บทที่ 5 ยูกิ : 4
“อืม” ผู้ชายผมดำตรงหน้าพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“สรุปว่าคุณรู้จักคนในภาพนั้นหรือเปล่าคะ” ฉันรีบถามเขาออกไปอีกครั้งด้วยความร้อนรน
ครั้งนี้เขาไม่ยอมตอบคำถามฉัน ทำเพียงแค่หลี่ตามองสแกนฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับขมวดคิ้วนิดหน่อย
ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกระแวงกับสายตาที่ผู้ชายตรงหน้ามองมา เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรในใจ ไม่ยอมตอบคำถามหรือว่าพูดอะไรสักอย่าง เลยเอื้อมมือกะจะไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นในมือเขาคืนมา
แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของผู้ชายตรงหน้าเร็วมาก เขารีบยกมันชูขึ้นเหนือหัว พร้อมกับพูดสั่งให้ฉันหยุดการกระทำของตัวเอง
“เดี๋ยวดิ!”
“นั่นมันของฉันค่ะ เผื่อคุณจะลืม”
ฉันรู้สึกเสียหน้านิดๆ ที่แย่งภาพสองแผ่นของตัวเองมาไม่ได้เลยพูดน้ำเสียงประชดเขาไป
“แล้วใครบอกเธอ... ว่าฉันไม่รู้จัก?”
“ก็ถึงได้บอกไงว่าถ้าไม่ระ... ห๊ะ! เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ”
ฉันที่กำลังจะบ่นให้ผู้ชายตรงหน้าก็ตั้งสติได้ เมื่อกี้เขาบอกว่าเขารู้จักผู้ชายในภาพวาดนั้น?
“อื้ม รู้จักโคตรๆ เลยล่ะ”
หัวใจฉันพองโตขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก เผลอยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“งั้นคุณก็พาฉันไปพบเขาได้ใช่มั้ย ช่วยพาฉันไปหาเขาหน่อยนะคะ นะๆ”
ฉันจับหมับเข้าที่แขนที่มีกล้ามแน่นหนัดแล้วเขย่าเบาๆ เชิงขอร้อง
“ใจเย็นดิวะ!” เขาพูดเสียงดังพร้อมกับแกะมือฉันออกจากแขนเขา
“ขอโทษค่ะ ดีใจไปหน่อย” ฉันก้มหน้าขอโทษคนตรงหน้า
“เธอชื่ออะไร แล้วรู้จักคนในภาพวาดนี้ได้ยังไง”
ปล่อยให้เงียบไปได้สิบวิ ผู้ชายคนเดิมก็พูดถามฉันขึ้น
“แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร ก่อนจะให้สุภาพสตรีแนะนำตัว สุภาพบุรุษน่าจะบอกชื่อตัวเองก่อนนะคะ” เรื่องอะไรจะบอกชื่อกับคนแปลกหน้า
“ฉลาดดีนะเรา” คนตรงหน้าพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“ฉันชื่อ มอม้า เป็นคนที่โครตจะรู้เรื่องผู้ชายในกระดาษแผ่นนี้เลยล่ะ”
มอม้า? แปลกทั้งชื่อ ทั้งเจ้าของชื่อเลย
“หละ... หงส์ ฉันชื่อหงส์” เกือบหลุดปากออกไปแล้วเชียว
“อืม หงส์ ชื่อเพราะดีนะ”
มอม้าบ่นอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว เขาเอามือจับปลายคางตัวเอง มองสำรวจฉันหัวจรดเท้าอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าเหมือนพอใจอะไรมากมาย
“นี่นายคิดลามกอะไรอยู่หรือเปล่า บอกเลยนะ ฉันสู้คน”
ฉันยกมือตั้งการ์ดเหมือนนักมวย ก็แค่ท่าดีไปงั้นแหละ
“เฮ้ย! ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ระแวงเกินไปแล้ว”
ถึงแม้มอม้าเขาจะพูดแบบนั้น ฉันก็ยังไม่เลิกระแวงและไม่ลดมือลงจากท่าเดิมสักนิด
“ถ้าเธอไว้ใจ ฉันจะพาไปพบคนในนี้”
มอม้าถามฉันพร้อมกับยกภาพวาดในมือขั้นจ่อที่หน้าฉัน เหลืออีกไม่ถึงเซนฯ กระดาษในมือเขาก็จะแนบใบหน้าฉันแล้ว
@Yukkii casino
จะเรียกว่าใจง่าย หรือไว้ใจคนง่ายดี หลังจากที่ยืนชั่งใจไม่ถึงสิบวิฯ ก็ตัดสินใจเดินขึ้นรถมอม้าเพื่อมาเจอกับบุคคลที่เป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง
มอม้าพาฉันขับรถมาจากสถานที่ๆ เราเจอกันถึงสี่ชั่วโมงเต็ม ถึงว่าทำไมฉันพยายามตามหาเขาแถวๆ นั้นก็ไม่เจอ
‘ที่แท้ก็เพราะมันอยู่คนละซีกโลกแบบนี้สินะ’
“ถึงแล้ว เดี๋ยวยืนรอฉันแป๊บนะ”
หลังจากที่ลงจากรถเบนซ์สีดำเงาวับ มอม้าก็สั่งให้ฉันยืนรอเขาอยู่หน้าประตูทางเข้าสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นตัวตึกที่สูงประมาณสามชั้นมองขึ้นไปสุดคอน่าจะมีดาดฟ้าด้วยนะ
ประตูทางเข้าตึกเป็นกระจกทึบ มีการ์ดยืนเฝ้าประตูซ้ายขวาข้างละคน มองเลยขึ้นไปเหนือประตูกระจก มีป้ายสีทองอร่ามเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า
‘Yukkii Casino’
อ๋อ... ที่แท้มอม้าพาฉันมาที่คาสิโนสินะ
“ป้ะ! เข้าไปข้างในกัน”
เสียงของมอม้าทำให้ฉันละสายตาและความคิดเกี่ยวกับสถานที่ตรงหน้า
เมื่อกี้เหมือนเขาจะเดินไปทำอะไรสักอย่างแถวๆ หน้าคาสิโน แต่ตอนนี้เขากำลังเดินนำเข้าไปข้างในแล้ว
ก้าวแรกที่ฉันเหยียบย่างผ่านพ้นประตูของยุกกี้คาสิโน ก็พบกับบรรยากาศภายในที่ดูครึกครื้นเอามากๆ มีคนมาใช้บริการเยอะแยะเต็มไปหมด จัดแบ่งเป็นโซนๆ ไป
ฉันคิดว่านะ
เพราะถ้าเป็นพวกตู้เกม ตู้สล็อต จะวางไว้ที่มุมซ้ายมือ ตรงกลางจะเป็นโต๊ะวงไพ่ โป๊กเกอร์ และอะไรอีกไม่รู้ซึ่งฉันไม่สันทัดกับทางนี้เลยเดาไม่ถูก
มองเข้าไปข้างในติดกำแพงปูนที่มีลวดลายเพ้นส์สีสันแปลกตา เหมือนจะเป็นโซนบาร์เล็กๆ สำหรับให้ลูกค้าที่มาใช้บริการไปนั่งผ่อนคลาย สาวๆ ในชุดเด็กเสิร์ฟสีขาวดำกระโปรงบานสั้นเลยเข่าแค่คืบ สวมที่คาดผมกระต่ายหูยาว เดินกันให้ควั่ก
แต่ละคนหุ่นดีๆ สวยๆ กันทั้งนั้นเลยแฮะ
“เดี๋ยวเธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ขอเข้าไปบอกเฮียก่อน”
หลังจากที่มอม้าพาฉันเดินผ่านชั้นลอยที่สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของฉันหนึ่ง เดินขึ้นอีกสิบกว่าขั้นก็จะเป็นชั้นสอง
เราหยุดอยู่ตรงหน้าห้องๆ หนึ่งที่อยู่บนชั้นสองของคาสิโนแห่งนี้ ฉันมองไปรอบๆ บริเวณหน้าห้องที่เงียบสงัดแลดูวังเวงเมื่อฉันต้องยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว
พลันสายตาสะดุดเข้ากับป้ายที่เขียนแปะไว้ที่หน้าประตูห้องไม้สักตรงหน้า ป้ายสีขาวผืนผ้าน่าจะยาวสักไม้บรรทัดหนึ่ง เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงสดเหมือนสีเลือด ฉันเชื่อเลยว่าใครที่ได้อ่านข้อความจากป้ายนี้ต้องมีอาการ
‘ขนลุก’ และ ‘กลืนก้อนหนืดๆ ลงคอ’ เหมือนฉันแน่ๆ
‘พื้นที่ส่วนตัว ไม่อยากตาย!... เคาะประตู’
ช่างเป็นข้อความเตือนภัยถึงความเกรี้ยวกราดของเจ้าของห้องได้ดีจริงๆ
หรือว่าเขาอาจจะเป็นพวกเจ้าพ่อมาเฟีย หรือพวกมีอิทธิพลแถบนี้?
