บทที่ 8 ยูกิ : 7

“หงส์เป็นคนดี ถือเนื้อถือตัวแบบนั้น ผมว่าเธอคงไม่คิดเอาร่างกายตอบแทนแบบที่เฮียคิดหรอก แต่ไอ้เรื่องที่ว่าเธอจะตอบแทนยังไง ผมก็ไม่รู้ว่ะ”

เห็นมั้ย!

มันยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าโง่ๆ แบบนั้นจะตอบแทนผมได้แบบไหน แล้วยังจะมาหาว่าผมคิดอกุศลกับเธออีก

“แต่เฮียจะด่วนสรุปเอาเองแบบนี้ไม่ได้ ผู้หญิงไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน”

ไอ้มอม้าเน้นประโยคท้ายแบบหนักแน่น ผมรู้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร

“ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด มึงอย่ามาพูดให้ดูดี ถ้าไม่เจอกับตัว”

ผมขบกรามกรอด พูดน้ำเสียงรอดไรฟันออกไป

“เมื่อไหร่เฮียจะลืมเรื่องนั้นสักที นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วเหอะ จะเก็บมันให้เป็นไฟสุมอกไปถึงเมื่อไหร่”

ไอ้มอม้าเริ่มจะหัวเสียใส่ผม เวลาเราคุยเรื่องพวกนี้ทีไร มันที่รู้อดีตทุกอย่างของผมดีกว่าคนอื่นๆ ก็มักจะเตือนสติผมแบบนี้ทุกครั้ง

“แต่ก็ยังดี ที่เฮียยังไม่ไล่เธอไป ผมจะถือโอกาสให้เธอดูแลเฮียทุกอย่าง”

ผมรีบหันขวับมองหน้าไอ้มอม้า ที่มันตัดสินใจเอากระดูกมาแขวนคอผมทั้งๆ ที่ผมก็อุตส่าห์คว้างมันจากคอตัวเองแล้วแท้ๆ

“มึงคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทัน” ผมชี้หน้าไอ้มอม้าอย่างคาดโทษ

มันคงคิดจะให้ยัยตาฟ้านั่นมาทำให้ผมคุ้นชินและเลิกหวาดระแวงผู้หญิง

“ไม่รู้... รู้ทันแล้วไง เฮียปล่อยให้ผมจัดการเรื่องของหงส์แล้ว ห้ามกลับคำเด็ดขาด!”

ฉิบหาย!!

กูจะบ้าตาย ไม่น่าพลั้งปากใจอ่อนให้กับความช่างเซ้าซี้ของไอ้มอม้าเลย

“เอาที่มึงสบายใจ อย่าล้ำเส้นให้มาก แล้วก็ ยัยนั่นจะทนคนอย่างกูได้นานแค่ไหน กูไม่รับประกัน!”

ผมพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็หันกลับมาสนใจงานที่ค้างกองพเนินอยู่ตรงหน้าตามเดิม ส่วนไอ้มอม้ามันก็เดินออกไปจากห้องแทบจะทันที

เหนื่อยกับงานที่คนเป็นเจ้าของยุกกี้คาสิโนแห่งนี้อย่างผมที่ชื่อไอ้ยูกิคนนี้แล้ว แม่งยังต้องมานั่งเหนื่อยใจรับมือกับลูกน้องคนสนิทมือขวาที่ผมรักมันเหมือนน้องชายแท้ๆ อย่างไอ้มอม้าคนนี้อีก

ถ้ารวมไอ้ใบไม้ที่เป็นคนสนิทมือซ้ายผมอีกคนมาร่วมด้วยช่วยกันกับไอ้มอม้า ผมคงจะประสาทแดกตาย

ใครว่าการเป็นเจ้านายคนอื่นมันสบายวะ ลองมาบริหารยุกกี้คาสิโนของผมดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่า แม้แต่นรกยังไม่ทำให้คุณปวดหัวเท่ากับไอ้มอม้ากับไอ้ใบไม้ลูกน้องผมเลย

[End part]

หลังจากที่ถูกเจ้าของห้องไล่ออกมาแบบไม่สนใจใยดี ฉันก็ได้แต่เดินคอตกตามมอม้ามายังชั้นล่าง

“อย่าไปสนใจเฮียแกเลย เฮียก็แบบนี้แหละปากหมา แต่ใจดีนะ”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองมอม้าแทบจะไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำว่าใจดีของเจ้านายเขา

ถ้าแบบคนในห้องนั้นเรียกใจดี แล้วคนบนโลกนี้จะมีใครใจร้ายเหรอ?

“ไม่เชื่อฉันสินะ เดี๋ยวหงส์อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ก็จะชินเองแหละ ใหม่ๆ ใครก็กลัวเฮียแกแบบนี้ทุกคน”

“แล้วนายไม่กลัวเหรอ เห็นการพูดคุยในห้องแล้วดูท่าจะสนิทกันมากสินะ”

ฉันถามมอม้าพร้อมกับหน้าตาที่รอฟังคำตอบจากเขาแบบลุ้นๆ

“ฉันกับเฮียยูน่ะรู้จักกันมาเกือบสิบปี เฮียแกเป็นผู้มีพระคุณของฉันเหมือนกัน”

“งั้นนายก็มาทำงานที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณเขาเหมือนหงส์งั้นเหรอ แล้วทำไมทีหงส์พูดเขากลับไม่ต้องการ”

ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ

“เพราะแต่ก่อนเฮียเขาไม่ใช่คนแบบนี้ไงล่ะ ถ้าไม่ใช้เพราะ... ช่างมันเถอะ อย่ารู้เป็นดีที่สุด”

เหมือนมอม้ากำลังจะหลุดเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเฮียของเขา

“เออจริงสิ! หงส์ยังไม่รู้จักชื่อเฮียแกนี่หว่า”

ถ้ามอม้าไม่พูดมานี่ฉันก็ลืมถามไปเลย ตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนหน้า ฉันก็ยังไม่ได้ยินเขาแนะนำตัวหรืออะไรสักอย่าง

นอกจากสายตาเย็นชาที่มองฉันเหมือนอากาศธาตุที่มองไม่เห็น

“ก็เจ้านายมอม้าไม่เปิดโอกาสให้หงส์ได้ถามชื่อเลย แล้วตกลงเขาชื่ออะไรเหรอ หงส์จะได้เรียกถูก” ฉันทำตาวิ้งๆ ใคร่อยากรู้มองหน้ามอม้า

“เฮียยูกิ เวลาหงส์เจอก็ทักทายเฮียแกบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”

มอม้าพูดพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์มองหน้าฉัน

​“ชิน?” ฉันเอียงคอหน่อยๆ มองหน้ามอม้า

“ฉันอยากให้หงส์ช่วยพูดกับเฮียยูแกบ่อยๆ แกจะได้ชินกับผู้หญิงสักที”

“เอ่อ... ขอถามได้ไหม?”

ฉันเว้นประโยคต่อไปไว้ชั่ววิฯ มองหน้าคนตรงหน้าเพื่อรอคำตอบว่าจะให้พูดต่อได้หรือเปล่า

มอม้าพยักหน้าอนุญาตฉันเลยพูดต่อ

“ฟังจากที่นายพูดๆ มา เหมือนคุณยูกิจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงเลย หรือว่าเขาจะเป็น...”

“เฮ้ย! บ้า ไม่ใช่แบบนั้น อย่าไปเที่ยวพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินนะ ยิ่งเป็นเฮียยิ่งห้ามหลุดปากเด็ดขาด ไม่งั้นแม้แต่ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้นะเว้ย!”

อา... เกือบไปแล้วไฉ่หง ฉันรีบยกมือปิดปากตัวเองแน่น เกือบหาเหาใส่หัวแล้วมั้ยล่ะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป