บทที่ 5 EP. 4

“อีกแก้วไหมมึง?” ส้มโอยื่นค็อกเทลสีชมพูใส ๆ มาให้ พร้อมรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม

“กูควรจะพอก่อนที่หน้าจะแดงกว่านี้” น้ำอิงพูดเสียงเรียบ แต่รับแก้วมากระดกเข้าปากจนหมด

“เชี่ย นี่มึงเรียกว่าควรจะพอ?” ฟ้าทำหน้าเหวอ ไม่เคยเห็นน้ำอิงดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน

“มึงควรหยุดดื่มก่อนที่พี่คนขับต้องแบกมึงขึ้นรถอะ!” ส้มโอแทรกขึ้นตาม

"หึ~" น้ำอิงขำเบา ๆ แต่ในใจเธอกลับวุ่นวายอย่างถึงที่สุด คืนนี้เธอไม่ตั้งใจจะเมามาก แค่อยากจะทำอะไรสักอย่างให้ใจมัน ‘เบา’ กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

เพราะแค่ได้นั่งโต๊ะเดียวกัน มองหน้าเขามันก็มากพอจะทำให้กำแพงที่เธอสร้างมาเริ่มสั่นคลอน

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แสงไฟในคลับเริ่มเบาลง บรรยากาศเริ่มโรยตัวลงสู่โหมด “แยกย้าย”

“พี่เหนือเมฆสุดหล่อครับ ไปส่งน้องอิงด้วยนะเว้ย อย่าลืม!” กันต์ตะโกนพร้อมตบหลังเพื่อนแรง ๆ

“คนแพ้ต้องรับผิดชอบคนสวย!” โยธายกยิ้มอย่างมีเลศนัย

"รู้แล้ว" เหนือเหลือบมองไปทางน้ำอิงที่ตอนนี้นั่งหลับตาพิงโซฟา ปลายจมูกแดงเรื่อเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอดูนิ่งมาก แต่ก็...น่ามองในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“กลับได้แล้วมั้ง?” เหนือเรียกเบา ๆ ข้างโซฟา ดวงตากลมโตจึงลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยันตัวขึ้นยืนในที่สุด

บรรยากาศหน้าคลับยังคงมีแสงไฟสลัว ๆ อากาศเย็นเยียบปะทะใบหน้าเธอเบา ๆ ขณะเดินตามร่างสูงออกมาจากประตูหลัก

และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำเอาเธอชะงักเท้ากะทันหัน รถที่จอดรออยู่ตรงหน้าคือแมคลาเรนสีเทาดำด้าน ล้อรมดำ ก่อนประตูจะเปิดขึ้นด้านบนอัตโนมัติแบบปีกนก

“คันนี้เหรอ?” น้ำอิงถามเสียงเบา พร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“อืม” เหนือเมฆขานรับในลำคอพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้เธอ

น้ำอิงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นแตะชายกระโปรงเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ก้าวเข้าไปนั่งในรถ

เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตคันหรูทำงานเงียบกริบ ขณะที่ตัวรถลื่นไถลไปตามเส้นทางกลางเมืองยามค่ำคืน บรรยากาศในรถกลับต่างออกไปจากภายนอกลิบลับ เพราะมันเงียบ...จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน

น้ำอิงเอนหลังพิงเบาะหนัง สายตามองออกไปนอกกระจกฝ่าม่านแสงนีออนริมถนน เธอยังรู้สึกถึงแรงสะเทือนในอก แม้จะพยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ควรมีอะไรต้องรู้สึกอีก

“จำได้ไหม?” เสียงทุ้มของเหนือดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบ คล้ายคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก

“ไม่ได้ค่ะ?” น้ำอิงหันมามองเขาเล็กน้อยหลังจากตอบปฏิสเธออกไปทันควัน

"พี่รู้ว่าเรายังจำได้ น้ำอิง" เหนือเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังจนคนตัวเล็กข้าง ๆ ต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

"งั้นก็พูดมาค่ะ" เธอหันไปมองจ้องหน้ารุ่นพี่สุดหล่อที่เคยทำให้ใจพังอย่างเต็มสองตาอีกครั้ง หัวใจดวงเล็กที่พยายามจะเข้มแข็งตั้งใจว่า ในเมื่อผีผลักเขาเข้ามาในชีวิตเธอแล้ว เธอก็จะสู้กับมันให้ถึงที่สุด

“ตอนนั้นที่เราเอากุหลาบให้พี่...”

“อ้อ...เรื่องนั้นเองเหรอคะ จำได้สิคะ" เธอแค่นรอยยิ้มออกมา ในขณะที่เหนือเหลือบตามามองเช่นกัน

“ขอโทษนะ ที่ตอนนั้นไม่ตอบอะไรเลย” เขาเอ่ยต่อ น้ำเสียงเรียบแต่เจือไปด้วยความจริงใจทุก ๆ คำ

“หึ~ งั้นตอนนั้นอิงคงดูโง่น่าดูเลยใช่ไหมคะ” เธอหลุดหัวเราะน้อย ๆ แล้วพึมพำออกมาอย่างตัดพ้อ

เหนือเมฆเบรกรถเบา ๆ ขณะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นแดง เขาหันหน้ามาหาเธอ ดวงตาคมจ้องมองราวจะทะลุความเย่อหยิ่งทุกชั้นที่เธอพยายามใส่ไว้

“ไม่ใช่โง่...แต่กล้าหาญ”

เธอหันไปสบตาเขาทันที หัวใจเธอเหมือนถูกดึงกลับไปในวันนั้น วันที่เธอเดินยื่นจดหมายให้เขาโดยไม่รู้ชะตาของหัวใจตัวเองเลยสักนิด

...แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว

สัญญาณไฟเขียวสว่างขึ้น รถเคลื่อนตัวอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบงันที่ยังคงลอยวนอยู่ในอากาศ ก่อนที่เหนือเมฆจะเป็นฝ่ายเปิดประโยคสนทนามาอีกระรอก

“เพราะตอนนั้น...พี่มีแฟนแล้ว”

“ค่ะ อิงรู้” น้ำอิงพูดทั้งที่ยังมองหน้าเขาตรง ๆ ดวงตาคมมีประกายแวววาวจากแสงไฟริมถนน เธอชอบที่เขาเป็นคนตรง ๆ ไม่เสแสร้ง แต่ผิดที่เธอเองที่ดันไปบอกรักคนที่มีเจ้าของแล้ว และก็กลับมาแตกสลายเองอยู่หลายปี

“แล้วตอนนี้ล่ะคะ มีใครหรือยัง?” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถาม เหนือเมฆเหลือบมองอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ตอบเรียบ ๆ

“ไม่มี”

“ก็ดีค่ะ" น้ำอิงหัวเราะเบา ๆ แต่ในนั้นไม่มีความขำเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนร่างบางจะเปลี่ยนท่าทางการนั่งช้า ๆ

“จะทำอะไร?” เหนือถามเบา ๆ อย่างตกใจนิด ๆ เมื่อน้ำอิงเอนตัวพิงพนักและเบือนตัวมาทางเขาเต็มตัว ขาข้างหนึ่งไขว่ห้างขึ้นมาใหม่ มือเรียวยกขึ้นเล่นเส้นผมเบา ๆ อย่างจงใจ ดวงตาสวยคมมองเขาอย่างท้าทาย

“ไม่ทำอะไรค่ะ” เธอพูดเสียงเบา และคำตอบนั้นกลับเอาเอาเหนือเมฆขมวดคิ้วนิด ๆ แต่ยังคงนิ่งเฉยเช่นเดิม

น้ำอิงโน้มตัวไปใกล้กว่าเก่าในระยะห่างไม่ถึงหนึ่งคืบ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอลอยชัดในอากาศ

“พี่เคยทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้จนแทบขาดใจ” เสียงเธอสั่นนิด ๆ แต่สายตายังไม่หลบ “คืนนี้เธอเลยอยากดูว่าพี่จะทำยังไง ถ้าเธอไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกต่อไปแล้ว”

มือเล็กเอื้อมปลายนิ้วไปแตะเบา ๆ ที่คอเสื้อเขา ลากผ่านลำคอลงมาเล็กน้อย มองลูกกระเดือกเคลื่อนตัวยามที่เจ้าของร่างกลืนน้ำลายเบา ๆ ก่อนมือหนาจะปล่อยออกจากพวกมาลัยและจับข้อมือของเธอไว้นิ่ง ๆ

“อิง!” เสียงเขาเรียกช้า ๆ น้ำเสียงไม่ดุ แต่เป็นแบบที่น้ำอิงรู้ว่าถ้ายังดื้อ เขาจะหมดความอดทน แต่เธอก็ยังยิ้ม ยิ้มอย่างรู้ตัวดีว่ากำลังทำให้เขา เกือบหลุด

บรรยากาศในรถก็เหมือนจะเครียดขึ้นอีกหน่อยแต่น้ำอิงกลับรู้สึกสนุก อย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน

“แล้ว…” เสียงเธอดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แผ่วเบาและนุ่มเหมือนกำลังลูบจิตใจของอีกฝ่าย

“ผู้หญิงคนนั้น…พี่รินใช่มั้ยคะ?”

เหนือหันมามองเธอเล็กน้อย แววตาคล้ายประหลาดใจที่เธอยังจำได้แม่นขนาดนี้ทั้งที่เขาเคยอยู่กับรินแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว

“ตอนนั้น...พี่เขาสวยมากเลยนะคะ อิงหมายถึง...เหมาะกับพี่ดี” น้ำอิงเอ่ยเสียงเรียบ แต่สายตากลับสื่อความหมายยากจะอ่านออก

“รินไปเรียนต่อที่อังกฤษ เราเลิกกันก่อนที่เธอจะบิน”

“อื้ม” น้ำอิงรับคำสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง แต่แค่ไม่กี่วินาที เธอก็หันกลับมาหาเขาอีก

“จริง ๆ ถ้าตอนนี้พี่จะมีอีกสัก...สิบพี่ริน อิงก็ไม่แคร์หรอกค่ะ” น้ำเสียงของเธอยังคงนุ่ม แต่รอยยิ้มกลับแฝงความมั่นใจ และแซ่บกว่าทุกคำที่เธอเคยพูด

“เพราะสำหรับอิงตอนนี้…มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพี่จะมีใครหรือเปล่า แต่อยู่ที่ว่าพี่อยากมีอิงหรือเปล่าต่างหาก”

น้ำอิงยิ้มเบา ๆ และหันไปสบตาเขาอีกครั้งเมื่อรถคันหรูขับเข้ามาจอดที่หน้าคอนโดของเธอแล้ว มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตู แต่จู่ ๆ ก็ถูกมืออีกข้างรวบไว้แน่นจากด้านข้าง

เหนือเมฆโน้มตัวเข้ามาใกล้ ใกล้จนแผ่นหลังของเธอแนบเบาะ ใกล้จนลมหายใจของเขาแทบแตะผิวแก้มของเธอ หัวใจดวงน้อยสะดุดวูบหนึ่ง ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะเธอเอง...ก็ไม่คิดว่าเขาจะ "กล้าขนาดนี้"

“พี่จะทำอะไร” น้ำอิงถามเสียงแผ่ว พยายามไม่ให้ตัวเองเผลอหลบตา เหนือไม่ตอบอะไร แต่ปลายนิ้วของเขาเลื่อนไปแตะกรอบหน้าของเธอเบา ๆ แล้วค้างไว้อย่างนั้น

ระยะห่างระหว่างริมฝีปากของเขากับเธอ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ดวงตาคมคู่นั้นจับจ้องลงมาไม่กระพริบ เหมือนกำลังจะกลืนทุกอย่างที่เธอพยายามปิดบังไว้มานาน

“ถ้าจะเล่น…ก็เล่นให้สุดนะน้ำอิง เพราะถ้าวันไหนพี่เล่นกลับ…เราอาจจะหนีไม่ทัน”

เหนือค้างมือไว้ชั่ววินาที ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วถอยตัวกลับไปที่ตำแหน่งเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มุมปากยังยกยิ้มแบบที่ทำให้เธอรู้สึกเสียหลักในใจ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป