บทที่ 7 เกิดเรื่อง
สุดท้ายฉันก็เดินออกมามินิมาร์ทหน้าปากซอยจนได้ ตอนแรกก็ว่าจะไม่มาหรอก อยู่ ๆ มันก็รู้สึกมึนหัวแปลก ๆ น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินนั่นแน่ ๆ แต่จะไม่มาก็ไม่ได้เพราะมันมีของที่จำเป็นต้องซื้อนี่น่ะสิ ส่วนขนมที่พวกพี่แฝดฝากซื้อก็อย่าได้หวัง ฉันไม่ซื้อให้พวกเขาแน่ ปากมากกันดีนัก ชิ!
หลังจ่ายเงินเสร็จ ฉันเดินหิ้วถุงออกมาจากมินิมาร์ทพลางกดโทรศัพท์ในมือไปด้วย ภายในซอยไม่ค่อยมืดเท่าไหร่ รถไม่ค่อยมีผ่านเพราะตอนนี้เริ่มดึกมากแล้ว ฉันเดินชิล ๆ ดูดน้ำชาเขียวรสน้ำผึ้งของโปรด ตาก็มองหน้าจอโทรศัพท์เพื่ออ่านแชทกลุ่มจากเพื่อน ๆ
Suey : พวกมึง...
Pipe : อะไร ปวดขี้?
Suey : ขี้พ่อง!
Pipe : 55555+ เออ ว่าไง มีไร?
ฉันกลอกตาใส่ความกวนตีนของ ไปป์ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม ไคโรว่ากวนตีนฉันมากแล้ว ยังไม่เท่าไอ้ไปป์คนนี้อ่ะพูดเลย มันไม่เคยเห็นฉันเป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ ไม่สิ พวกมันทั้งกลุ่มนั่นแหละที่ไม่เคยมองฉันเป็นผู้หญิง ชอบเล่นอะไรแรง ๆ พูดจาหยาบ ๆ ใส่ตลอด แต่แบบนี้ฉันรู้สึกโอเคกว่าตอนคุยกับพวกเพื่อนผู้หญิงอีกนะ มันดูไม่เฟคดีอ่ะ
Suey : กูจะบอกว่าพรุ่งนี้เปลี่ยนมาทำโปรเจ็คที่บ้านกูแทนนะ
UJ : อ้าว ทำไมวะ? หรือพ่อมึงบอกให้ไปทำที่นั่น?
Dno : เออ นั่นดิ พ่อหวงว่างั้น?
ยูเจกับดีโน่ เพื่อนอีกสองคนที่ขี่บิ๊กไบค์มาส่งหน้าบ้านฉันเมื่อตอนหัวค่ำพิมพ์ถามกลับมา ในกลุ่มนี้นอกจากไคไรกับไปป์แล้ว ยังมียูเจกับดีโน่ด้วย ถ้ารวมฉันในกลุ่มนี้ก็มีห้าคน ซึ่งมีแค่ฉันกับไคโรที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนตั้งแต่สมัยมัธยม ส่วนคนอื่นเพิ่งมาสนิทกันตอนรับน้อง
Suey : เออ ก็ไม่เชิง พ่อแค่ห่วงเฉย ๆ ไม่อยากให้กูกลับบ้านดึกบ่อย ๆ พวกมึงมีปัญหากันไหมล่ะถ้าจะย้ายมาทำบ้านกูแทนอ่ะ
Pipe : แล้วแต่อ่ะมึง กูยังไงก็ได้
UJ : ตามนั้น
Dno : เออ
Suey : แล้วนี่ไอ้ไคหายหัวไปไหน แชทไม่อ่าน มันกลับบ้านไปนานแล้วนะ
ฉันเดินมาถึงกลางซอยที่เริ่มมืดสลัวเล็กน้อย ไฟถนนติด ๆ ดับ ๆ ฟีลหนังผีชัด ๆ แต่ฉันชินล่ะ ห่วงฟุตบาทที่กำลังเหยียบอยู่มากกว่า กลัวเดิน ๆ แล้วสะดุดตัวหนอนที่มันนูนขึ้นมาเหลือเกิน นี่แหละชีวิตคนกรุง เดินไปตรงไหนก็มีแต่เรื่องให้ตื่นเต้น...
Pipe : หึ ๆ ๆ ๆ ป่านนี้มันยังไม่ถึงบ้านหรอกมึ้งงง มันคงถึงสวรรค์ดาวดึงส์ไปแล้ว
Suey : ไมวะ มันตาย?
UJ : ตายห่าอะไรล่ะ มันไปขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกับน้องเฟียซน่ะสิ!
Suey : เฟียซ? เฟียซไหนอีกวะ?
Dno : โอ้โห ไอ้สวย มึงเคยรู้อะไรบ้างเนี่ย อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักน้องเฟียซดาวคณะนิเทศฯ อ่ะ
ฉันขมวดคิ้วนึก ดาวคณะนิเทศฯ... หมายถึงคนที่สวย ๆ หุ่นดี ๆ ที่เคยเข้ามาทักไคโรเมื่อวันก่อนหรือเปล่าวะ ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพวกเรากำลังนั่งเล่นกันอยู่ใต้ตึกคณะ แล้วเธอก็เข้ามาทักมันด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ จนพวกผู้ชายในกลุ่มนี่เคลิ้มกันเป็นแถว ๆ แต่ไคโรมันก็ดูไม่ได้สนใจเธอสักเท่าไหร่นี่หว่า
Suey : มึงคิดว่ามันไปหาเธอเหรอวะ แต่วันก่อนยังเห็นมันควงรุ่นพี่ปีสองอยู่เลยนี่
Pipe : มึงนี่เด็กน้อยจริง ๆ ไอ้สวย คบมันมานานที่สุดยังไม่รู้สันดานมันอีกเหรอ คนอย่างไอ้ไคมันเคยคบใครนานที่ไหน
UJ : เออจริง แม่งใช้หญิงเปลืองกว่ากางเกงในอีกมั้ง 555+
เอี๊ยดดดดด!!
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยรีบเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมองเสียงเบรกที่ดังมาจากถนนด้านหน้า ต้นเสียงมาจากรถมอเตอร์ไซคันหนึ่งขับมาปาดหน้ากัน เด็กวัยรุ่นสองคนท่าทางเหมือนพวกเด็กแว๊นมองมาทางฉันด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ ฉันยืนนิ่งขมวดคิ้วมองหน้าพวกนั้นอย่างรู้สึกไม่คุ้นหน้า สองคนนี้ไม่ใช่คนแถวนี้แน่ ๆ เพราะปกติในซอยนี้ไม่เคยมีพวกแง๊น ๆ
“ส่งเงินกับโทรศัพท์มาถ้าไม่อยากเจ็บตัว” มีดพกปลายแหลมถูกยื่นมาข้างหน้าโดยคนซ้อนที่ก้าวลงจากรถมายืนข้างฉัน
เดี๋ยวนะ... นี่คิดจะปล้นฉันเหรอวะ?
“เร็ว!”
“...” ฉันมองมันด้วยสายตานิ่ง ๆ ไร้ความเกรงกลัว เอาจริง ๆ ไหม อาวุธแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ถ้าฉันจะสู้ ฉันก็สู้ได้ แต่เพราะร่างกายยังบอบช้ำจากเรื่องเมื่อคืน แถมยังมึน ๆ หัวอยู่ด้วย ฉันคิดว่าไม่เสี่ยงดีกว่า ยอม ๆ มันไปแล้วค่อยตามไปคิดบัญชีทีหลังก็ได้
ฉันค่อย ๆ ยื่นโทรศัพท์ในมือส่งให้ มืออีกข้างล้วงกระเป๋าอย่างอิดออด ภาวนาในใจว่าขอให้มีรถผ่านมาสักคันหรือใครก็ได้ผ่านมาสักคน ขณะที่พยายามจำหน้าพวกมันไว้ด้วย ถ้าหลุดไปได้เมื่อไหร่ฉันจะให้พ่อเสือตามไปจัดการให้หมดเลยคอยดู
“เร็วดิวะ! ลีลา!”
เพี๊ยะ!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันไม่ทันตั้งตัว ความชาแล่นวาบไปทั่วซีกแก้มฝั่งซ้าย สัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดเจือในปากจาง ๆ ฉันยกมือขึ้นกุมข้างแก้มแล้วตวัดสายตามองเจ้าของฝ่ามือที่ฟาดลงมาเมื่อครู่ มันกล้าดียังไงถึงตบหน้าฉันแบบนี้วะ! อยากตายมากสินะไอ้พวกเวร!!
ทว่าแววตาลุกลี้ลุกลนของมันกลับมองไปอีกทาง
และในวินาทีนั้นเลย...
พลั่ก!
“ทำเหี้ยอะไรกันวะ!!”
ฉันรู้สึกได้ถึงความเร็วบางอย่างผ่านหน้าไป เป็นร่างสูงของใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระโดดถีบไอ้คนที่ตบหน้าฉันจนกระเด็นลงไปนอนบนพื้นถนน เพื่อนมันที่คร่อมรถอยู่รีบสตาร์ทรถแล้วขี่หนี ไอ้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามรถก่อนกระโดดขึ้นคร่อมแล้วพากันหนีไป
“อย่าหนีนะเว้ย! แม่งเอ๊ย!!”
ร่างสูงสบถลั่นถนนอย่างหัวเสีย เมื่อเขาหันกลับมาฉันจึงได้เห็นหน้าเขาอย่างชัด ๆ สองตาเบิกกว้างทันทีที่สบกับดวงตาคม
“รุ่นพี่...”










































































