บทที่ 8 โคตรเชี่ยเลย (2) จบตอน
หนูยืนตัวสั่นอยู่ในห้องน้ำ
ค่อยๆ ถอดชุดนอนและกางเกงขายาวออก พอเหลือแต่ซับใน หนูก็มองตัวเองผ่านหน้ากระจกอย่างอับอาย
พอกลั้นใจเอามือไปแตะตรงนั้น... มันเปียกโชกเลย
เปียกมากจนรู้สึกขายหน้า ไม่รู้ทำไม หนูไม่ได้รู้สึกดีถึงเปียกชื้นออกมาแบบนั้น แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือกลัวจนขาสั่น จนในที่สุดมันก็... ต่อหน้าเขา
“ฮือ...” หนูปิดหน้านั่งลงกับขอบชักโครก นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักหน่วง ตัวสั่นอย่างขลาดกลัว ทั้งเรื่องที่อยู่ๆ ก็เจอพี่ขวดปีนขึ้นบ้านมาหา ทั้งเรื่องที่เขาอุกอาจจะลวนลาม
มันน่ากลัวมาก น่ากลัวจนทำอะไรไม่ถูกจนสิ่งที่แสดงออกมามันยิ่งกว่าความน่าขายหน้าอีก
หนูกลัว...
หนูไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว
เช้าวันต่อมา หนูนอนไม่หลับจนต้องนั่งรถตาปรือมาที่โรงเรียน
พ่อให้ค่ารถและค่าอาหารกลางวันมาอย่างเคย หนูนั่งแท็กซี่ไปโรงเรียนเพราะพ่อบังคับให้นั่งแต่แท็กซี่ไม่ก็ BTS เท่านั้นแม้ว่ามันจะแพงก็ตาม เพราะวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยชอบแซวหนูอยู่บ่อยๆ จนรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเป็นผู้หญิงในประเทศนี้... มันไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายใจได้เต็มร้อย
หนูก้มหน้าก้มตามองมือตัวเอง รู้สึกผิดต่อพ่อที่ปิดบังเรื่องพี่ขวดเมื่อคืน แต่ถ้าพ่อรู้ หนูก็น่าจะโดนตีหนักเหมือนกัน ที่ไม่ยอมเรียกหาพ่อในตอนนั้น
“จะเก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคน”
แล้วเชื่อไหมว่าวันนี้ก็น่าจะต้องเจอเขาอีกด้วย
หนูเรียนไม่รู้เรื่องตลอดทั้งวัน คิดแต่เรื่องกลัวพี่ขวดจนตาลาย เก็ตที่มาทักตอนเช้าและถามไถ่เรื่องของเขาถูกหนูหลบหน้าตลอดทั้งวัน เพราะไม่อยากเล่าให้เก็ตไม่สบายใจ อีกอย่าง... หนูก็โกหกทางสีหน้าไม่เก่งด้วย
ถ้าโกหกไปแล้วเก็ตจับโกหกได้ คนที่โดนซักไซ้จะเป็นหนูน่ะสิ
อีกอย่างโกหกผิดศีล 5 ข้อ พ่อหนูเคร่งเรื่องนี้มากๆ เลยนะ แล้วก็สอนเรื่องศาสนามาให้หนูตั้งแต่เด็กเลยค่ะ หนูก็เลยกลายเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญ แล้วก็ชอบสวดมนต์ไปเลย
เพราะอย่างนั้น พ่อถึงตั้งชื่อหนูว่ามนต์ยังไงล่ะคะ ย่อมาจากคำว่าสวดมนต์
อาจฟังดูแปลกๆ แต่หนูก็ชอบชื่อตัวเองนะ
ตกเย็น หนูเลิ่กลั่กอยู่ในโรงเรียน คิดหนักกับตัวเองว่าจะเดินออกไปนั่งแท็กซี่กลับเลยดีไหม แต่ก็กลัวว่าคืนนี้พี่ขวดจะปีนขึ้นบ้านมาหาอีก ก็เลยได้แต่รออยู่ในโรงเรียนข้างโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำที่ต้องมาอ่านหนังสือก่อนกลับทุกครั้ง
นั่งรออยู่สักพัก หนูได้ยินเสียงฮือฮาจากหน้าโรงเรียน ชะโงกหน้าออกไปมอง ก็เหมือนว่าหน้าโรงเรียนเราจะมีคนขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดบังทางเข้าอยู่หลายคัน
หนูมองไปจนรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับล้ำหน้าออกมาจากคนเหล่านั้น
เจ้าของผมทรงสกินเฮดย้อมสีทองสว่าง พร้อมกับใบหน้าดุดันที่ขับรถมอเตอร์ไซค์สีชมพูแสบตาขับเข้ามาในโรงเรียน เขาโบกมือให้พวกเพื่อนๆ ของเขาขับตามเข้ามาเป็นขบวน ควันรถตลบอบอวลไปทั่ว
หนูอ้าปากค้าง หลบตัวไม่ทัน มารู้สึกตัวอีกทีพี่ขวดก็มองเห็นหนูแล้วขับฉวัดเฉวียนมาอยู่ตรงหน้า
ที่ท้ายเบาะเขามีเพื่อนซ้อนอยู่เหมือนเพิ่งไปที่อื่นมา ที่ใบหน้าของพี่ขวดมีรอยฟกช้ำหลายจุด เขายักคิ้วให้หนูที่ยืนทำหน้าเหรอหราทันทีที่สบตากัน
“พี่มารับแล้วจ้ะ”
[พาร์ท : ตะขวด]
ผมที่ขับมาตรงหน้าน้องมนต์มีรอยยิ้มระรื่นบนใบหน้า แม้จะปวดแผลที่แก้มนิดหน่อย แต่ไกลหัวใจมากพอที่จะไม่ให้ความใส่ใจ
“ไอ้เจ มึงลงไปซ้อนไอ้เคนดิ๊” ผมหันไปพูดกับเพื่อนรักที่คบกันมาเกือบสิบปีอย่างไอ้เจที่นั่งซ้อนหลังอยู่ ในกางเกงพกมีดพกขนาดเล็ก ผมพยักเพยิดให้มันซ่อนมีดไว้ให้มิดอย่าให้น้องมนต์เห็น แม่งจิ๊ปากใส่ผมเฉยเลย
“เห็นหญิงทีเอาใหญ่นะ” มันค่อนแขวะผมหนึ่งดอก ก่อนที่จะขึ้นไปกวาดขายาวๆ ขึ้นซ้อนคันไอ้เคนที่บิดคันเร่งอยู่ด้านหลัง ผมเลยหันไปหาน้องมนต์ที่ยืนทำหน้าเด๋อด๋า
“ขึ้นหลังรถเลยค่ะ พี่จะพาไปดูอะไรดีๆ” พูดแกมถลึงตานิดหน่อย ไม่ได้บังคับนะแต่เธอต้องทำ คนตัวเล็กที่สะพายกระเป๋ายืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ โต๊ะม้าหินอ่อนทำตัวไม่ถูกอย่างหนัก เด็กนักเรียนหน่อมแน้มต่างพากันมองมาทางพวกผมที่บิดคันเร่งตามลูกน้องอย่างกร้านใจ
พวกเรายกมาทั้งขบวนการ เพราะก่อนหน้านั้นยี่สิบห้านาทีได้ ผมโดดเรียนไปยกพวกตีกับพวกวิทยาลัยไอ้เต้ที่ตามมาเอาคืนจากเรื่องครั้งนั้น ที่ยกพวกไปตีมันผ่าน BTS แล้วผมก็ไม่ได้ไปเพราะติดสาว ไอ้เหี้ยเต้บอกมันต้องการดวลหมัดกับผมตัวต่อตัว มันด่าผมตลบหลังว่าผมโคตรป๊อดที่ให้เพื่อนลุยแทนในวันนั้น
เสียเลือดเสียเนื้อไปเยอะ แต่พอดีว่าถึงเวลาแฟนเลิกเรียน ก็เลยบอกเพื่อนให้ยอมแพ้การท้าดวลแล้วขับไปรับซะ
เชื่อปะ น้องมนต์สำคัญกว่าเรื่องปัญญาอ่อนพรรค์นี้
ถามว่าปัญญาอ่อนแล้วทำไมผมถึงไม่เลิกทำ?
คำตอบคือ
มันสนุกดี จบปะ
“หนู...” คนตัวเล็กมีท่าทีอึดอัด กูตีหน้าเซ็งเมื่อรู้ทันว่าเธอจะปฏิเสธอย่างเคย “หนูว่าจะกลับแท็กซี่...”
“แท็กซี่แพงจะตาย” ในความคิดของผมน่ะนะ ส่วนคนอื่นไม่สน ผมกระชากเสียงข่มขวัญจนน้องสะดุ้งเฮือก ก่อนที่ประโยคต่อมาจะคลี่ยิ้มหวาน ดัดจริตทำเสียงอ่อนโยนใส่ “ขึ้นมาซ้อนพี่ดีกว่านะ อย่าดื้อ พี่ว่าจะพาน้องมนต์ไปเที่ยวก่อนกลับบ้านด้วย”
“แต่หนู...” ผมหันหน้าไปสบตาไอ้เจ แล้วยักคิ้วให้มันประมาณว่า ดูแฟนกูดิ กลัวกูยิ่งกว่าแมลงสาบอีกว่ะ
“ขึ้นมาเหอะน้อง ลีลาอยู่ได้” ลูกน้องกูโพล่งขึ้นมาอย่างรู้ๆ กัน อารมณ์รำคาญไม่จริงจังนัก แต่ในสายตาของเด็กน้อยขี้แยอย่างน้องมนต์ คงขนลุกยิ่งกว่าอะไรดี
“... ค่ะ” เธอยอมขึ้นมานั่งซ้อนหลังผมจนได้หลังจากอึกๆ อักๆ อยู่สักพัก ผมฉีกยิ้ม กระตุกรถนิดหน่อยจนน้องสะดุ้งแล้วต้องจำยอมเอนตัวเข้ามากอดเอวสอบผมเอาไว้แน่น
“ทีนี้ใครๆ ในโรงเรียนหนูก็จะได้รู้แล้วนะคะ” ผมกระซิบเสียงหนักตอนที่ส่งสัญญาณให้พวกรุ่นน้องขับนำออกไปจากรั้วโรงเรียน
“...”
“ว่าใครกันแน่ที่เป็นแฟนของหนู”
พูดแล้วก็ยกล้อโชว์เด็กนักเรียนทั้งหลายจนคนข้างหลังต้องทะลึ่งตัวเข้ามากอดผมพร้อมกับกรี๊ดเสียงหวานแสบแก้วหู
ชอบจังเวลาเธอกลัว
ผมบิดคันเร่งแล้วพุ่งทะยานตามพวกน้องๆ ยกล้อกลางถนนอีกทีให้น้องมนต์กอด เอาหน้าอกเล็กๆ แต่นิ่มยิ่งกว่าหมอนข้างที่บ้านมาถูไถตรงแผ่นหลังกว้างๆ ของผม
แข็งแล้วว่ะ
อะไรแข็ง?
เส้นเลือดที่คอผมมันแข็ง
คอ-วอ-ยออ่ะ
ใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงที่หมาย กูเบรกดังเอี๊ยดจนน้องมนต์ที่นั่งซ้อนหลังซุกหน้าลงกับหลังกูอย่างหวาดๆ กูฉีกยิ้มเคลิ้มเพราะนม นั่งอยู่ที่เดิมจนไอ้เจที่กวาดขาลงจากมอไซค์พีซีเอ็กซ์คันโปรดของไอ้ห่าเคน (กูยืมขับบ่อยเพราะมันสวย) เดินเข้ามาจ้องหน้า
“เคลิ้มเหี้ยไร ไม่ยอมลง พวกกูจะไปเอาเค้ก” กูชะงัก ก่อนที่จะเบะหน้าเซ็ง แม่งมาขัดจังหวะเพ้อกูจริงๆ “อุ้มน้องลงด้วย ตัวเล็กขนาดนั้นไม่น่าลงมอไซค์มึงได้”
กูเหลียวหลังไปมองร่างเล็กที่เงยหน้าขึ้นสบตาผมตาปริบๆ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชะตากรรมยังไงต่อไป ก่อนที่จะแค่นหัวเราะดังเหอะ
“เสือก” พ่นใส่หน้ามันไปเน้นๆ “เมียกู กูดูแลได้ไอ้ควายเจ”
“ก็เห็นทำหลุดมือทุกรอบ” มันแซะถึงอดีตเมียเก่าที่เลิกรากันเพราะความเฟี้ยวแดกของกู กูหัวร้อนจะยกส้นตีนถีบ มันรีบทำหน้าดุ “ถ้าลงไม้ลงมือกับกู เงินที่มึงติดกูไว้ กูจะไปบอกป๊าพรุ่งนี้”
กูชะงักตีน
“โทษที กูไปติดมึงตอนไหนเหรอ” กวนประสาทแม่งแทนละกัน
“กูหาเบอร์ป๊าตอนนี้ก็ยังได้นะ”
“ครับพี่ ผมไม่เตะพี่ครับ ไปเอาเค้กกับเหล้ามา เดี๋ยวกูตามไป” ถามว่าทำไมกูกลัวป๊าไอ้เจขนาดนั้น เพราะกูสนิทมากเลยเคารพเหมือนพ่อ (พ่อแท้ๆ อ่ะกูไม่เคารพ) พ่อไอ้เหี้ยเจดุยิ่งกว่าหมา เป็นทหารรับจ้างเก่า ดัดแขนเก่งยิ่งกว่าอะไร ล่าสุดกูกวนส้นตีนเขาโดนหักนิ้วจนต้องเข้าดัดนิ้วใหม่ที่โรงบาล
กูไม่แปลกใจว่าทำไมลูกเขาถึงมีอิทธิพลกับกู ขัดคอกูได้ทุกเรื่องเลยไอ้สัส
“พี่อุ้มค่ะ” กูกวาดขาลงจากมอไซค์คันเก๋า คันนี้เป็นคันที่พ่อจะยึดไว้เพราะแต่งจนงามหน้า คล้ายๆ จะเตะตาตำรวจ จำยี่ห้อเดิมแทบไม่ได้เพราะแต่งให้ท่อมันดังที่สุดในรุ่น แบบขับผ่านสาว สาวต้องตะโกนด่าว่าไอ้เหี้ย
น้องมนต์คนสวยอึกอัก ทำท่าจะหย่อนตูดลงเอง แต่เอาไงก็ลงไม่ได้ ก็กูปรับเบาะสูงอ่ะ
“ทะ... ที่นี่ที่ไหนคะ” เสียงหวานๆ ถาม กูฉีกยิ้มหวาน
“บ้านร้างแถวมหาวงศ์ค่ะ”
“...”
“ที่ที่สุมหัวตี้ยาได้ดีแถมไม่โดนรวบ เงียบๆ สงัดๆ แถมผีดุ” กูหันไปมองรอบๆ ให้เธอกลัว เพราะนี่แม่งก็เย็นย่ำร่ำสุราแล้วด้วยว่ะ “เหมาะสำหรับผัวเมียที่ชอบเซ็กส์แบบตื่นเต้นเร้าใจ”
“...!”
“เย็ดไประแวงผีไป”
“พะ... พ่อคงตามหนูแย่แล้ว” น้องมนต์ใช้วิธีเอาพ่อมาเล่นตัวเพราะคงชินกับความใจหมาของกู กูจุกจิกปากอย่างขัดใจ แล้วฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว
“ก็บอกว่านอนบ้านเพื่อน นอนบ้านใครอะไรก็ว่าไปดิ” พูดแล้วอุ้มเธอด้วยท่าช้อนตัวขึ้นจนตัวลอย ดูทรงกูแบบนี้แต่กูแรงเยอะพอตัว เรียนมวยมาก่อนอ่ะ แต่เพราะความอินดี้รักสันโดษเลยเลิก ประเด็นคือช่วงนั้นติดหญิง เอาแต่เย็ดจนลืมเวลาเรียนแม่ไม้มวยไทย
“อะ...!” ร่างเล็กร้องเบาๆ น้องมนต์ในชุดนักเรียนแม่งน่ารักหุ่นดี กระโปรงจีบแบบเน้นทรวดทรงองค์เอว ทำเอากูเหลือบมองแล้วยิ้มกริ่มอย่างสุขใจ
นมเล็กๆ ตัวเตี้ยๆ ขาวๆ ฟันกระต่าย เอวไม่ถึง 26 ผมยาวสยาย
สเป็คพี่
“ในบ้านร้างก็ไม่เลวเหมือนกันว่ะ” พูดแล้วมีอารมณ์หงี่ ขยิบตาให้น้องมันอย่างรู้กัน แต่เธอคงฉลาดอยู่ ไม่ได้ควายจนซื่อบื้อไม่รู้เหี้ยไรเลย น้องมนต์คนสวยหน้าแดงจัด น้ำตาคลออย่างน่าสงสารสัสๆ
“... ไม่เอานะคะ” เธอทำท่าจะเบ้หน้า กูเลิกคิ้ว
“ดราม่าทำไมอ่ะ”
“...”
“บอกว่ารอได้ก็รอได้ นี่แค่น้ำจิ้มแจ่ว” พูดแล้วอุ้มน้องเข้าไปในบ้านร้างที่เจอแถวมหาวงค์ เอาจริงๆ ก็ไม่เชิงบ้านร้าง แค่พูดให้ดูน่ากลัวไปงั้น มันคือบ้านที่พวกเศรษฐีเฒ่าซื้อเก็งกำไรแล้วปล่อยทิ้งไว้นานจนรก ไม่รู้มันซื้อไว้นานจนตายห่าไปแล้วรึยัง พวกกูเลยถือวิสาสะเข้าไปเสพเมถุนในบ้านมันไง
ทันทีที่เดินเข้าไป พวกรุ่นน้องนับสิบกว่าชีวิตโห่ร้องชอบใจที่เห็นกูอุ้มน้องมนต์เข้ามาในที่โล่งแจ้ง อีกส่วนยกลังเหล้ามาวางไว้กลางบ้าน บ้านที่ทิ้งร้างไว้ขายรอเวลารีโนเวทโล่งไม่มีเหี้ยอะไร มีสเปรย์สีทิ้งไว้ เป็นของใครหน้าไหนไม่รู้มาพ่นลายลักษณ์อักษรในนี้ ที่นี่มันสุมหลายกลุ่ม
แต่ก็ไม่กลัวหรอกว่ะ จะเอาก็มาดิ
จะเอาให้ล้มอ่ะ เหมือนเวลาเอาหญิง
“เอาเด็กมารุมโทรมเหรอพี่” พวกน้องๆ กูหัวเราะชอบใจตอนที่กูวางอีน้องมนต์แล้วลงไปนั่งยองๆ หยิบเหล้ากลมมาดูว่าพอแดกมั้ย หยิกแกมหยอกพอเห็นว่าน้องมนต์แม่งสวยสะกดเกินห้ามใจ “พวกกูสิบกว่าคน แหกพอดีอ่ะ”
น้องมนต์สะดุ้ง กูลูบคางตัวเองคิดหนัก ก่อนที่จะหันไปตบบ่ามันเพราะอยู่ใกล้มือ
แต่ไม่ได้ดิไอ้สัส ไปเห็นด้วยกับมัน น้องมนต์จะมองกูเป็นคนเฬวอ่ะดิ
เปลี่ยนใจล่ะ ฟาดปากแม่งไปทีดีกว่า
ผัวะ!!
“... อั่ก!” ไอ้เหี้ยนั่นสะดุ้งเพราะเลือดกบปาก มันชื่อไอ้แดง ชื่อโหลแถมปากส้นตีน ชอบพูดเรื่องรุมกับเด็กสาวอ่อนแอ
กูอ่ะคือพ่อพระ คนอย่างกูไม่เคยหยาบคายกับหญิง
ทันปะ
“ปากเหี้ยกับใครก็ได้”
“...”
“แต่อย่ามาปากเหี้ยกับเด็กกู” พูดแล้วตบตักให้น้องมานั่ง เธอที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังก้มหน้าลงมามองกูอย่างกล้าๆ กลัวๆ กูเลยฉีกยิ้มหวานให้ ได้ใจไปปะ กลัวน้องมนต์ขาดใจตายเพราะสำลักความหล่อของกู
“นะ... หนูจะกลับบ้านค่ะ” เธอละล่ำละลั่กพูดเสียงหวานเครือให้พอใจเสียวเล่นๆ กูหันไปยักคิ้วให้น้องๆ แบบว่าแค่เสียงก็ทำให้หลงจนยอมตายเพื่อควักกล่องเสียงน้องมานั่งฟังทั้งวันแล้วอ่ะ
“โอ้ย ไอ้พี่ขวดเอ้ย แม่งเลือดออกเลยเนี่ย!” ไอ้แดงสำรอกเลือดออกมาตรงนั้นอย่างโสโครก มันบุ้ยปากไปทางน้องมนต์ที่ยืนทำหน้าเบ้จะร้องไห้ “ไปเก็บตกที่ไหนมาวะพี่ สวรรค์ชั้นเจ็ดเหรอ หวงยิ่งกว่าพ่ออีกอ่ะ ปากกูเจ่อแล้ว”
“มือกูมันพลั้งไป” กูฉีกยิ้มหยัน ตบบ่ามันหนักๆ “ก็มึงเสือกปากหมากับน้องมนต์ของกูเองอ่า”
“ถ้าเรื่องที่แซวหญิงแล้วโดนไอ้ขวดตบปาก น่าจะเป็นคนที่ร้อย” ไอ้เจแซะมันแทนกูซะล่ะ ไอ้ขี้แซะ ทำตัวเหมือนเมียแม่งไปทุกวัน
“โห่พี่เจ ก็น้องคนนี้มันน่ารักเอ่าะ” ทำเสียงเอ่าะแบบดัดๆ แล้วทำปากเบะใส่กู น่าตะบันหน้าสักดอก
“มึงเอ่าะอีกทีกูจะถีบให้ล้มเลยไอ้ควาย” กูไม่พูดเปล่า ยกส้นตีนขึ้นเป็นการย้ำว่ากูจะทำจริง ไอ้แดงรีบกลบเกลื่อนเทเหล้าเพียวลงแก้วพลาสติกแล้วยกแดกทันที
“กูเมาแล้วพี่ ไม่พูดแล้วพี่” มันสงบศึกเพราะเถียงไปก็ไม่ชนะ เพราะกูคือหัวเรือ กูกระดิกตีนไปทางขวดเหล้าเป็นเชิงว่าขอแดกสักที พวกน้องๆ ที่เหลือรีบกุลีกุจอชงเหล้าใส่โซดานิดนึงอย่างรู้ใจ แล้วส่งถึงมือทันที
ก็อย่างว่า กูมันขวัญใจพวกมันในเรื่องความเหี้ยไม่มีใครเกิน ไอ้ห่าเจยังไม่ขนาดนี้เลยบอกไว้ก่อน
กูมันตัวเทพ สุดเกรียน
“มานั่งนี่สิคะอีหนู” กูตบตักตัวเองแบบป๋าๆ แล้วกระดกเหล้าลงคอ ร่างเล็กยืนทำหน้าไม่ถูก แบบว่าจะหันไปวิ่งไฟแลบดีมั้ย หรือจะยอมมานั่งกับกูดี โอเคถ้าเลือกไม่ได้ กูจะเลือกให้ “มือถือน้องมนต์คนสวยใช่อันนี้ป่าววะ”
กูชูมือถือสีชมพูหวานแหววของเธอมาชูไปมา รสนิยมเลี่ยนแตกสมกับเป็นเพศแม่
น้องมนต์ทำตาโตทันที
“พะ พี่ขวด หนูขอคืน...!” เธอจะเข้ามาคว้าแต่กูกระชากแขนเธอจนเซถลามาคว่ำหน้าลงตรงตักกูท่ามกลางสายตานับสิบของพวกรุ่นน้อง น้องมนต์ที่หน้าแนบกับกระปู๋กูพอดีมีแววตื่นกลัว หน้าแดงซ่านแล้วร้องลั่นบ้าน “ว้าย!”
กูทำหน้าเคลิ้ม ชูมือที่ถือโทรศัพท์ขึ้นสูงพอเห็นว่าร่างเล็กรู้สึกตัวแล้วรีบปกปิดความอายหน้าแดงด้วยการพยายามยื่นมือมาคว้ามือถือ ยิ่งเธอพยายามหยิบมือถือ นมก็ยิ่งแนบไอ้นั่นของกูเข้าไปอีกอ่ะ
เคลิ้มเลยอ่ะ ลอยขึ้นสวรรค์แล้วอ่ะ
นุ่มชิบหายเลย
เสียงเฮของน้องลั่นขึ้นเหมือนจะบอกให้อารมณ์กูมา แล้วกูมันพวกแพ้โซดาซะด้วย กูนึกพิเรนทร์เอามือถือเธอยัดเข้าบ็อกเซอร์ ถูไถความเป็นชายของกู แล้วยักคิ้วให้น้องที่เบิกตาแทบถลน
“อยากได้ปะ”
“...!”
“อยากได้ก็มาล้วงเอาไปดิ”
