บทที่ 10 ใจแคบ

“สามีของข้าน่ะหรือ! แน่ใจนะ...ว่าเป็นท่านจริง ๆ หากใช่ ไยจึงปรักปรำภรรยาตนเองเช่นนี้เล่า สงสัยข้าฝันไป ว่าตนเองยังไร้ซึ่งคู่ครอง หรือนี่มิใช่เรื่องจริงกัน อย่างว่าคนใกล้ตาย มักสับสนกับเรื่อง…สามีภรรยาอะไรแบบนี้! ข้าตื่นมาอยู่ในห้องเพียงลำพัง เลยเข้าใจว่ายังไม่มีสามี เพราะมีด้วยหรือที่คนแต่งงานกันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็ไร้การเหลียวแลกันเช่นนี้”

หลี่ถิงทำตาโต ยกมือข้างที่มิได้ถูกแม่สามีเกาะกุมขึ้นปิดปากตนเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากฮูหยินหยาง นางชอบใจในการกระทำของสะใภ้รักเป็นอย่างมาก ไป๋หลานสมควรลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในฐานะภรรยาของบุตรชายได้แล้ว

สองสามีภรรยายืนประจันหน้ากัน และมันน่าแปลกมากกว่านั้น คือฮูหยินน้อยของบ้านมิคิดหลบสายตาของท่านแม่ทัพหยางซานหลางเลย

แม้แต่น้อย

“พวกเจ้ายืนทำอะไรกันอยู่ รีบพาหรู่อี้กลับไปยังเรือนของข้า และตามหมอมารักษานางให้ดี หากข้ากลับไปแล้ว นางเกิดเป็นอันใดขึ้นมา พวกเจ้าก็จงเตรียมตัวเป็นแบบนางได้เลย”

หยางซานหลางถึงกับตาโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเสียให้ได้ เพราะภรรยานอกหัวใจกำลังออกคำสั่งกับคนของเขา ซ้ำยังข่มขู่ไม่ต่างอะไรกับแม่เสือเลยทีเดียว ทหารของจวนและบ่าวไพร่พากันมองเจ้านายทั้งสองสลับไปมา มิรู้ว่าควรฟังผู้ใดดี ระหว่างแม่ทัพหยางซานหลาง กับฮูหยินของท่านแม่ทัพเอง

“บังอาจ! เจ้ากล้าหยามหน้าข้าผู้เป็นสามี โดยการเห็นคำสั่งข้าไร้ความหมาย”

หยางซานหลางเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่วันนี้ภรรยามิได้หลบอยู่หลังมารดาเช่นทุกครั้ง ซ้ำยังกล้าออกคำสั่งกับคนของเขาแบบไม่ไว้หน้าหรือเกรงกลัวผู้เป็นสามีเช่นเขา ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิดเดียว

มุมปากของโม่ไป๋หลานยกยิ้มอย่างท้าทาย ถามใจว่ากลัวหรือไม่ แน่นอนหลี่ถิงกลัวอยู่มิน้อย แต่ให้ยอมแพ้น่ะหรือ มันก็เท่ากับเธอและสาวใช้หรู่อี้จะไม่มีโอกาสให้มีลมหายใจอีกต่อไป หากยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายในวันนี้

“ไม่ได้ยินที่ฮูหยินน้อยสั่งกันรึยังไง หรือจะให้ข้าต้องพูดซ้ำ”

หยางฮูหยินแอบยิ้มพอใจกับคำสั่งของลูกสะใภ้เป็นอย่างมาก แต่นางรู้ดีว่าอำนาจของลูกชายมีมากกว่าสะใภ้อยู่ดี ด้วยตำแหน่งและฐานะสามีของบุตรชาย อย่างไรเสีย บ่าวไพร่ก็ต้องยำเกรงบุตรชายของนางมาก

กว่าสะใภ้เช่นโม่ไป๋หลาน หลิวเจินเจินจึงยื่นมือเข้าช่วยอีกแรง จะใหญ่แค่

ไหนก็ยังต้องเชื่อฟังมารดา

ทหารที่โบยสาวใช้จนหมดสติต่างมองไปทางท่านแม่ทัพของพวกเขาอีกครั้ง ด้วยสายตาไม่แน่ใจ ในเมื่อคำสั่งจากนายหญิงทั้งสองของบ้านขัดกับแม่ทัพผู้เป็นนายอีกคน

“หากคนของข้าเป็นอะไรไปจริง ๆ ข้าจะร้องเรียนผู้ที่มีอำนาจมากกว่าสามีข้า ให้ลงโทษพวกเจ้าซะ…”

เท่านั้นเอง ทหารที่รอฟังคำสั่งของหยางซานหลางรีบช้อนอุ้มร่างโชกเลือดของหรู่อี้ก้าวออกจากลานฝึกอย่างรวดเร็ว มีใครบ้างไม่รู้ถึงอำนาจของท่านหญิงโม่ไป๋หลาน ว่าหากนางใช้มันขึ้นมาจริง ๆ แล้วยื่นคำร้องไปยังผู้เป็นใหญ่ที่นางกล่าวมา หัวพวกเขามีเท่าไหร่ก็คงมิพอให้ตัด

“เจ้าจะไปไหนชิงชิง เห็นข้าแล้วยังไม่มาดูแลอีก หรือคิดว่าข้าตายไปแล้ว จึงคิดหานายคนใหม่กัน”

แม้เสียงจะยังแหบแห้งอยู่บ้าง แต่หลี่ถิงพยายามเค้นมันออกมาให้ดุดันมิแพ้สามีคนใหม่ที่เธอต้องรับมืออยู่ในเวลานี้ และไหนจะหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนแสดงละครน้ำเน่า เสแสร้งบีบน้ำตาอยู่ข้างชายหนุ่มนั่นอีกคน ยิ่งพอมองเห็นสายตาของสาวใช้ที่ลงมือสังหารโม่ไป๋หลานจนตาย แล้วกลายเป็นเธอที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน หลี่ถิงถึงกับหนักใจขึ้นมาเลยทีเดียวที่จำต้องต่อกรกับคนเหล่านี้

“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย ถ้าเช่นนั้น ชิงชิงพาท่านกลับเรือนนะเจ้าคะ”

ชิงชิงรีบก้าวเข้าประชิดผู้เป็นนายด้วยมือสั่นเทาเล็กน้อย ด้วยมิคิดว่าฮูหยินน้อยจะรอดตายมาได้ นางมั่นใจว่าก่อนขึ้นจากลำธาร ร่างของเจ้านายแน่นิ่งไปแล้ว

หลี่ถิงไม่คิดจะบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่ไป๋หลานให้ใครฟัง

อีก เพราะในเมื่อสามีของนางไร้ความเป็นธรรม พูดออกไปก็เท่ากับใส่ความคนของชายหนุ่มอยู่ดี เงียบไปก่อนค่อยจัดการทีหลังย่อมปลอดภัยกว่า

ดวงตาหงส์ชำเลืองมองสาวใช้ข้างกายที่ยื่นมือมาประคองแขนตนอยู่ด้วยความชิงชังแต่ยังคงเก็บทุกอย่างเอาไว้ภายในใจ

“ข้าหรือเจ้าเป็นนายกันแน่ชิงชิง เจ้าถึงได้มาคิดแทนตัวข้า ว่าจะอยู่หรือไป”

ใบหน้างามเชิดขึ้นน้อย ๆ หลังพูดเหน็บแนมสาวใช้ข้างกายแล้ว ทำให้หยางซานหลางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธกรุ่น เหมือนในเวลานี้ ภรรยากำลังตบหน้าเขาฉาดใหญ่ต่อหน้าผู้คนในจวน มิยำเกรงต่ออำนาจของเขาเลยแม้แต่น้อย ไหนจะมารดาที่ยืนถือหางสะใภ้อย่างเต็มตัวอีกเล่า

“จิตใจคับแคบ ชอบใช้อำนาจ ต่อให้ตายไปเกิดใหม่อีกกี่สิบรอบก็มิอาจเปลี่ยนแปลงคนอย่างเจ้าได้ แม้แต่คนที่คอยรับใช้เจ้าด้วยความภักดีอย่างชิงชิง เจ้ายังกล้าพูดจาเช่นนี้กับนาง ต่ำช้านัก…”

หลี่ถิงเบะปากงามเล็กน้อย เป็นการเย้ยหยันคำพูดของหยางซานหลาง โดยไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป