บทที่ 11 ลองแล้วหรือ
“เช่นนั้นหรือ แล้วไยนางถึงปล่อยข้าเกือบตายเล่า ไหนล่ะความภักดีของนาง สงสัยนางซื่อสัตย์และหวังดีต่อข้ามากเสียจนต้องการนายหญิงคนใหม่มาแทนข้า เพื่อ…” ทว่าหญิงสาวกลับไม่พูดประโยคสุดท้ายออกมา
“เพื่ออะไร ไยไม่พูดออกมาให้หมด ไป๋หลาน เจ้ามัน…มัน หึ! มองความภักดีของชิงชิงเป็นอื่น เพียงความหึงหวงไร้สาระของตัวเจ้าเอง”
หลี่ถิงอยากจะบอกเหลือเกิน ว่าคนภักดีของหยางซานหลางคือคน
ที่ฆ่าภรรยาของเขาเอง แต่เพราะสิ่งที่เขาตัดสินแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้แก่หรู่อี้เพียงคนเดียว มันก็ชัดเจนแล้วว่า หากนางเอ่ยปากออกไป เท่ากับใส่ร้ายผู้อื่นในสายตาของทุกคน
ร่างกายอ่อนล้า แต่พอถูกความไม่เป็นธรรมของชายหนุ่มตรงหน้าเล่นงาน หลี่ถิงเลยลืมสิ้นกับความเจ็บป่วยในตอนนี้
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”
“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”
“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”
หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด
จีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่างมิอาจเลี่ยงได้
หากทั้งสองคนยังต่อคำกันมิหยุด สุดท้ายคนที่จะถูกมองเป็นต้นเหตุคือนางนั่นเอง หากเป็นเช่นนั้นนางจำต้องหยุดมันลงเสีย ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้
“ท่านพี่ไป๋หลาน หายดีแล้วหรือเจ้าคะ กวานเอ๋อร์ดีใจมากเลยรู้หรือไม่ ตอนที่ข้ากลับไปหาท่านแต่ไม่พบ ตอนนั้น ข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“น้องพี่! ตาเจ้าก็ไม่ได้มืดบอดเสียหน่อย ข้ามายืนอยู่ตั้งนานมิคิด
จะถามไถ่ หรือเพิ่งคิดได้ว่าข้าคือผู้ใด จะว่าไปเจ้าก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตามานานแล้วนี่…ทุกวันนี้ข้าเองยังสงสัยอยู่ว่า เป็นตัวข้าหรือเจ้าที่แต่งแก่สกุลหยาง”
จีกวานฮวาถึงกับใบหน้าชาหนึบยิ่งกว่าถูกน้ำเย็นจัดในฤดูหนาวสาดเข้าใส่ใบหน้าก็มิปาน หลี่ถิงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ก่อนจะเสมองมือบางที่เกาะแขนตนเองอยู่ แล้วเชิดขึ้นแต่พองามดังเดิม
‘ไม่ถามฉันซะเลยล่ะ ว่าตายหรือยัง’
หลี่ถิงแอบคิดประชดอีกฝ่ายอยู่ในใจ ไม่ต้องให้ใครบอก เธอก็รู้ว่าสามีกับญาติสาวของโม่ไป๋หลานแอบเชื่อมสัมพันธ์ทางใจกัน แต่เรื่องอย่างว่ายังไม่อาจบอกได้ เพราะเธอเพิ่งตื่นมาแบบงง ๆ เช่นกัน ค่อยสืบหาเอาทีหลัง ตอนนี้จะล้มลงให้อีกฝ่ายเหยียบซ้ำไม่ได้เป็นอันขาด
“ท่านพี่ไป๋หลานกำลังเข้าใจข้าผิดไปนะเจ้าคะ ไยถึงได้คิดเช่นนั้นไปได้เจ้าคะ”
จีกวานฮวารีบแก้ความเข้าใจผิดของญาติตน ก่อนจะมีใครมองนางในทางมิดีไปกว่านี้
“คงจริงอย่างที่เจ้าว่า…ข้าเข้าใจผิดไปเอง แล้วน้องพี่คิดว่าอย่างไร
เล่า กับการที่เจ้าหายไปจากลำธาร อ๋อ…ข้านึกออกแล้ว เจ้าคงปลดทุกข์ไม่ค่อยออกสินะ ถึงได้กลับไปช้าเช่นนั้น จนทำให้ข้าไม่มีอะไรทำเพราะรอ
น้องสาวที่น่ารักนานเกินไป ข้าจึงได้กระโดดลงลำธาร เอาหน้าไปจุ่มน้ำเล่นจนเกือบตาย ใช่ไหมน้องพี่ หืม!”
หลี่ถิงเลิกคิ้ว ยิ้มยั่วน้อย ๆ พร้อมคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายนิ่งงันไปสักพัก
“เอ่อ….คือว่าข้า”
จีกวานฮวาได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อถูกว่าตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อมเลยสักนิดจากญาติผู้พี่ของนาง
“ไม่ต้องพูดแล้วกวานเอ๋อร์ คนเช่นนางมีดีแค่เพียงหน้าตา นอกเหนือจากนั้นหาดีมิได้สักอย่าง ซ้ำยังปากร้ายเช่นสตรีไร้การอบรม”
หยางซานหลางก้าวมาคว้าข้อมือของจีกวานฮวากลับไปยืนข้างตน พร้อมกล่าวตำหนิภรรยาแบบไม่ไว้หน้าเช่นกัน แม้เขาจะรู้แก่ใจว่าสิ่งที่เขากล่าวหาภรรยา มันไม่ใช่เรื่องจริงไปเสียทั้งหมดก็ตามที แต่เขาจะไม่พ่ายให้แก่นางเป็นอันขาด
ศึกนี้ ทุกคนที่ยืนอยู่ร่วมในเหตุการณ์ต่างพากันถึงกับเหงื่อตก เพราะมันเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ฮูหยินในท่านแม่ทัพหยางซานหลางลุกขึ้นมาแข็งข้อกับผู้เป็นสามีเช่นนี้
หลี่ถิงไม่รู้ความเป็นมาของทั้งคู่มากนัก แต่จากความทรงจำของ
โม่ไป๋หลานที่ไหลเวียนอยู่ในหัว หญิงสาวผู้เพียบพร้อมอย่างนางมิเคยคิดร้ายกับผู้ใดเลยจริง ๆ มีแต่คนอื่นที่คอยหมายเอาชีวิตนางอยู่ร่ำไป
“ท่านเคยลองแล้วหรือสามีข้า ถึงได้รู้ว่าภรรยาผู้นี้มีดีเพียงแค่หน้าตา…หืม!”
รอยยิ้มยั่วปรากฏขึ้น สายตาดุจนางแมวเจ้าเล่ห์และดูเย้ายวนถูกส่งให้แม่ทัพหนุ่มที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

















