บทที่ 9 EP.8
หลังจบงานในห้าง แสงไฟเริ่มสลัวลงเมื่อบูธถูกเก็บไปแล้วเกินครึ่ง พริตตี้ทยอยกลับกันเกือบหมด ส่วนน้ำอิงเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเธอก็หยิบกระเป๋าเดินออกมา
และท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังทยอยเดินออกจากลานจัดแสดง ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินตรงเข้ามาอย่างมั่นใจ
“รอนานไหมครับคนสวย?” เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ก่อนจะรับกระเป๋าในมือเธอไปถือ
“ไม่นานค่ะ พี่มาตรงเวลาตลอดอยู่แล้วนี่”
เสียงพูดของทั้งคู่ไม่ได้ดัง แต่ชัดพอให้ “แก๊งสี่หนุ่มวิศวะ” ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของโถงทางเดิน ได้ยินเต็มสองหู
ท็อปเดินข้างน้ำอิง มือหนึ่งโอบเอวบางของเธออย่างสนิทสนม ท่าทางเขาเหมือนเจ้าของที่มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ส่วนน้ำอิงก็ไม่ได้หลบหรือปฏิเสธ แถมยังเอียงหน้าคุยกับเขาแบบมีรอยยิ้มที่เหนือเมฆไม่เคยได้
“นี่มันพี่ท็อป วิศวะปีสี่ใช่ป่ะวะ?” กันต์ขมวดคิ้วก่อนจะพึมพำเบา ๆ โยธาจึงเหล่มองตามแล้วว่าเสียงต่ำ
“ใช่ ไหนว่าพวกปีสี่ไปฝึกงานกัันหมด?”
“เออ แล้วมาเสร่ออะไรตรงนี้ แถมมายุ่งกับผู้หญิงของเพื่อนกูอีก” คีย์ทำหน้าเซ็ง ในขณะที่โยธากำหมัดแน่นพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา
“เล่นแม่งเลยมั้ย รุ่นพี่กูก็ไม่สน ใครคิดจะแย่งผู้หญิงของ ‘พวกเรา’ กูพร้อมลุย!”
“เดี๋ยว! มึงพูดว่าผู้หญิงของพวกเรา คืออะไร? ของไอ้เหนือโน้นนนน!” ประโยคแปลก ๆ ทำคีย์หันขวับไปถาม
"เออ กูอินไปหน่อย"
ส่วนเหนือเมฆยังยืนอยู่เงียบ ๆ สายตาเขาจับจ้องไปที่ภาพตรงหน้า เขากำหมัดแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“พวกมึงหยุดเห่าเถอะ ไอ้พี่ท็อปน่ะ มันรู้จักกับอิงตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ในความสัมพันธ์ที่กูแม่ง...เทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ” คำพูดนั้นทำเอาทุกคนเงียบลง
และคีย์ก็ต้องเปิดร้านตั้งแต่หกโมงเย็นด้วยความจำเป็น แต่คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาวีไอพีชิดมุมในสุดกลับไม่ใช่ลูกค้าขาประจำ แค่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดที่วันนี้ดูนิ่งกว่าทุกครั้ง
นิ่งแบบที่เหมือนไม่ได้แค่นิ่ง แต่นิ่งเหมือน “ระเบิดที่เดินได้”
เหนือเมฆนั่งเงียบมาตั้งแต่ประตูร้านเปิด เสื้อช็อปไม่ได้ใส่แล้ว มีแค่เสื้อยืดสีดำเรียบ ๆ กับนาฬิกาเรือนแพง ก่อนไหล่กว้างจะเอนไปกับพนักโซฟา
แก้วแรกเป็นเหล้าเบอร์เบินแบบที่เขามักจะดื่ม
แก้วที่สองก็เหมือนเดิม
แก้วที่สามเริ่มไม่มีน้ำแข็ง
และพอเข้าสู่แก้วที่หก...คีย์ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเอง
“มึงแน่ใจว่าโอเค?” คีย์ถามขณะยืนพิงขอบโซฟา โยธาเดินตามหลังมาติด ๆ ส่วนกันต์มาช้าหน่อยเพราะเพิ่งหลุดจากที่บ้านมาได้
“โอเคเหี้ยไรล่ะ มึงดูหน้ามันดิ” โยธากระซิบ ทำเอาคีย์ต้องถอนหายใจหนักๆ
เหนือยังไม่พูดอะไร เขาเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากแล้วเอนตัวไปข้างหลังเงียบ ๆ ดวงตาคมที่ปกติจะนิ่งเฉยตอนนี้กลับขุ่นเหมือนพายุหมอกในป่าเขา มือข้างหนึ่งบีบขอบแก้วไว้แน่นจนมันแทบร้าว
เจ้าของคลับส่งสายตาให้กับพนักงานประจำโซน ไม่นานนักก็มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในโซนวีไอพี เธอทำหน้าเขินเล็กน้อย เหมือนรู้ว่านี่ไม่ใช่การมานั่งเอ็นเตอเท็นธรรมดา
แต่เหนือเมฆเพียงแค่ปรายตาขึ้นมามอง ก่อนจะพูดเสียงนิ่งแบบไม่ต้องตะโกน
“ออกไป!”
สาวสวยถึงกับชะงัก เท้ายังไม่ทันจะก้าวขึ้นมานั่งด้วยซ้ำ
“ออกไปให้พ้น!!”
เสียงหนักแน่นแต่ไม่ดังมาก ทว่าแรงกดดันของคนพูดทำเอาสาวสวยสะดุ้งและรีบถอยออกไปทันที
“กูแค่ไม่อยากให้มึงนั่งหน้าตายแบบนี้ทั้งคืนว่ะไอ้เหนือ” คีย์ถอนหายใจแรง ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาช่วยแบ่งเบามันแล้ว
เหนือยังคงนิ่งและเอาแต่กระดกเหล้าจนหมด ก่อนจะเอนตัวไปข้างหลัง ยกมือขึ้นกดขมับเหมือนพยายามไล่ความคิดในหัว แต่ยิ่งกดเท่าไหร่ มันยิ่งวนชัดขึ้นเรื่อย ๆ
“เอาจริง ๆ มึงยังรักเขาอยู่ใช่มั้ยวะ?” กันต์ที่นั่งมองมานานก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา และก็ไม่มีคำตอบจากปากเหนือเช่นเคย
“มึงก็ไปเอาเขากลับมาดิวะ!” คีย์เริ่มเสียงดัง เบื่อหน่ายกับท่าทางซังกะตายของมันเต็มทน
“มึงปล่อยให้พี่ท็อปมันมาเดินโอบเอวเฉียดหน้าพวกเราแบบนั้นได้ไงวะ มึงยอมเหรอ?” โยธาเสริม
“มึงเคยเป็นคนที่ไม่เคยยอมอะไรทั้งนั้นนะเว้ย แล้วนี่ผู้หญิงที่มึงชอบ กำลังเดินจากไปต่อหน้า กูถามจริง...มึงจะนิ่งแบบนี้อีกนานแค่ไหนวะเหนือ!” คำพูดนั้นกดลึกเหมือนเข็มเย็บแผลปักเข้ากลางอก ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากทำอะไร แต่เพราะเขาไม่แน่ใจว่า...เขายังมีสิทธิ์หรือเปล่า
“เมื่อก่อนมึงยอมถอยเพราะน้องชายมึง แต่วันนี้ไม่มีอะไรขวางแล้วเว้ย แล้วมึงยังจะปล่อยอีกเหรอ?” คีย์ขยับตัวเข้าไปใกล้หวังพูดเตือนสติ
เหนือเมฆลุกขึ้นทันที เสียงแก้วกระทบโต๊ะจนดังกริ๊ก โซฟากระเพื่อมเล็กน้อยเมื่อเขาทิ้งแรงลงก่อนลุก
เขาไม่พูดอะไรอีกเลย แต่กลับหยิบเสื้อช็อปที่ถอดพาดไว้ข้างตัวขึ้นมา แล้วเดินออกจากไนต์คลับไปเงียบ ๆ
แต่ข้างใน...คือพายุที่พร้อมจะโหมกระหน่ำใส่ทุกอย่างที่เคยกดไว้ในใจมาตลอด
"เอาแล้ว!!
"ตามมั้ยวะ?"
"ปล่อยมันไป กูว่ามันคงคิดมาดีแล้ว"
