บทที่ 6 EP. 5
เสียงล็อกรถดังขึ้นเบา ๆ ตามหลังในขณะที่น้ำอิงก้าวเข้าไปในล็อบบี้ของคอนโด เธอไม่ได้หันกลับไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างรถด้วยซ้ำ ทั้งที่เธอรู้ว่าเขายังคงมองอยู่
มือเรียวยื่นออกไปกดลิฟต์ ก่อนจะเอนหลังพิงผนังเย็น ๆ หัวใจยังเต้นแรงไม่เลิก ทั้งที่พยายามเงียบ นิ่ง เย็นชาให้เหมือนเดิม
แต่คำพูดสุดท้ายของเขา...
“ถ้าจะเล่น…ก็เล่นให้สุดนะน้ำอิง เพราะถ้าวันไหนพี่เล่นกลับ…เราอาจจะหนีไม่ทัน”
เธอไม่ได้กลัว
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก!
ภายในห้องพักหรูสไตล์มินิมอลของน้ำอิง แสงไฟสีส้มอุ่นสาดทาบทั่วผนังห้องเมื่อเธอเปิดสวิตช์ มือเล็กวางกระเป๋าลงข้างเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างอ่อนล้า
น้ำหอมจากคอเสื้อเขายังติดอยู่บนปลายนิ้ว เธอแค่นหัวเราะเบา ๆ ขณะมองเพดาน
“พี่แม่ง...ยังหล่อเหมือนเดิม”
หล่อเกินไปด้วยซ้ำ...
เช้าวันถัดมา ต่อให้เมื่อคืนจะดึกดื่นเละเทะแค่ไหน แต่คนมีความรับผิดชอบสูงอย่างน้ำอิงก็ยังต้องแหกตาตื่นเพื่อมาเรียนคาบเช้าให้ทันจนได้ ร่างบางให้ชุดเสื้อโปโลกางเกงวอมก้าวเข้ามาในโรงอาหารด้วยใบหน้าสวยสะดุดตาเช่นเดิม
“เมื่อคืนเป็นไงบ้างคะ คนสวย?” ส้มโอลากเสียงแซวทันทีที่เห็นเพื่อนสาวเดินเข้ามาในโรงอาหาร
“หืม? ก็ดีค่ะ สบาย ๆ” น้ำอิงนั่งลงพร้อมวางแก้วกาแฟเย็นลงโต๊ะ วันนี้เธอแต่งหน้าสวยกว่าทุกวันนิดหน่อย เสื้อเชิ้ตขาวปลดกระดุมบนหนึ่งเม็ด ผูกผมหางม้าหลวม ๆ ทาปากแดงอมส้มนิด ๆ
“มึงล่ะ แต่งตัวเหมือนพร้อมไปประชุมกรรมการบริหาร” ฟ้าหัวเราะใส่หน้าส้มโอ เพราะรายนี้เล่นปิดกระดุมครบทุกเม็ด และคงไม่ต้องเดาให้ยากว่าภายใต้กนะดุมนั่นมีรอยอะไรอยู่
“ก็คนมันเรียบร้อย” ส้มโอยักไหล่ แล้วยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบก่อนจะเหลือบตาออกไปทางหน้าตึก
"นั่น...." ส้มโอชี้นิ้วไปยังกลุ่มคนที่เธอไม่คิดว่าจะเห็นที่นี่ เหนือเมฆเดินเข้ามาพร้อมกันต์และโยธา สามหนุ่มแห่งวิศวะที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตาแบบไม่ต้องโปรโมต
น้ำอิงค่อย ๆ หันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเขาหยุดมองตรงมาที่เธอพร้อมรอยยิ้ม น้ำอิงจึงยกยิ้มตอบบาง ๆ แล้วละสายตาออกมาทำเป็นไม่สนใจ แต่ในอกกลับเต้นรัว
“ไปหาพี่คีย์ที่รถแปปนะ” เสียงส้มโอพูดขึ้นก่อนจะหยิบกระเป๋าเตรียมไปหาแฟน
“ไปเหอะ คนติดแฟน” น้ำอิงโบกมือไล่แบบขอไปที ส่วนฟ้ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ต้องชะงักเมื่อเงาของใครบางคนยืนอยู่ข้างโต๊ะ
“ว่างไหม?” เสียงทุ้มของเหนือเมฆ รุ่นพี่วิศวะที่ไม่เคยเข้าหาใครมาก่อนพูดขึ้น ท่ามกลางความสนใจของคนครึ่งโรงอาหาร
“มีธุระเหรอคะ?” เธอถามกลับโดยไม่ลุกขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มแผ่ว ๆ สายตาเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงการถูกจ้องมองมากเกินไป ไม่ใช่จากคนอื่นแต่จากคนตรงหน้า!
“พี่อยากคุยด้วย แค่สองนาที”
น้ำอิงหันไปมองฟ้าเล็กน้อย เพื่อนสาวพยักหน้าเบา ๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ไปเหอะมึง’
น้ำอิงและเหนือเมฆเดินออกมาด้วยกันใต้ร่มไม้ริมตึกคณะ เสียงนกร้องเบา ๆ ปะปนกับซุบซิบนินทาของคนที่พบเห็น
“เมื่อคืน...เรายั่วพี่เหรอ?” คำถามแรกทำเอาน้ำอิงสะดุดฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาขำเบา ๆ
“เปล่าหนิค่ะ พี่อย่าคิดมากสิ” น้ำเสียงเธอฟังดูเล่น ๆ แต่นัยน์ตาเรียบนิ่งและพยายามหลบซ่อนบางอย่างอยู่ในแววตานั้น
“อย่าล้อเล่นแบบนั้นถ้าไม่ได้รู้สึกอะไร” เขาพูดเรียบ ๆ จนเธอเงียบไปชั่ววินาที
“เหรอคะ?” น้ำอิงพยักหน้าช้า ๆ สายตาที่เธอจ้องมองเขายังคงนิ่งและสั่นไหว ในขณะที่เหนือก็มองเธอชัด ๆ อยู่นาน ก่อนจะพูดเสียงเบา
"เว้นแต่จะอยากจริงจัง"
คำพูดของเหนือเมฆยังอวลอยู่ในอากาศ ก่อนที่น้ำอิงจะเบือนสายตาออกไปอีกทาง เหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่กลับมีเสียงเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“นั่นใช่เรารึเปล่า น้ำอิง?”
เสียงทุ้มสุภาพของใครบางคนดังขึ้นจากทางเดินด้านข้าง ก่อนที่ร่างสูงในชุดนักศึกษาปีสี่จะเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ
“พี่ท็อป?” น้ำอิงเลิกคิ้ว ยิ้มกว้างทันทีเมื่อจำได้
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสองสี ผมเซ็ตเนี้ยบในชุดเสื้อเชิ้ตขาวพับแขนดูเป็นกันเอง แต่บุคลิกกลับดูอบอุ่นจนเกินจะมองข้าม
“ไม่ได้เจอนานเลยนะน้องอิง โห สวยขึ้นเยอะเลย” เสียงเขานุ่มนวล ยิ้มตาหยี ขณะมองเธอเหมือนลืมไปเลยว่ามีใครยืนอยู่ข้าง ๆ
“พี่ก็ชมเกินไป” น้ำอิงยิ้มตอบ แต่ไม่ได้หลบสายตาเขาเลยแม้แต่นิด
ส่วนเหนือเมฆยืนนิ่ง มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในอกกลับขุ่นนิด ๆ อย่างไม่รู้ตัว
“หือ แล้วนี่?” พี่ท็อปเหลือบตาไปมองเหนือ ก่อนจะยิ้มอย่างสุภาพ
“รู้จักกันเหรอ?”
น้ำอิงหันไปสบตาเหนือเมฆแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้พี่ท็อป
“ก็...พอรู้จักค่ะ” เธอเว้นคำเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มให้ท็อปในแบบเดียวกับในรถเมื่อคืน ที่เธอยิ้มให้เขา
"แค่รู้จักกันเอง" คำพูดนั้นแทงเข้าตรงกลางอกของคนที่ยืนฟังอยู่
ท็อปหัวเราะออกมาเบา ๆ “ดีเลย งั้นไม่ต้องแนะนำอะไรกันเพิ่มเนอะ”
เขาหันมาหาน้ำอิงอีกครั้ง “มีเวลาว่างตอนนี้ไหม พี่กำลังจะไปกินกาแฟที่ร้านประจำข้างคณะเรานี่เอง พี่เลี้ยงเองเลย ถือว่าทักทายรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนาน”
“ได้ค่ะ ว่างพอดีเลย” น้ำอิงทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและเดินตามพี่ท็อปไปอย่างไม่ลังเล เธอหันกลับมามองเหนือเมฆอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นมองเขาเต็ม ๆ ตา แล้วพูดเสียงเบาเจือรอยยิ้ม
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ พี่เหนือเมฆ”
เหนือเมฆไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนนิ่ง ๆ มองแผ่นหลังของเธอที่เดินเคียงข้างรุ่นพี่อีกคนไปอย่างสนิทสนม
และแปลกที่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนบางอย่างในอกถูกกระตุกเบา ๆ มันไม่ใช่ความโกรธ ไม่ใช่ความหึงชัดเจน แต่มันคืออะไรตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
คาเฟ่ข้างคณะศิลปศาสตร์ เครื่องดื่มและเค้กช็อคโกแลตถูกนำมาวางบนโต๊กระจกกลมสำหรับที่นั่งสองคน ท็อปนั่งมองรุ่นน้องสาวด้วยรอยยิ้มและสายตาที่สื่อถึงความหมายของหัวใจชัดเจน
“ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอน้องอิงที่นี่อีก” ท็อปพูดพร้อมยื่นแก้วกาแฟเย็นให้ น้ำอิงจึงรับไว้พลางยิ้มเล็กน้อย
“ก็โลกมันกลมค่ะ”
“ไม่คิดถึงพี่หน่อยเหรอ?” เสียงเขาแกล้งถามพร้อมยักคิ้ว น้ำอิงจึงหลุดหัวเราะในลำคอ
“พี่คิดถึงอิงเหรอคะ?”
“เอาจริง ๆ ก็ใช่ ตอนนั้นพี่เคยคิดจีบเรานะรู้มั้ย”
“จริงเหรอคะ แล้วทำไมไม่จีบล่ะคะ?” น้ำอิงเลิกคิ้ว ดวงตาวาววับขึ้นอย่างน่าสนใจ
“พี่ได้ยินมาว่าเราชอบคนอื่นอยู่ พี่เลยถอย”
คำตอบนั้นทำให้น้ำอิงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ท็อปกลับยกยิ้ม “แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะว่างนะ?”
“อิงก็ไม่แน่ใจค่ะ ว่าอิงว่างไหม หรือกำลังวุ่นอยู่กับคนบางคนก็ไม่รู้” เธอพูดติดเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนเบา ๆ ไม่ได้ยอมรับว่าโสด หรือปฏิเสธว่ามีใครแล้ว ก่อนประโยคคำถามของท็อปจะทำให้น้ำอิงถึงกับชะงัก
"คนบางคน ที่หมายถึงเหนือเมฆ...หรือเปล่า?"
