บทที่ 4 ยูกิ : 3

เปลือกตาน้อยๆ ค่อยๆ เบิกขึ้นเพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

ภาพที่เห็นหลังจากที่ปรับสายตาให้เข้ากับความสลัวๆ ในตรอกนี้ได้คือ ร่างของสองคนที่กำลังจะข่มขืนฉัน นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น สภาพดูเหมือนยังมีชีวิตแต่ก็เละเหมือนกับไม่หายใจ

พอละสายตาจากร่างสองร่างที่นอนแน่นิ่งบนพื้น ฉันก็เห็นกับคนที่จัดการสองคนนี้ที่เขากำลังจะเดินจากไป

“ดะ เดี๋ยวสิคะ!”

ฉันรีบร้องตะโกนออกไปจนสุดเสียง เมื่อภาพชายร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อแจ็คเกตหนังสีดำ ผมสีชมพู กำลังจะเดินจากไป

คนที่เพิ่งช่วยฉันเมื่อครู่ ชะงักเท้ากึกตามเสียงเรียก พร้อมกับเอี้ยวใบหน้ามามองฉันเพียงแค่ครู่เดียว

ทำให้ฉันสบเข้ากับแววตาแสนเย็นชานั้นที่มองมาแบบเยือกเย็นไร้ซึ้งอารมณ์ใดๆ

ร่างกายค้างนิ่งไปชั่ววิฯ เมื่อตั้งสติหาเสียงตัวเองเจอ กำลังจะเอ่ยคำขอบคุณก็ไม่ทันเสียแล้ว

ผู้มีพระคุณคนนั้นได้เดินจากไปจากตรอกแคบๆ นี้แล้ว

“ขอบคุณนะคะ”

แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ยังคงเอ่ยขอบคุณเขาตามหลังไป แม้รู้ว่าเขาคงไม่ได้ยินเสียงเล็กๆ ของตัวเองก็ตาม

‘หงส์ต้องรู้จักคุณคนนะลูก ใครดีกับเรา เราต้องตอบแทนเขา’

‘ชีวิตแลกชีวิตเหรอคะ’

‘ฮ่าๆ อันนั้นมันใช้กับการแก้แค้นมากกว่านะลูก’

‘ต้องใช้คำว่า บุญคุณต้องทดแทน แบบนี้เหมาะกว่านะ’

เสียงสองเสียงดังก้องอยู่ในหัวฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดประโยคพวกนั้นกับตัวเอง แต่อย่างน้อย ฉันก็จำคำสั่งสอนนั้นติดตัวมาและกำลังจะเริ่มการทดแทนบุญคุณผู้ชายคนนี้ให้จงได้

“ฉันจะต้องตามหาคุณให้เจอ ผู้มีพระคุณของฉัน”

.

.

:: ​ตามหาและการพบกันครั้งที่สอง ::

หลังจากวันที่ฉันเกือบถูกข่มขืนในตรอกวันนั้น และมีผู้ชายใจดีมาช่วยไว้ได้ทัน ฉันก็เริ่มออกตามหาเขาโดยการใช้เงินที่มีอยู่ จ้างคนที่มีฝีมือทางด้านวาดรูปเหมือนที่เจอเขาเปิดรับวาดอยู่ที่ตลาดนัดแห่งหนึ่ง

ด้วยความจำที่ค่อนข้างดีของฉันบวกกับฝีมือของนักวาดคนนั้น ทำให้ฉันได้รูปเหมือนของผู้มีพระคุณรวมทั้งรูปลูกน้องคนสนิทของป๊าอย่างฉิงเฉา

ฉันเริ่มออกตามหาพวกเขาไปทั่วทุกซองทุกมุมภายในละแวกนั้น แต่นี่ก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วฉันยังหาพวกเขาไม่เจอเลย

“ขอโทษนะคะ พอรู้จักผู้ชายในภาพนี้หรือเปล่า”

ฉันถามลุงที่น่าจะอายุประมาณห้าสิบปลายๆ ที่กำลังเดินสวนทางกับฉัน

เขารับกระดาษแผ่นนั้นไปดูสักพักก็ส่ายหัวกลับมา ไม่ใช่แค่คุณลุงท่านนี้หรอกนะ หลายๆ คนที่ฉันขอให้พวกเขาดูรูปวาดสองแผ่นในมือน้อยๆ ของตัวเอง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า

‘ไม่เคยเห็น’ หรือ ‘ไม่คุ้นหน้า’ ทั้งสองคนนี้เลย

“อย่าเพิ่งท้อสิไฉ่หง เธอต้องหาพวกเขาเจอ”

ฉันรวบรวมความฮึดอีกครั้งออกเดินตามหาพวกเขาไปเรื่อยๆ ค่ำไหนฉันก็นอนนั่น เพราะเงินติดตัวเหลือไม่กี่บาท ทำให้ต้องประหยัดเงินไว้ก่อน

แต่ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีของตัวเอง ที่หลังจากวันนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์เหมือนในตรอกนั้นเกิดขึ้นกับฉันอีกเลย

ผลั่ก!!

“โอ๊ย!” ฉันร้องลั่นเพราะรู้สึกเจ็บหน้าผากมน สงสัยฉันจะเดินคิดอะไรเหม่อลอยไปหน่อย

“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“ขอโทษค่ะ พอดีเหม่อนิดหน่อย”

ฉันลูบหน้าผากป้อยๆ ก้มหัวขอโทษคนที่ตัวเองเป็นคนเดินชน คิดว่านะ!?

ความจริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก ที่ฉันชนเมื่อกี้น่าจะเป็นไหล่ของผู้ชายร่างสูง หน้าตาคมเข้ม ตรงหน้า

“นี่ของคุณครับ”

เขายิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงไปหยิบกระดาษที่ฉันคงทำหล่นเมื่อกี้ส่งคืนให้ เสร็จแล้วเขาก็หันหลังกำลังจะเดินจากไป

“เดี๋ยวค่ะ!” ฉันรีบตะโกนเรียกผู้ชายตัวสูงผมดำ หน้าตาดี เพื่อให้เขาหยุด

“มีอะไรเหรอครับ”

“ไม่ทราบว่า พอจะคุ้นหน้าหรือรู้จักคนในภาพนี้หรือเปล่าคะ”

ฉันยื่นกระดาษแผ่นเดิมที่เขาหยิบส่งคืนมาให้เขาดูอีกครั้ง

ทันทีที่คนตรงหน้าหยิบกระดาษแผ่นนั้นไปดู เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าฉันช้าๆ พร้อมกับทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย

“รู้จักเหรอคะ?” ฉันเดาเอาจากปฏิกิริยาที่แตกต่างจากคนก่อนๆ

“ทำไมคุณถึงมีภาพวาดนี้”

เขาถามฉันน้ำเสียงแข็งกระด้าง พร้อมกับยกแผ่นภาพวาดแค่ภาพเดียวที่เป็นรูปผู้ชายผมสีชมพูขึ้นถาม

“เอ่อ...” เพราะสายตาดุดันที่จ้องมองฉันอยู่ ทำให้ฉันเริ่มจะเสียงขาดหาย

“ว่าไงครับ?” เขาขมวดคิ้ว พร้อมกับยกมือที่จับกระดาษใบนั้นสูงขึ้นอยู่ระดับใบหน้าเขาเอง

“คือ... เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉันน่ะค่ะ ฉันอยากจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ เลยจ้างคนวาดรูปนี้ขึ้นมา”

“แล้วอีกคน” ฉันที่ยังเล่าไม่จบ ผู้ชายผมดำคมเข้มตรงหน้าก็พูดแทรกขึ้น

“อีกคนเป็น ลูกพี่ลูกน้องฉัน เราพลัดหลงกันกลางทางฉันเลยออกตามหาเขาแล้วเจอกับพวกไม่ดีกำลังจะรุมทำร้าย เลยได้ผู้ชายผมสีชมพูคนนี้ช่วยไว้”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป