บทที่ 9 คนเลวกลับใจ (1)

น้องมนต์มีสีหน้ากระอั่กกระอ่วน มองหน้ากูสลับกับหน้าตักกู ดูมีความคิดหลากหลายในหัว ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะเธอทนความใจหมาของกูไม่ไหว

คราวนี้เป็นครั้งแรกที่น้องมันร้องไห้จริงๆ แบบที่ไม่กั้ก จากที่ปกติจะทำแค่ทำหน้าหวาดๆ หวั่นๆ กูนิ่งไป หมดความรู้สึกสนุกไปชั่วขณะ น้องสะอื้น สีหน้าบ่งบอกว่ากลัวกูมากแสดงออกมาให้เห็น กูนั่งอึ้งในขณะที่เพื่อนจะยกเค้กเข้ามา

เค้กผสมกัญชา

“เอ้า แดกดิ รอไรอ่ะ มาสุมที่นี่ก็เพื่อจะแดกไอ้นี่แกล้มเหล้าไม่ใช่ไง” มันวางเค้กลงกลางวง กูนิ่งไป ไม่ได้สนใจเหี้ยไรนอกจากน้องมนต์ที่ซบหน้าร้องไห้กับมือเล็กเหมือนอับจนหนทางกับคนอย่างกู

อยู่ดีๆ ก็รู้สึก...

“น้อง...” กูอ้าปากจะพูด แต่ก็ได้ยินเสียงไรสักอย่างหน้าบ้านร้าง

ปื้น ปื้น!

เสียงที่คุ้นเคยดี

“เฮ้ย ตำรวจมา!” ไอ้แดงเป็นคนตะโกนมาก่อนเพื่อน น้องๆ ทุกคนลุกหนี้ทิ้งเค้กกัญชาไว้กลางบ้าน กูไม่ทันคิดอะไร ฉุดแขนน้องมนต์ให้วิ่งออกไปทางหลังบ้านตาม แต่น้องรั้งแรงไว้ ถึงแรงเธอจะน้อยแต่เพราะความรู้สึกแปลกๆ เมื่อกี้ทำให้กูต้องหยุดแล้วหันไปจ้องหน้าเธอ

“... หนูไม่ไป” เธอดึงดัน น้ำหูน้ำตาไหลเต็มสองแก้ม

“...!”

“หนูไม่ไปค่ะ”

ครั้งแรกที่ไม่รู้จะเอาไง

ตำรวจบุกเข้ามาในบ้าน จับกุมกูกับน้องมันไว้ได้ทั้งสองคน ที่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่กลางบ้านทั้งที่ปกติกูไม่ใช่คนใจเสาะแบบนี้ กูถึงลูกถึงคน กูพร้อมบวกถ้าใครเข้ามาระรานชีวิตกู ตำรวจมากูนี่แหละคือคนแรกที่วิ่งนำ

กูเป็นคนเหี้ยที่แท้จริง

พวกน้องๆ ของกูถูกจับได้บางส่วน ไอ้เจเห็นกูโดนจับเลยไม่ยอมไปไหนตาม มันเป็นเพื่อนรักกูเสมอ เวลาโดนจับก็โดนจับด้วยกัน

ตำรวจรวบตัวพวกกูมาสอบปากคำเกี่ยวกับยาเสพติดในอาหาร (เค้ก) ผลสอบสวนออกมาว่าพวกกูทำผิดจริง ตรวจฉี่แล้วฉี่ม่วงเพราะยังมีสารเสพติดตกค้าง มีแต่น้องมนต์ที่เป็นปกติ เธอถูกกันตัวไปอีกทาง ในขณะที่กูเอาแต่มองตามหลังเธอ แบบว่ากูยังรู้สึกตกค้างเหมือนสารเสพติดในฉี่

“นางสาวสวดมนต์บอกว่าตัวการที่ลักพาตัวน้องมาคือเธอ” ตำรวจนายนึงมองมาทางกูที่ถูกสวมกุญแจมือไว้บนหน้าตัก ชูซองพลาสติกที่มีผงอะไรอยู่ในนั้นขึ้นมา “มีกัญชาอยู่ในเค้ก แล้วมีหลักฐานจากรูปถ่ายในกล้องวงจรปิดว่าพวกเธอแวะมาสุมหัวกันในบ้านหลังนั้นอยู่บ่อยๆ เพื่อเสพยาเสพติดกัน”

“...”

