บทที่ 10 ยูกิ : 9
“เจ๊!!”
หลังจากที่ทั้งสองคนกำลังเปิดศึกน้ำลายกัน ฉันก็มองขึ้นไปบนชั้นสองเห็นผู้ชายผมชมพูกำลังจ้องเขม็งลงมายังโต๊ะที่พวกเราสามคนกำลังมีปากเสียงกัน
เพราะว่าคาสิโนแห่งนี้มันมีชั้นลอย ที่จะเป็นระเบียงไม้กั้นเป็นวงกลม ตรงกลางจะโล่ง ทำให้คนที่ยืนอยู่ชั้นนั้นสามารถมองลงมายังชั้นล่างเห็นทุกซอกทุกมุม
“เจ๊มีอะไรให้หงส์ช่วยทำหรือเปล่า” ฉันรีบละสายตาจากคุณยูกิที่มองลงมา แล้วรีบเข้าไปเขย่าแขนเจ๊ลิชาให้เธอละความสนใจจากจ๋าที่กำลังเถียงกันอยู่
“คุณมอม้ามอบหน้าที่ดูแลคุณยูกิให้เธอไม่ใช่เหรอ เรื่องในคาสิโนเธอไม่จำเป็นต้องทำหรอก ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของตัวเองให้ดีก็พอ”
เจ๊ลิชาเตือนฉันด้วยแววตาเป็นห่วง ฉันเลยพยักหน้ารับคำเจ๊แกแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังห้องทำงานของเจ้านายที่เขาไม่ต้องการ
ก๊อกๆ
ฉันยืนเคาะประตูไม้สักอยู่สองสามที เพื่อรอเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้อง แต่จนแล้วจนรอดคนที่ฉันรู้ว่าเขาอยู่ในห้องก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา
‘ขอแล้วนะ ไม่ยอมตอบเอง อย่ามาว่าที่หลังแล้วกัน’
ฉันบ่นๆ กับตัวเองเสร็จ ก็เลือกที่จะเปิดประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของคุณยูกิ เดินไปไม่ถึงสามก้าวก็ต้องหยุดเท้ากึก เมื่อมีความรู้สึกว่าข้างหลังตัวเองมีวัตถุอะไรแข็งๆ สักอย่างจ่ออยู่
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา” น้ำเสียงแข็งๆ เอ่ยถามฉัน ทำให้ขนในกายลุกชันกับลมหายใจเยือกเย็นที่เป่ารดต้นคอขาวเนียนของตัวเอง
“หะ หงส์เคาะแล้ว แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ แต่ก็ถือว่าขอ... อ๊ะ!”
ฉันที่ยังพูดไม่ทันจบดี คนเยือกเย็นที่เอาปืนจ่อหลังฉันอยู่ก็ผลักไหล่ฉันไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเขาตามเดิม
บรรยากาศกลับมาเงียบงันอีกครั้ง แต่มันกลับชวนขนลุกซู่เพราะมันเย็นยะเยือกเหมือนอยู่ในป่าช้าที่แสนจะวังเวง
“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ไอ้มอม้าสั่งให้ทำอะไรบ้างล่ะ”
หลังจากที่ภายในห้องเงียบไม่นาน คุณยูกิก็เอ่ยออกมาน้ำเสียงนิ่งๆ ปนเยือกเย็น
“เที่ยงนี้คุณยูกิจะทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ” ฉันเอ่ยถามถึงการมาเยือนครั้งนี้ของตัวเองออกไป คนถูกถามแทนที่จะตอบ เขากลับเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารตรงหน้า จ้องหน้าฉันด้วยแววตาที่เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“เรื่องแค่นี้ต้องให้บอก?”
เขาเอียงคอหน่อยๆ พร้อมกับเอ่ยแขวะฉันเสียงเรียบ ฉันถึงกับอึ้งกับคำตอบของเขาที่สุดแทนจะกวนโอ๊ยสุดๆ
คนอุตส่าห์ถามดีๆ
“ถ้าไม่มีเมนูอะไรอยากทานเป็นพิเศษงั้นรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวหงส์จะเอาอาหารเที่ยงมาให้” พูดจบฉันก็เดินปึงปันกระแทกเท้าด้วยความไม่พอใจออกมาจากห้องมนุษย์หน้านิ่งทันที
[Yuuki’s part]
ไม่มีมารยาทจริงๆ ผู้หญิงอะไรนี่ขนาดผมเป็นคนที่เธอบอกจะมาตอบแทนบุญคุณงี่เง่าอะไรนั่นแท้ๆ แต่แค่เรื่องอาหารการกินแค่นี้ยังต้องถ่อมาถามผม
แล้วแบบนี้จะตอบแทนอะไรผมได้ เรื่องขี้ประติ๋วยังคิดเองไม่เป็น
ผมนั่งทำงานต่อสักพักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ก๊อกๆ
“ขอเข้าไปนะคะ”
ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เสียงเคาะประตู แต่มีเสียงพูดกึ่งตะโกนของผู้หญิงที่เพิ่งออกจากห้องผมไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้าดังมาด้วย
