บทที่ 12 อยากกรีดร้อง

หากตอนนี้ เขาเดินจากไปพร้อมจีกวานฮวา เท่ากับว่าเขายอมรับกับสิ่งที่ภรรยากล่าวหา และเป็นเรื่องที่มีผู้คนคอยจับตาอยู่มากเช่นกันในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับญาติผู้น้องของภรรยา และนั่นนับเป็นการประกาศความพ่ายแพ้ของเขาที่มีต่อโม่ไป๋หลานอีกเช่นกัน

“เจ้ามันต่ำช้าเกินไปแล้ว โม่ไป๋หลาน รู้หรือไม่ว่าน้องสาวของเจ้า นางเสียสละเวลามากแค่ไหนที่ต้องมาคอยดูแลพี่สาวที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นเจ้า ซึ่งวัน ๆ เอาแต่แต่งตัวกับสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากข้า”

หยางซานหลางพยายามสรรหาคำพูดมาต่อว่าภรรยาเพื่อรักษาหน้าตนเองเอาไว้

หลี่ถิงยิ้มเยาะกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า นี่เหรอสามีที่โม่ไป๋หลานรัก ไร้ค่าเสียกว่าอะไร ซ้ำยังเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ถือว่าสิ่งที่เธอทำเพื่อจะตอบแทนร่างกายของไป๋หลานก็แล้วกัน เธอจะต้องเรียกร้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนี้คืนมา และปลดพันธนาการจากผู้ชายคนนี้ให้จงได้

“ข้ามันต่ำช้า แล้วท่านจะทำไม อีกอย่าง ท่านหลงตัวเองมากไปหรือไม่ สามี ที่คิดว่าท่านสำคัญจนคนเช่นข้าจะต้องเรียกร้องความสนใจ อย่างท่านก็มีดีแค่รูปงาม อย่างอื่น…คงไม่ต้องให้ข้าบอก”

หลี่ถิงแกล้งเบนสายตาลงต่ำเพื่อสื่อความหมายเป็นนัยยะ หญิงสาวเบะปากส่งให้สามีพร้อมทั้งยักคิ้วท้าทายซ้ำเข้าไปอีก ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกตะลึงตาค้างในการกระทำของภรรยาที่เขามิเคยเห็นมาก่อน และไม่คิดว่าคนเช่นนางจะทำมันด้วย

หลี่ถิงหันไปส่งยิ้มให้แม่สามีที่ตอนนี้ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภูมิใจในตัว

ลูกสะใภ้ที่วันนี้นางมิจำเป็นต้องกางปีกปกป้องเช่นเมื่อก่อนแล้ว

‘ต้องแบบนี้! เจ้าถึงจะอยู่รอดหลานเอ๋อร์’

“เจ้ายังป่วยอยู่นะหลานเอ๋อร์ มา...เดี๋ยวแม่พาไปส่ง พวกเจ้า ใครก็ได้ไปบอกแม่ครัวให้ทำอาหารบำรุงสะใภ้ข้าเร็ว ๆ เข้า” หลิวเจินเจินเอ่ยปากขึ้นก่อนที่ลูกชายตัวดีจะพูดอะไรไม่เข้าหูนางขึ้นมาอีก สตรีต่างวัยจับจูงกันเพื่อจะกลับไปยังเรือนของไป๋หลาน โดยทิ้งหยางซานหลางไว้ด้านหลัง ชายหนุ่มได้แต่หายใจแรง ๆ เพื่อระงับอารมณ์โกรธกรุ่น

จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อย

หลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้

“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบ

กรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียว

หยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สามารถทำให้คนเอนเอียงตามได้ แม้มันจะดูมิเหมาะสมที่นางต่อคำกับเขา แต่กลับบ่งบอกถึงความเข้มแข็งของเจ้าตัวอยู่ในที

ใช่แล้ว...เขาสืบความไม่ได้กระจ่างก่อนตัดสิน

แต่แล้วอย่างไรเล่า เพราะมันควรเป็นไปตามสิ่งที่เขาพูดมิใช่หรือ เขาคืออำนาจเด็จขาด แต่โม่ไป๋หลานกลับใช้อำนาจของสกุลนางมาหักล้างคำตัดสินของเขา โดยตัวเขาก็มิอาจทัดทานได้ มิคิดว่าเพื่อสาวใช้เพียงคนเดียว ภรรยาของเขาจะกล้านำอำนาจของตระกูลมาข่มขู่คนในจวน โดยไม่มีความเกรงกลัวในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

“พี่ซานหลาง คือว่า...”

จีกวานฮวาชะงักค้าง ด้วยเวลานี้แม่ทัพหนุ่มกำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกันไปหมด จนนางเองก็มิอาจตั้งรับได้ทันเช่นกัน หยางซานหลางหันไปมองหญิงสาวก่อนจะระบายยิ้มน้อย

“ว่าอย่างไรหรือ กวานเอ๋อร์”

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา หัวหน้าพ่อบ้านเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่เสียก่อน

“เรียนท่านแม่ทัพ…ท่านแม่ทัพใหญ่ให้มาเชิญไปพบด่วนขอรับ”

ทั้งคู่จึงยุติการสนทนา ก่อนจะหันไปยังชายวัยกลางคน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในจวน ใบหน้านิ่งสนิทของพ่อบ้านเกาไม่มีผู้ใดสามารถเดาอารมณ์หรือความรู้สึกของเขาออก ชายผู้นี้จะแย้มยิ้มกับคนเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือฮูหยินน้อยโม่ไป๋หลาน

“อืม! ถ้าเช่นนั้น เจ้าไปส่งคุณหนูกวานฮวาแทนข้าด้วย” หยางซานหลางยิ้มน้อย ๆ ให้หญิงสาวข้างกาย

ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเดาได้ถึงเรื่องที่บิดาต้องการหารือกับเขา มิพ้นมีเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

“ได้ขอรับ ท่านแม่ทัพ”

พ่อบ้านเกาตอบรับ ก่อนจะขยับก้าวถอยออกไป เพื่อรอให้เจ้านายสนทนากันเสียก่อน

จีกวานฮวาได้แต่ยิ้มละมุน มิได้เอ่ยแทรกหรือโต้ตอบอันใด แม้จะรู้สึกขัดเคืองใจอยู่มิน้อยที่ตนเองเสมือนเป็นส่วนเกินของจวนแห่งนี้ แม้แต่พ่อบ้านเกา นางก็ดูออกว่าเขามิชอบใจกับการมาเยือนของนางเท่าใดนัก นางพบเจอพ่อบ้านเกาคราใด แม้แต่รอยยิ้มหรือคำพูดทักทายนางสักครั้งก็มิเคยได้รับจากคนผู้นี้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป