บทที่ 7 EP.6
เสียงบีทดนตรีอิเล็กทรอนิกส์กระหึ่มก้องทั่วลานจัดแสดงกลางห้างหรูใจกลางเมือง ไฟสปอร์ตไลต์สีขาวนวลสาดลงบนรถสปอร์ตคันละสิบล้าน ที่จอดเรียงรายใต้แบนเนอร์งานแสดงรถยนต์หรูแห่งปี
ร่างระหงในชุดบอดี้สูทเข้ารูปสีดำด้านมีโลโก้ค่ายรถหรูติดอยู่บนอกขวา ส้นสูงสิบเซนต์ไม่ทำให้เธอเดินยากเลยแม้แต่นิด น้ำอิงขยับท่าทางอย่างสง่างามราวกับได้รับการฝึกฝนมาจากเวทีนางงามระดับชาติ
กล้องจากหลายสำนักข่าวโฟกัสมายังเธอ พร้อมเสียงแฟลชที่ดังไม่หยุด
“หมุนตัวหน่อยค่ะน้องอิง เยี่ยมครับ!”
“ขอรูปกับรถคันนี้ด้วย!”
เสียงของช่างภาพดังแทรกกันทั่วพื้นที่จัดแสดง น้ำอิงส่งรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดู ‘มีระดับ’ มากกว่าหวานสดใส มือเรียวค่อย ๆ ลูบขอบกระโปรงหน้าของแมคลาเรนสีดำเงา ก่อนจะหันมาสบตากล้องด้วยแววตาคมกริบ
เธอสวย สวยแบบที่ใครต่อใครต้องหยุดมอง แต่กลับไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาแบบล้ำเส้น
เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลแล้ว น้ำอิงยังเปล่งประกาย ‘ชนชั้น’ แบบที่ไม่มีใครกล้าคิดว่าเธอเป็นพริตตี้ธรรมดา
และเบื้องหลังเวที พริตตี้คนอื่น ๆ หลายคนกำลังเม้าท์เสียงเบา
“นี่น้องอิงลูกใครนะ มางานทีคือจัดพร็อปมาแบบคุณหนูไฮโซ”
“เคยได้ยินนะว่าบ้านนางเป็นเจ้าของโรงแรมในเครือรวีวรรณ”
“ดูดิ พวกเซลล์ค่ายรถยังไม่กล้าแตะตัวเลย”
น้ำอิงเดินผ่านด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เธอได้ยินทั้งหมด แต่ไม่เคยตอบโต้ เพราะเธอทำงานนี้ก็เพราะรักในความสวย ความสง่า ความรู้สึกเวลาอยู่ใต้แสงไฟ ไม่ใช่เพราะต้องการเงินหรือชื่อเสียงใด ๆ แม้ค่าตัวของเธอจะสูงกว่าใครในวงการนี้หลายเท่าก็ตาม
พอพักเบรก เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอะไรบางอย่างเงียบ ๆ แวบหนึ่งในจอคือข้อความไลน์จากพี่ท็อป
“พี่จะไปรับหลังเลิกงานนะ”
“ถ้ามีใครมาจีบ…ให้บอกไปว่าไม่ว่างแล้ว”
น้ำอิงมองข้อความนั้นนิ่ง ๆ ก่อนจะเลื่อนผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกดล็อกหน้าจอ
เธอไม่ได้มองความสัมพันธ์เป็นเกม
แต่ถ้าใครจะเข้ามาในชีวิตเธอ...ก็ต้องรู้ไว้ก่อนว่า
เธอไม่ใช่ใครที่เขาจะจัดวางได้ตามใจ!
บ่ายสามโมงที่แดดด้านนอกจัดจนแสบตา เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของรองเท้าคอนเวิร์สกระทบพื้นซีเมนต์ใต้ตึกวิศวะตามจังหวะการเดินของกลุ่มชายหนุ่มสี่คน
ทุกคนต่างอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีแดง แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ หุ่นล่ำระดับนายแบบ เดินเรียงแถวกันอย่างไม่ตั้งใจแต่โคตรเด่น
“ไปไหมพวกมึง?” กันต์หันมาถามทันทีหลังวางสายจากทีมงานที่มักจะส่งข่าวให้เขาไปทำหน้าที่ลูกชายเจ้าของบริษัทเป็นประจำ
“พ่อง! เพิ่งเรียนเสร็จ จะลากกูไปไหนอีกวะ?” โยธาบ่นเสียงห้าวขัดใจแบบขำ ๆ
“ไปดูพริตตี้!” กันต์ยิ้มกว้างแบบเจ้าเล่ห์
“โห มึงไม่เบื่อเหรอ? ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นควาย มึงดูพริตตี้มาน่าจะหมดประเทศแล้วนะ” โยธาถามพลางยกคิ้ว
กันต์ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจังนัก “เบื่อดิ๊ แต่วันนี้กูต้องไปว่ะ”
คีย์หันขวับมามองด้วยความสงสัย “ทำไมวะ มึงจะไปรับพริตตี้เข้าบ้านเหรอ?”
กันต์ยักไหล่ “ก็แค่…เค้าแจ้งมาว่าคนนึงในงานวันนี้เป็น น้องน้ำอิง”
จังหวะนั้นเองที่เหนือเมฆซึ่งเงียบมาตลอดก็หันขวับกลับมาทันที
“น้ำอิง?” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาสั้น ๆ แต่น้ำหนักในคำถามมันมากพอจะทำให้ทุกคนหยุดเดินชั่วขณะ
กันต์ยิ้มกริ่มทันที “อือ...เพื่อนแฟนไอ้คีย์คนนั้นไง ที่มึงไปส่งเขาที่คอนโดอ่ะ หน้าโคตรสวย หุ่นโคตรแซ่บ วันนี้เป็นพริตตี้เปิดงานแมคลาเรนเลยนะเว้ย!”
“เออ กูเคยได้ข่าวว่าน้องเค้าทำงานสายนี้ประจำ” คีย์เสริม
“แล้วคืออะไร? มึงอยากจีบรึไงไอ้กันต์?” โยธาขมวดคิ้ว
“จีบเชี่ยไร กูไม่อยากจีบ แต่...อยากเห็นคนที่ทำให้ไอ้เหนือหยุดหายใจตอนมันได้ยินชื่อมากกว่า” กันต์หัวเราะออกมาอย่างจับสังเกตุได้
ก่อนทุกคนจะหัวเราะลั่นพร้อมกัน ยกเว้นเหนือเมฆที่ยังนิ่ง แต่ในอกกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังตีขึ้นมาถี่ ๆ แล้วจู่ ๆ เหนือก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวกูขับให้เอง”
กันต์เหล่ตามองทันที “เฮ้ย! โห ไอ้เหนือจะขับรถให้กูเนี่ยนะ! ปกตินั่งหล่อขรึมหลังรถตลอดไม่ใช่เหรอวะ?”
เหนือไม่ตอบ แต่แค่มองเขาเฉย ๆ พร้อมส่งกุญแจให้โยธาเป็นคนเปิดประตูรถแทน
คีย์รีบหันไปกระซิบกับโยธา “กูว่าแปลก ๆ ว่ะ”
โยธาพยักหน้า “กูก็ว่ามึงพูดชื่อผิดนะ นั่นไม่ใช่น้ำอิงธรรมดา นั่นมัน น้ำอิงของไอ้เหนือ”
เสียงเพลงฮิปฮอปคลอเบา ๆ ในรถคันหรูที่แล่นฉิวไปตามถนนกลางเมือง กันต์นั่งเบาะหน้าโยกหัวตามจังหวะ ส่วนคีย์กับโยธานั่งหลัง กำลังแทะไก่ทอดกับแซวกันเองไปมา
เหนือเมฆนั่งหลังพวงมาลัย สีหน้าเรียบนิ่งตามสไตล์ แต่ดวงตาใต้กรอบหน้าคมกริบยังคงจดจ่ออยู่กับเส้นทางข้างหน้า
"กูถามจริง..." กันต์เอ่ยขึ้นทันทีหลังกลืนโค้กลงคอ "มึงสนใจน้องอิง?"
"เห้ย จริงเหรอวะ! มึงนี่ยังไงเนี่ย แค่ไปส่งเขาครั้งเดียวถึงกับชอบเลยเหรอวะ?" คีย์หันขวับทันที
"เอาจริงมึงแม่งก็เลือกเป็นนะ จะมองพริตตี้ทั้งที มึงก็มองตัวท็อปของประเทศเลยเหรอวะ" โยธาหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
"มึงรู้จักโรงแรมเครือรวีวรรณมั้ย อสังหาฯ ที่อยู่ทั่วภาคกลางน่ะ" กันต์หัวเราะเบา ๆ พร้อมเสริมขึ้นมาทันที
“อืม” เหนือขานสั้น ๆ
“นั่นของน้องเขาหมดเลยนะเว้ย” กันต์เน้นเสียงหนัก ๆ กับคำว่าหมดเลย! แบบมีนัยยะ
“ไม่ใช่แค่สวย แต่รวยด้วย ซึ่งก็แปลว่าถ้ามึงคิดจะฟันขำ ๆ พ่อเขาเอามึงตายแน่!”
คีย์รีบแซวต่อ “คือแบบ ไอ้เหนือหล่อรวยกูไม่เถียง แต่น้องก็สวยและรวยไม่แพ้มึงเลยนะเว้ย”
โยธายิ้มกริ่ม “มึงกะสอยพริตตี้ตัวท็อป ที่แม่งไม่ยอมให้ใครแตะตัวได้ง่าย ๆ คิดดีแล้วเหรอวะ?”
ทุกคนรุมแซวแบบไม่มีใครยอมใคร เพราะคนอย่างเหนือเมฆที่นิ่งเรื่องผู้หญิงมานาน จู่ ๆ กลับมีปฏิกิริยากับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอไม่ก็ธรรมดาเช่นกัน มันจึงทำให้ภายใต้คำแซวพวกนั้น จริง ๆ แล้วเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
บรรยากาศในรถเงียบไปชั่วครู่ เพราะเหนือเมฆไม่ตอบอะไรเลย มือของเขายังกำพวงมาลัยแน่น ใบหน้าเรียบนิ่งจนดูเหมือนไม่รู้สึก แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นช้า ๆ
“มึงคิดว่ากูจะกล้าลงไปเล่นมั้ย ถ้าไม่มั่นใจพอ” คำพูดเรียบ ๆ เหมือนไม่มีอารมณ์ แต่กลับทำเอาเพื่อนทั้งสามคนเงียบกริบ ไม่มีใครหลุดแม้แต่คำแซวอีก
คนทิ้งคำพูดกำกวมยังไม่หันมา สายตาเขายังจับจ้องอยู่กับท้องถนน เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังก้องเบา ๆ ในความเงียบ ก่อนที่กันต์จะหันไปกระซิบกับคีย์
“กูไม่เคยเห็นมันพูดเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”
