บทที่ 8 EP.7
เสียงเพลงดังลั่นลานจัดแสดงกลางห้าง ไฟเวทีสาดแสงวิบวับไปทั่ว โฟกัสอยู่ที่รถสปอร์ตคันหรูและพริตตี้คนสวย
น้ำอิงคือพริตตี้เปิดงานวันนี้ บอดี้สูทหนังสีดำรัดรูปเว้าลึกเผยแผ่นหลังขาวเนียน บูธแมคลาเรนที่เธอประจำอยู่คือจุดรวมสายตาของทั้งงาน
เสียงชัตเตอร์กล้องรัวเป็นจังหวะ พร้อมสายตานับไม่ถ้วนที่จ้องเธออย่างกลืนกิน
...แต่มีเพียงหนึ่งคู่สายตา
ที่มองเธอด้วยแววตา “ไม่ชอบ” มากกว่าตื่นตะลึง
เหนือเมฆเดินเข้ามาในงาน เขามองน้ำอิงนิ่ง ๆ สายตากดลึกลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความคุกรุ่น ทุกย่างก้าวของเธอ ทุกท่าที่เธอโพส เหมือนค่อย ๆ บีบคอเขาทีละนิด
“แม่งเอ้ย!” เสียงเขาพึมพำเบา ๆ แต่กัดฟันแน่นราวกับจะข่มอารมณ์
แล้วจังหวะที่พิธีกรประกาศเบรกสิบห้านาทีสำหรับพริตตี้ ทำให้เธอเดินลงจากแท่นโพเดียมและกำลังจะหันหลังเดินไปหลังเวที แต่จู่ ๆ แขนข้างหนึ่งก็ถูกกระชากแรงพอควร!
“เห้ย!!” น้ำอิงร้องเบา ๆ พร้อมหันขวับ
“ตามมา” เสียงทุ้มต่ำกัดฟันแน่นของเหนือเมฆเอ่ยสั้น ๆ ขณะลากเธอไปยังมุมหลบสายตาแต่ยังอยู่ในเขตงาน
ผู้คนเริ่มหันมามอง เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศ จนกระทั่งกันต์ที่เดินตามหลังมาเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง
“ไม่มีอะไรครับ คนกันเอง” น้ำเสียงลูกชายเจ้าของงานชัดเจนจนทีมงานทั้งหมดถอยห่าง ทุกคนดูงุนงงและเต็มไปด้วยคำถาม ไม่เว้นแม้แต่กันต์ คีย์ และโยธาเองก็เช่นกัน
เมื่อถึงหลังเสาโครงเหล็กใกล้เวที เหนือปล่อยมือเธอทันที แล้วถอดเสื้อช็อปออกก่อนจะคลุมลงบนบ่า
“ใส่แบบนี้มาทำไม?” น้ำเสียงของเขาตึงจัด เหมือนพยายามควบคุมอารมณ์สุดแรง แต่น้ำอิงกลับยิ้มบาง ๆ
“ชุดพริตตี้ก็แบบนี้อยู่แล้วค่ะ หรือพี่ไม่เคยเห็น?” เธอแกล้งยักไหล่เล็กน้อยให้เสื้อของเขาร่นลงอย่างจงใจ มือบางค่อย ๆ ยกขึ้นประคองคอเสื้อเบา ๆ เหมือนจะใส่คืน แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและไม่ยอมเขาง่าย ๆ
เหนือก้าวเท้าเข้ามาใกล้อีกก้าวจนแผ่นหลังเธอติดเสา เขากัดฟันแน่น สายตาจ้องเธอแบบไม่กระพริบ
“ใส่ชุดพวกนี้ให้คนมองเหมือนอยากให้เขาเลือกซื้อของเล่นเหรอ?”
น้ำอิงเลิกคิ้ว “แล้วพี่คิดว่าพี่เอง...ไม่ได้มองอิงแบบนั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วแบบไหนล่ะคะ?” เธอถามกลับทันควัน ก่อนจะยกยิ้มแบบที่เขาเคยกลัว ยิ้มแบบผู้หญิงที่เคยพัง และเรียนรู้วิธีทำให้คนตรงหน้า 'เจ็บเท่า ๆ กัน'
“หรือพี่หวงอิงคะ?” เธอขยับเข้าใกล้เขาอีกนิด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาช่างหวานแต่กลับเจ็บลึก
“แล้วพี่หวงอิงในฐานะอะไร...?”
เหนือเมฆนิ่ง...
“แฟนก็ไม่ใช่”
“คนที่เคยสนใจก็ไม่เคยเป็น”
“ตอนอิงบอกรักพี่ พี่ยังทำเหมือนอิงไม่มีตัวตนเลยด้วยซ้ำ”
เสียงของเธอสั่นนิด ๆ ก่อนจะกลืนคำพูดสุดท้ายลงคอ ส่วนเหนือเมฆยังคงจ้องเธอไม่วางตา ริมฝีปากขบแน่น หัวใจเต้นโคตรแรง
“ตอนนั้นพี่ไม่ควรยุ่งกับอิง แต่ตอนนี้...”
"หึ~" น้ำอิงหัวเราะแทรกขึ้นมาเบา ๆ ทำให้เหนือชะงักไปอีกรอบ
“อย่าพูดเหมือนพี่จะเลือกเองได้สิคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” พูดจบน้ำอิงสะบัดไหล่ให้เสื้อของเขาร่วงลงพื้นอย่างตั้งใจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
เหลือไว้เพียงชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนมองเสื้อของตัวเองตกอยู่ตรงปลายเท้า กับหัวใจที่เริ่มรู้ว่าเขากำลังจะ “เสีย” ผู้หญิงคนหนึ่งไปอีกครั้ง
หลังจากที่น้ำอิงเดินจากไป เสียงฝีเท้าของกลุ่มเพื่อนค่อย ๆ ดังเข้ามาเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร เพราะพวกเขาได้ยินทั้งหมดแล้ว
กระทั่งคีย์เป็นฝ่ายเปิดก่อน “มึง...รู้จักน้ำอิงมาก่อนเหรอ?”
“อือ เคยรู้จัก” เหนือเมฆไม่หันมามอง แต่ตอบเสียงต่ำ เขาถอดหายใจเบา ๆ ขณะที่สายตายังจับอยู่กับทางที่น้ำอิงเดินหายไป
“ตอนนั้นอิงอยู่ ม.4 ส่วนกูอยู่ ม.6”
“วันนั้นเธอยื่นดอกกุหลาบให้กูกลางสนามฟุตบอล แต่กูไม่ได้ตอบอะไรเลย แค่ยืนมองเธอเฉย ๆ แล้วหันหลังเดินออกไปกับผู้หญิงอีกคน” น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่ในนั้นเต็มไปด้วยบางอย่างที่เจือจางเหมือนความทรงจำเก่า ๆ ที่กัดกินมานาน
กันต์ทำหน้าอึ้งเล็กน้อย ส่วนโยธาเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ก่อนคีย์จะถามออกเบา ๆ
“ทำไมวะ?”
“คนที่ชื่อ ‘เหนือตะวัน’ มันขอกูไว้ เพราะมันชอบน้ำอิง”
ทุกคนเงียบลงทันที เพราะพวกเขารู้ว่า ‘เหนือตะวัน’ คือน้องชายฝาแฝดของเหนือเมฆ และมีนิสัยต่างจากเหนือโดยสิ้นเชิง
“แล้วมึงไม่เคยคิดจะบอกความจริงเหรอ?” กันต์ถามเสียงแผ่ว ในขณะที่เหนือเมฆยิ้มมุมปาก แต่แววตาเศร้าจนคนอื่นสัมผัสได้
“คิด แต่เหมือนว่าตอนนี้เธอจะไม่อยากฟังแล้ว" เหนือพูดจบเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหลุบตาลงอย่างคนที่ยอมรับว่าตัวเอง “พลาด” ครั้งใหญ่ในชีวิต
ภายใต้ความลับนั้น กลับไม่มีใครทันสังเกตว่าตรงมุมเสาด้านข้าง จุดที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน มีใครบางคนยืนอยู่เงียบ ๆ
เธอยืนอยู่ในเงามืดตรงนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แค่จะเดินมาหยิบเสื้อที่ทำหล่นคืนเขา แต่เสียงของเหนือก็ดังลอดเข้ามาในหูของเธอทุกคำ
ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเมกอัพมืออาชีพยังนิ่งสนิท แต่หัวใจเธอกลับเต้นระรัว เหมือนย้อนกลับไปวันที่เธอถือจดหมายแผ่นหนึ่งด้วยมือสั่น ๆ
“เหนือตะวันน่ะเหรอ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ดวงตากระพริบถี่เหมือนพยายามระบายความร้อนในใจออกทางน้ำตาแต่ไม่ยอมให้มันไหล
น้ำอิงค่อย ๆ ขยับถอยเท้าอย่างเงียบที่สุด ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไปอีกทาง ทำเหมือนไม่เคยยืนอยู่ตรงนี้มาก่อน
