อยากรู้แล้วก็ได้ แค่นี้ต้องตะคอก
จนผ่านไปพักใหญ่
“ที่นี่ที่ไหน แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม” ฉันถามออกไปด้วยความกลัว ก็นั่งรถมาตั้งนานสุดท้ายพวกมันก็พาฉันมาหยุดที่ท่าเรือ
อย่าบอกว่าจะพาฉันไปฆ่าทิ้งกลางทะเลนะ ไม่เอาอ่ะ ฉันยังไม่ได้งานทำ ยังไม่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่เลย จะมาตายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ท่าเรือไง ถามอะไรโง่ๆ” ไอ้ผู้ชายคนที่ไปจับฉันมาตอบกลับมา นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายนะ ฉันคงได้วางมวยกับมันสักยกอ่ะ
“เออ!” ฉันตอบกลับไปก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางหนี ยังไงฉันก็ไม่ยอมลงเรือไปกับพวกมันหรอก ถ้ามันทำอะไรฉันกลางทะเลไม่มีใครช่วยฉันได้แน่ และต่อให้ฉันหนีลงทะเลฉันก็คงไม่รอดเหมือนเดิมเพราะใครจะมีแรงว่ายน้ำจากกลางทะเลมาฝั่งได้ล่ะ
ตอนนี้เหมือนพวกมันกำลังรออะไรสักอย่างที่ฉันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ฉันจึงใช้จังหวะที่พวกมันกำลังคุยกันแอบย่องถอยหลังทีล่ะก้าวเรื่อยๆ พอเริ่มห่างออกมาหน่อยฉันก็หันหนีเพื่อจะวิ่ง
แต่...
พรึ่บ!
“โอ๊ย!” จมูกฉันชนเข้ากับแผงอกของใครสักคน ซึ่งมันเจ็บมาก นี่ดีนะที่ฉันไม่ได้ศัลยกรรม ไม่งั้นมีหวังได้เบี้ยวหรือทะลุแน่
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ” เสียงเข้มของคนที่ฉันชนเอ่ยถามออกมา ฉันจึงเงยหน้าไปมองหน้าเค้า
“ปล่อยฉันนะ!” ฉันพูดกับผู้ชายตรงหน้าขึ้นเมื่อเขาจับตัวฉัน
ฉันไม่รู้หรอกว่าเค้าเป็นใคร แต่ก็น่าจะพวกเดียวกัน
“ฉันคงปล่อยเธอไม่ได้” เค้าพูดออกมาก่อนจะลากฉันให้เดินไปทางเรือ
“คุณเป็นคนสั่งให้จับตัวฉันมาเหรอ” ฉันถามไอ้ผู้ชายคนนี้ขึ้นมา ฉันไม่รู้จักเค้าหรอก แต่เห็นเค้าหน้าตาดี แต่งตัวดีกว่าไอ้พวกที่จับฉันมาไง เลยคิดว่าเป็นหัวหน้า
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” ผู้ชายคนนั้นถามฉันกลับมา
“แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณ ฉันไม่รู้จักคุณสักหน่อย” ฉันไม่รู้จักเค้าจริงๆ นะ อยู่ๆ มาจับฉันแบบนี้ได้ยังไง
“ไม่ต้องพูดมาก มานี่!” ผู้ชายคนนั้นคว้ามือฉันไว้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดันแล้วลากฉันลงไปเพื่อขึ้นเรือที่จอดอยู่
“ปล่อย! ฉันไม่ไป!!!” ฉันพยายามแกะมือออกจากการเกาะกุมของเค้า แต่มันก็ไม่หลุด
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ลงไปดีๆ” ผู้ชายคนนั้นขู่ฉันออกมาเสียงแข็ง ถึงฉันจะกลัวแต่เรื่องอะไรฉันจะยอมล่ะ
“ไม่! แล้วก็ปล่อยฉันด้วย!” ฉันเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
จะยอมทำไมล่ะ ฉันสู้เค้าตอนนี้อาจจะไม่ปลอดภัยก็จริง แต่ใช่ว่าฉันยอมไปกับเค้าแล้วฉันจะปลอดภัยนี่
“ปล่อยเหรอ ได้” ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาก่อนที่จะผลักฉันอย่างแรง จนฉันล้มเข้าไปในเรือ
ตุบ!
“โอ๊ย!” ฉันร้องออกมาเสียงดัง เพราะมันเจ็บมากๆ เจ็บจนอยากจะร้องไห้ เค้าเป็นผู้ชายประสาอะไรกันทำไมทำเหมือนฉันไม่ใช่คนแบบนี้
“หุบปากของเธอซะ ไม่งั้นได้เจ็บมากกว่านี้แน่ เห้ย! เอาของมา” ผู้ชายคนนั้นขึ้นเรือตามมาหันมาสั่งฉัน
และ...
“นี่ปล่อยฉันนะ ทำอะไรน่ะ!” ฉันพยายามถอยหนีผู้ชายตรงหน้าที่เอาเชือกมามัดมือฉันไขว้หลัง
“อยู่นิ่งๆ” เค้าว่าให้ฉันแล้วออกแรงจับฉันมัดจนสำเร็จ ก่อนจะตามด้วยผ้าปิดตาสีดำ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนะ!” ฉันตะโกนออกไปให้เค้าปล่อย นี่มันบ้าชัดๆ เค้าจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ
“เรียบร้อยครับนาย” สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดกับคนที่บอกว่าเป็นนายเหรอ
สรุปใครเป็นคนสั่งจับตัวฉันมากันแน่ สักพักเรือก็แล่นออกจากฝั่งไป ส่วนฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะตอนนี้ฉันเจ็บขามากเลยแหละ รู้สึกว่ามันบวมมากด้วย ก็เลยต้องนั่งนิ่งๆ ไว้ให้เค้าได้พาไปในที่ๆ เค้าต้องการ