“พวกเธอคิดว่าอายุเกินสิบแปดแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ยังไงประเทศไทยก็ยังมีกฎหมายคุ้มหัวพวกเธออยู่นะ”

“...”

“ผู้ใดเสพยาเสพติด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57 จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปีหรือปรับตั้งแต่ 10,000–60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะพวกเธอก็อายุเกินคำว่าเยาวชนแล้วด้วย”

“งั้นก็จับเข้าคุกไปดิ” กูโพล่งขึ้นมาอย่างอ้อนตีนตำรวจตามประสากู น้องๆ กูมันไม่กล้าเพราะนานๆ เรื่องจะถึง สน. แต่สายตาก็มองไปทางร่างเล็กของน้องมนต์ไม่ห่าง

ไม่รู้ดิ กู...

แอบรู้สึกแย่นิดนึง

“เอาเป็นว่าพี่เรียกพ่อเธอมาแล้ว จะมาจ่ายค่าปรับทั้งหมด แต่แค่เธอนะศักรินทร์” มันเรียกชื่อจริงกูขึ้นมา กูเบ้หน้าอย่างเซ็งๆ อะไรๆ ก็ต้องให้ไอ้แก่นั่นรับรู้ตลอด กูเบื่อ กูไม่ถูกกับคนในครอบครัวเลยสักคน

ก็เพราะไม่มีใครเข้าใจกูสักคนในบ้านไง เอะอะก็ว่ากูเป็นตัวปัญหา

นั่งจนขาชา ไอ้แก่ก็ขับรถมาถึงหน้าสถานีตำรวจ เดินเข้ามากับแม่ กูเงยหน้าไปมองแล้วเลิกคิ้ว พ่อเหลือบไปมองร่างเล็กของน้องมนต์ที่นั่งร้องไห้กับอกพ่อเธอ พ่อน้องมันทำท่าจะมาเล่นกูแล้วล่ะ แต่ทางตำรวจห้ามไว้

“มึงไปลักลูกใครมาเสพยากับมึง ไอ้ขวด” ไอ้แก่เริ่มด่ากูคำแรก “ทำเรื่องนี้มากี่ครั้งแล้วลับหลังกู กูบอกแล้วใช่มั้ยว่ายาเสพติดมันไม่ดี แล้วนี่มึงยังไปลักลูกสาวใครมาทำไม่ดีอีก”

“ทำอย่างกับว่าไม่เคยวิ่งขาย” กูย้อน พ่อฟาดหน้ากูไปทีนึงทันทีเหมือนทนไม่ไหว แม่กูเดินเข้ามาจับมือไว้

“พี่เข้... อย่าตบลูก” แม่ออกตัวให้กูตลอด ใช่ ในบ้านนี้กูไม่ถูกกับใคร แต่กูรักแม่ที่สุด แค่ไม่แสดงออกมา

“เพราะเอาแต่ยอมเพราะปมของมันอยู่ได้ ทุกวันนี้มันแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว” พ่อตวาดแม่เสียงดัง กูเลยเงยหน้าขึ้นมองตาขวางตอนที่พ่อชี้หน้าสั่งสอน “มึงจำไว้นะไอ้ขวด เด็กผู้หญิงคนนั้นเขามีพ่อมีแม่ เขาเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ ที่มึงจะมาทำระยำตำบอนยังไงกับเขาก็ได้”

“...”

“บัตรประชาชนของมึงในม่านรูด กับกล้องวงจรปิด ปู่มึงสืบมาหมดแล้ว” กูเบิกตากว้าง หันไปมองน้องมนต์ที่เหลือบมามองกูอีกฝั่ง แล้วเธอก็หลบหน้ากูไปเหมือนกลัวจัดๆ “มึงกล้ามากนะ ที่ทำงามหน้าแบบนี้กับเด็กผู้หญิงที่มึงไม่รู้จัก”

“เอาจริงๆ ปะ” กูยกมือทั้งสองข้างที่ใส่กุญแจมือมาลูบหัวตัวเองแรงๆ เพราะฉุนที่พ่อเอาแต่พูดเรื่องความผิดของกู ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ต่างกัน “สมัยวัยรุ่น ที่ขวดไปรู้เรื่องมา”

“...”

“พ่อข่มขืนแม่จนมีอีเอยไม่ใช่เหรอวะ?” ทั้งสองคนเบิกตากว้าง เมื่อกูเลือกที่จะมาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าตำรวจและทุกคนใน สน. “ทำไมวะ ทำไมขวดจะฉุดผู้หญิงไปไหนตามใจขวดไม่ได้?”

“...”

“ในเมื่อพ่อก็ทำ ผู้หญิงคนอื่นที่ขวดคบก็ยอม”

“...”

“ถ้าจะให้ขวดเลิกทำ ก็เลิกเป็นพ่อขวดก่อนดิ”

ตั้งแต่เด็ก ที่ไปรู้เรื่องพ่อขึ้นมาจากปู่ฉลาม ว่าพ่อข่มขืนแม่จนมีอีเอย แล้วขายยาจนเข้าคุก ตอนหลังพยายามชดเชยความผิดสารพัด จนแม่ยอม แต่ในความคิดกู แม่คงไม่ได้รักไอ้แก่นี่หรอก ก็แค่ยอมเพราะมีลูกด้วย

กูรู้ดีว่าที่ทำไปมันไม่ดี มันเหี้ย แต่เอาตรงๆ ปะ

กูก็แค่เด็กมีปัญหาที่อยากทำให้พ่อรู้ว่า ถ้าพ่อทำร้ายแม่ได้ กูก็ทำร้ายเพศแม่ได้เหมือนกัน เอาให้พ่ออับอายขายขี้หน้าจนอยู่ไม่ได้

กูคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น ตีรันฟันแทง ใช้ชีวิตสมบุกสมบัน

แต่กูก็มีความรู้สึก

ไม่รู้ดิ ตอนแรกก็แค่สนุก อยากหยาบคายกับเด็กผู้หญิง แต่พอเอาเธอมาที่ม่านรูดจริงๆ กูก็แค่กลบเกลื่อนว่าเธอซิงกูเลยจะรอ แต่จริงๆ กูก็ไม่กล้าเหมือนกัน

ปีนไปหาเธอที่บ้าน จูบน้อง ลวนลามน้อง

กูก็แค่

“กูเลิกเป็นพ่อมึงไม่ได้หรอกไอ้ขวด” พ่อโพล่งขึ้นมาหลังจากกูโต้ไปแบบนั้น กูเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อนิ่งงัน “เรื่องที่ทำผิดต่อแม่ กูยังคงคิดว่ามันเป็นบาปของกูเสมอ”

“...”

“กูพยายามทำดีกับแม่เท่าที่จะทำได้จนทุกวันนี้ การที่มึงคนสุดท้องเกิดมาก่อนที่กูจะทำหมัน กูว่ามันเป็นอะไรที่โชคดีมาก”

“...”

“แต่มันก็คงเป็นกรรมของกูด้วย ที่กูทำกับแม่มึง ปู่มึงเคยบอกว่า พอกูทำกรรมอะไรไว้ กรรมมันจะตกมาที่ลูก และลูกก็จะทำกับกูเหมือนกับที่กูเคยทำ” พ่อก้มหน้าลงยอมรับชะตากรรม กูเริ่มชะงักไปเพราะคำพูดที่กินใจ “แต่มึงรู้อะไรมั้ยไอ้ขวด”

“...”

“ครอบครัวทุกคนคิดว่ามึงเป็นลูก เป็นพี่เป็นน้องเสมอ” กูที่ได้ยินคำนั้นนิ่งค้างไปทันที สถานการณ์รอบตัวเงียบสงัด กูก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ถูกใส่กุญแจมือ หายใจแรงขึ้นจนได้ยินเสียงชัด

กูไม่ยอมรับ กูทำเหี้ยมาตั้งแต่เข้า ปวช. 1 ในขณะที่คนอื่นตั้งใจเรียน กูเอาแต่พาพวกเพื่อนๆ น้องๆ ที่รู้จักเล่นหัวโขนไปทั่ว

กูไม่ใช่คนดีขนาดที่ใครจะให้อภัยได้

“ขวดจะขอโทษน้องสวดมนต์” ถึงกูจะไม่ยอมรับสิ่งที่ไอ้แก่พูด แต่เรื่องที่ทำเหี้ยๆ ใส่น้องแม่งก็ไม่ใช่เรื่องเหมือนกัน “ขวดจะไม่ยุ่งกับน้องเค้าอีก”

“พ่อของน้องสวดมนต์จะเอาเรื่องมึงอยู่ คราวนี้กูคงประกันตัวให้มึงไม่ได้ มึงเสพยา กับลักลูกสาวคนอื่นไปเสพยาด้วย ความผิดหลายกระทง ค่าปรับมันหลายหมื่น” พ่อเดินมาพูดข้างๆ หูกู “ถามว่ามีไหมมันก็มี แต่ปู่สั่งมาว่า ต้องดัดสันดานมึงในห้องขังสักพัก”

กูหันไปจ้องตาพ่อนิ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าลงมองกุญแจมือ

“ก็ลองดูละกัน” กูเลิกคิ้วอ้อนๆ ตีนให้พ่อ แล้วพวกตำรวจก็พาตัวกูเข้าไปหาน้องมนต์ที่ยืนอยู่กับพ่อของเธอ ทันทีที่น้องเห็นกู ร่างเล็กกลั้นน้ำตาไม่ไหว เดินไปหลบหลังพ่อทันที

กูสะท้อนใจกับภาพนั้นว่ะ

“มีอะไรจะแก้ตัวไหม ไอ้เด็กเวร” พ่อน้องที่ชกหัวคิ้วกูไปวันก่อนจ้องเขม็งอย่างโกรธแค้น “มึงทำระยำกับลูกสาวกู เข้าไปชดใช้ในคุกเถอะ”

“ผมแค่อยากขอโทษน้องเขา” กูพูดเรียบๆ ก่อนที่จะเดินไปตรงหน้าน้องมนต์โดยที่ไม่ได้โดนตำรวจจับจูง

กูย่อตัวลงคุกเข่า พนมมือ แล้วโน้มตัวลงไปกราบที่ตีนน้องต่อหน้าทุกคนใน สน.

โดยที่กูคิดเอง ทำเอง และจะจบมันตรงนั้น

“... ฮึก” น้องเบ้หน้า พยายามหลบตีนออกเพราะกูกราบตรงหน้าตีนน้องพอดี

“ขออโหสิกรรมให้ผม นายศักรินทร์ ไม่ว่าจะกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ผมได้ทำกับน้องทั้งหมด”

“...”

“ผมจะเลิกยุ่งกับน้อง แล้วเลิกทำชั่วแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน” กูลุกขึ้นมาหลังจากพูดจบ แล้วหันหน้าประจันกับตำรวจนายนึง “พาผมเข้าห้องขังเถอะครับ”

“นายศักรินทร์ ถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด กับกระทำอนาจารโดยมิชอบ ข้อหลังจะเป็นการปรับ ส่วนข้อแรก กักขังเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน”

แม่นุ่มร้องไห้ออกมาทันทีตอนที่กูโดนพาตัวเข้าไปในที่กักขังที่ไม่ใช่เรือนจำ กูไม่ได้สนใจภาพนั้น แต่กลับเหลียวหลังไปมองร่างเล็กของน้องสวดมนต์ที่ยืนกับพ่อ

กูเห็นแววตาของเธอในตอนนั้น แต่ดูมันไม่ค่อยออก ก่อนที่ภาพนั้นจะไกลไปเรื่อยๆ

จบชีวิตวัยรุ่นอันแสนคึกคะนอง ไปพร้อมๆ กับรักแรกของกูในวันนั้น

สองปีหกเดือนผ่านไป...

“มึงมาถูพื้นตรงนี้ด้วย” เสียงทุ้มเข้มของพี่ทองดังขึ้นกลางสนามกอล์ฟ กูหันไปมอง ในขณะที่จะกำชับหมวกร็อคแอนด์โรลใบเท่ของตัวเองไว้ตอนที่พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวง “ดูดจัดไปล่ะ หัดทำงานมั่ง”

“โห่ พี่ทอง กูแววดูดหรี่แปปเดียว” กูพูดอย่างอ้อนๆ ตีนไปตามประสา ก่อนที่จะลากถังไม้ถูพื้นมาที่หน้าเคาน์เตอร์โรงอาหาร “ไม่จัดหรอก แค่สามสี่มวนในครึ่งชั่วโมงเองครับพี่”

“เพิ่งออกจากห้องขัง ขยันให้หนักหน่อยนะมึง” ร่างกำยำของพี่ทองพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้นที่มีรอยเท้า “เมื่อคืนฝนตก พื้นข้างนอกแฉะหมด ลูกค้าใส่รองเท้าเข้ามาก็ย่ำกันเข้าไป”

“กูเข้าใจ” กูพูดพร้อมกับชุบไม้ถูพื้นในถังสองสามครั้ง แล้วถูละเลงไปตามรอยตีนทั้งหมด “หน้าที่ของกูก็มีแค่นี้”

“เออ แล้ววันนี้ หลานสาวนายกจังหวัดจะมาตีกอล์ฟกับท่านเขา” พี่ทองพูดเหมือนนึกขึ้นได้ กูก็ฟังๆ ไป “เขาย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยแถวนี้ เลยได้อยู่กับท่านแทนพ่อแท้ๆ เขา”

“ลูกสาวนายกจังหวัด?” กูหันไปหรี่ตามองพอเห็นว่ามันมีพิรุธ “ไรวะพี่ รู้เรื่องขนาดนี้ไม่ธรรมดา”

“ก็กูรู้จักกับท่านอยู่” พี่ทองในร่างกำยำบิดไปมาแบบน่าหมั่นไส้ชิบหาย “หลานสาวเขาสวยแบบเกินบรรยาย”

“ชอบน้องเขา?” กูเลิกคิ้ว

“ก็แค่ปลื้มๆ แหละวะ หลานสาวนายกจังหวัด กูคงไม่กล้าเอื้อมหรอกไอ้ขวด” พี่ทองเรียกชื่อกูขึ้นมาเสียงดังเหมือนเขินๆ กูฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของตัวเอง แล้วถองศอกใส่มัน

“แล้วกูจะคอยดู”

กูถูพื้นรอบๆ ตรงนั้น จนย้ายไปถูพื้นตรงลานตีกอล์ฟ พอถูพื้นเสร็จ ก็ต้องมานั่งเก็บลูกกอล์ฟให้ลูกค้าที่เข้ามาเล่นในนี้

ท่ามกลางแดดร้อนจัด กูเก็บลูกกอล์ฟไปประมาณเกือบสี่สิบลูก คงอยากรู้ใช่ปะว่าทำไมหลังออกจากห้องขังกูถึงมาทำงานที่นี่ แล้วทำไมกูถึงเปลี่ยนไปเยอะ

ตอนเข้าไปในห้องขัง โดนขังแยกจากทุกคน กูได้เรียนรู้สัจธรรมอะไรหลายๆ อย่างพอเข้ามาอยู่ในที่แคบ ว่าแม่งก็ไม่ต่างไรจากกรอบที่ตีรอบตัวตนกูไว้ ให้กูได้สงบความบ้าคลั่งคึกคะนองของตัวเองลง

พ่อแม่มาเยี่ยมบ้าง แต่กูละอายเกินกว่าจะมองหน้า เลยได้แต่ถามคำตอบคำ ถามว่ารู้สึกผิดต่อครอบครัวไหม กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เท่าที่รู้ หลังจากอยู่ที่ห้องขังประมาณปีกว่า ปู่ฉลามดุก็มาเยี่ยม แล้วได้พูดอะไรบางอย่างกับกู

นั่นทำให้พอกูออกจากห้องขัง กูก็กลับมาอยู่บ้าน หางานยิบย่อยทำ สะสมเงินไปเรื่อยๆ ตอนแรกก็หางานยากอยู่เพราะมีประวัติต้องคดียาเสพติด แถมกับที่สักเต็มแขนสมัยที่คะนองตอนเด็ก

วันๆ กูเทียวออกแต่ไปทำงาน กลับมาก็นอน จนสะสมเงินได้จำนวนนึง กูก็ออกจากบ้าน ย้ายมาที่สัตหีบ มาทำงานลานตีกอล์ฟกับพี่ทองที่รู้จักกันผ่านเว็บพนัน ที่เคยหลงไปเล่นทีนึงตอนอยากได้เงินก้อนใหญ่ๆ แต่กลับหมดตัวจนต้องให้เขาช่วย

อย่างน้อยสังคมพวกนี้ พี่ทองก็ยังเป็นอีกคนนึงที่ไว้ใจได้ หางานให้ทำ แล้วกูก็ไม่ได้ทำที่นี่แค่ที่เดียว เพราะพอกูเรียนไม่จบ งานก็ยิ่งหายากขึ้นกว่าคนอื่นมากว่ะ

โลกแม่งกว้างใหญ่ชิบหาย จากที่ตอนวัยรุ่นคิดว่าเป็นคนที่รู้โลกสีเทามากกว่าใคร พอเข้ามาอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้นจริงๆ กูกลับแทบไม่รู้เหี้ยไรเลย

ถามว่ากูดีขึ้นไหม ก็ดีขึ้นหน่อย แบบพอเป็นผู้เป็นคนจากตอนนั้น พอมีเหตุมีผล ไม่ทำไรตามอารมณ์แบบเมื่อก่อน โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง กลายเป็นเข็ดไปเลยตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น ไม่ได้มีแฟนตั้งแต่เข้าห้องขังยันออกมาจนตอนนี้ เพราะกลัวใจตัวเองจะไปเข้าหาเขาแบบไม่ดี

คนคุยก็ไม่มี ไม่มีเหี้ยไรเลย เพราะทำงานจนไม่มีเวลาไปหา

โหลดแอพหาคู่มาเล่นบ้างว่ะ แต่ก็ไม่มีเวลาอยู่ดี

อย่างกูแม่งต้องหาคนที่เข้าใจได้จริงๆ อ่ะ ก็อย่างว่า คนมันมีอดีตไม่ดี

อีกอย่างทุกวันนี้ แค่ผู้หญิงปกติเห็นหน้ากู ก็ถอยกันหมด ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะหน้ากูมันออกทรงผู้ชายใจทราม

กูเก็บลูกกอล์ฟจนถึงเวลาพักงาน นั่งเช็ดเหงื่อที่แตกตามหน้าอยู่ข้างสนามกอล์ฟ ร้อนชิบหายวันนี้ แต่กูมันผู้ชาย ก็แค่ร้อน แต่ไม่ถึงตาย

งานหนักๆ มาก็ก็บ่ย่านอ่ะ

กูทำท่าจะลุก แต่เห็นว่าพี่ทองเดินพาใครมาเป็นโขยง ไม่เยอะ แค่สี่ห้าคน สองคนแรกเป็นคนมีอายุกับผู้หญิงในชุดเสื้อโปโลกระโปรงจีบเลยเข่ามานิดนึง ผมยาวสยายสีดำมัดขึ้นหางม้าผูกโบว์แบบในการ์ตูน มองไกลๆ เห็นไม่ชัดเพราะกูสายตาสั้น แต่เดาว่าคงเป็นหลานสาวนายกจังหวัดอะไรนั่น

แต่พอเดินมาใกล้ๆ เท่านั้นอ่ะ

... เชี่ย

“เอ้อ ท่านครับ นี่ลูกน้องผมเอง น้องที่สนิทกันมาก” พี่ทองที่เดินมาถึงตัวกูที่ยืนถือผ้าขี้ริ้วค้างเพราะตะลึงกับภาพตรงหน้าเดินมาตบบ่า เหมือนจะฝากฝังให้กูเป็นเด็กเส้นเขา พี่ทองชอบทำงี้กับกูตลอด จะให้มีแต่งานเข้ามาอย่างเดียวรึไงวะ

“หน้าตาดุดันใช้ได้” ท่านพูดตอนที่ไล่มองกูตั้งแต่หัวจรดตีน ฉีกยิ้มสามัญโต้ พอกูรู้ตัวว่าจ้องหน้าหลานสาวเขามากไปหน่อยเลยรีบก้มหน้า “น่าจะขยันนะ”

“ครับ คนนี้ขยันมาก” กูเห็นผู้หญิงคนนั้นมองมา รีบเอามือดึงหมวกคลุมมิดหน้าไว้ไม่ให้เธอเห็นหน้ากูชัดๆ แล้วก้มหน้าแทบชิดเข่าไหว้ท่านนายกจังหวัด

“สวัสดีครับท่าน”

“สวัสดีๆ ทำงานดีๆ นะไอ้หนุ่ม วันนี้แดดมันร้อน” ท่านตบบ่ากูหนักๆ ท่าทางใจดี ก่อนที่จะหันไปทางหลานสาวที่ยืนกุมมือท่าทางเรียบร้อย “มนต์ สวัสดีพี่เขาสิ”

“... สวัสดีค่ะ” เด็กสาวยกมือไหว้กู กูยกมือไหว้กลับแล้วเอาแต่ก้มหน้า จนเธอพูดขึ้นมา “... ใช่พี่ขวดรึเปล่าคะ”

“’...!!” กูเบิกตากว้างอย่างตกใจ เงยหน้าขึ้นมองเธอทันที ท่ามกลางท่าทีสงสัยของพี่ทองกับลุงของเธอ

ทำไมเธอถึงยังจำไอ้ชั่วอย่างกูได้อยู่อีก?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป